บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร? แม้พระเถระนั้นก็เป็นผู้มีอธิการอันกระทำไว้แล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญไว้เป็นอันมากในภพนั้นๆ ในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าวิปัสสี แล้วมีจิตเลื่อมใส ถวายบังคมด้วยเบญ วันหนึ่ง เขาเห็นบุรุษคนหนึ่งเป็นชู้กับเมียเขา ถูกลงโทษมีอย่างต่างๆ เกิดความสลดใจ ฟังธรรมในสำนักของพระศาสดาแล้วบวช ถึงจะบวชแล้ว เพราะความเป็นคนมีราคจริต จึงปัดกวาดบริเวณจนสะอาด ตั้งน้ำฉันน้ำใช้ไว้อย่างดี ตกแต่งเตียงตั่งอย่างเรียบร้อย. ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงมีนามปรากฏว่า "รมณียวิหารี". เพราะเป็นผู้หนาแน่นด้วยราคะ ท่านจึงทำกิจโดยไม่แยบยล ต้องอาบัติในเพราะตั้งใจทำน้ำสุกกะให้เคลื่อนแล้ว มีวิปฏิสารว่า น่าตำหนิตัวเราจริงหนอ เราเป็นอย่างนี้ พึงบริโภคอาหารที่เขาถวายด้วยศรัทธา (ได้อย่างไร) เดินไปโดยคิดว่าจักสึก นั่งพักที่โคนไม้ในระหว่างทาง. ก็เมื่อหมู่เกวียนเดินผ่านทางนั้นไป โคที่เขาเทียมเกวียนตัวหนึ่งเหน็ดเหนื่อย ลื่นตกไปในทางที่ไม่สม่ำเสมอ เจ้าของเกวียนจึงปลดมันออกจากแอก ให้หญ้าให้น้ำ พอหายเหนื่อยแล้วก็เทียมมันเข้าที่แอกอีก เดินทางต่อไป. พระเถระเห็นดังนั้นก็คิดว่า โคตัวนี้แม้พลาดไปแล้วหนหนึ่ง ยังลุกขึ้นนำธุระของตนไปได้ฉันใด แม้เราก็ฉันนั้น แม้จะพลั้งพลาดไปบ้างครั้งหนึ่งด้วยอำนาจกิเลส ก็ควรจะลุกขึ้นบำเพ็ญสมณธรรม ดังนี้แล้วเกิดโยนิโสมนสิการ กลับไปแจ้งข่าวความเป็นไปของตนแก่พระอุบาลีเถระ ออกจากอาบัติโดยวิธีที่กล่าวแล้วนั้น กระทำศีลให้บริสุทธิ์ดุจเดิม เจริญวิปัสสนา บรรลุพระอรหัตต่อกาลไม่นานนัก. สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า เราได้เห็นรอยพระบาทอันประดับด้วยจักรและเครื่องอลังการที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าวิปัสสี ผู้แสวงหาคุณใหญ่ ทรงเหยียบไว้ จึงเดินตามรอยพระบาทไป เราได้เห็นต้นหงอนไก่มีดอกบานจึงเก็บเอามาบูชาพร้อมทั้งราก เราร่าเริงมีจิตโสมนัส ได้ไหว้รอยพระบาทอันอุดม ในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ เราได้บูชา ในกัปที่ ๕๗ ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่าวีตมละ ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพลมาก. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เราทำสำเร็จแล้ว ดังนี้. ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้วเสวยวิมุตติสุข ได้กล่าวคาถาอันแสดงถึงการบรรลุอริยธรรม พร้อมกับข้อปฏิบัติเบื้องต้นของตนว่า โคอาชาไนยตัวสมบูรณ์ พลาดล้มแล้วย่อมกลับลุกขึ้น ตั้งตัวได้ฉันใด ท่านทั้งหลายจงทรงจำเราไว้ว่า เป็น สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้สมบูรณ์ด้วยทัสสนะ นั้นเถิด ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ขลิตฺวา แปลว่า พลาดแล้ว. บทว่า ปฏิติฏฺฐติ แปลว่า กลับลุกขึ้นตั้งหลักได้ คือกลับยืนอยู่ในที่เดิมได้อีก. บทว่า เอวํ ความว่า โคอาชาไนยตัวเจริญนำภาระไปถึงแหล่งที่มีอันตราย ลื่นล้มลงไปครั้งหนึ่ง เพราะเหตุที่ไม่เสมอกัน ไม่ทอดทิ้งธุระด้วยเหตุนั้น แม้ถึงจะพลาดไปก็กลับลุกขึ้นตั้งตัวได้ เพราะสมบูรณ์ด้วยกำลัง ความปราดเปรียวและความพยายามยืนหยัดอยู่ได้โดยสภาพของตนนั่นแลแล้วนำภาระไปได้ฉันใด ภิกษุผู้ประสบความลำบากเพราะกิเลสก็ฉันนั้น. ท่านทั้งหลายจงทรงจำข้าพเจ้าผู้ชื่อว่าสมบูรณ์ด้วยทัสสนะ เพราะถึงจะพลาดพลั้งไป เพราะความผิดพลาดจากการกระทำ ก็ยังทำความพลาดพลั้งนั้น ให้กลับบริสุทธิ์ดุจเดิม เพราะสมบูรณ์ด้วยกำลังและความเพียร โดยมีความเห็นชอบในมรรค. เพราะเหตุนั้นแล จึงชื่อว่าเป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเกิดแล้วโดยอริยชาติในภพสุดท้าย ชื่อว่าเป็นบุตรผู้เกิดแต่พระอุระ เพราะความเป็นผู้มีอภิชาติอันความพยายามให้เกิดแล้วที่พระอุระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น และชื่อว่าเป็นอาชาไนย เพราะมีหน้าที่คล้ายกับโคอาชาไนยตัวเจริญ. จบอรรถกถารมณียวิหารีเถรคาถา ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา เอกกนิบาต วรรคที่ ๕ ๕. รมนียวิหารีเถรคาถา จบ. |