บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร? แม้พระเถระนี้ก็หว่านพืช คือกุศลไว้ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตตระ ได้กระทำบุญนั้นๆ ไว้ เรื่องที่เหลือก็คล้ายกันกับเรื่องของพระอัญชนวนิยเถระนั่นแหละ. ส่วนข้อที่แปลกออกไปมีดังนี้ ได้ยินว่า พระเถระนี้บวชโดยนัยดังกล่าวแล้ว กระทำบุพกิจเสร็จแล้วอยู่ในป่า โดยอาศัยตระกูลของอุบาสกคนหนึ่งในบ้านหลังหนึ่งในแคว้นโกศล. อุบาสกนั้นเห็นพระเถระอยู่ที่โคนไม้ จึงสร้างกุฏิถวาย พระเถระอยู่ในกุฏิได้สมาธิ เพราะมีอาวาสเป็นที่สบาย ขวนขวายวิปัสสนา บรรลุพระอรหัตต่อกาลไม่นานนัก. สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า เราอยู่บนเครื่องลาดใบไม้ ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมวันต์ ในกาลนั้น เราถึงความลำบากในการหาอาหาร จึงมีการนอนเป็นปกติ เราขุดจาวมะพร้าว มันอ้วน มันมือเสือและมันนกมาไว้ เรานำเอาผลพุทรา ไม้รกฟ้า ผลมะตูม มาจัดแจงไว้. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตตระ ทรงรู้แจ้งโลก สมควรรับเครื่องบูชา ทรงทราบความดำริของเราแล้ว เสด็จมาสู่สำนักเรา เราได้เห็นพระองค์ผู้มหานาค ประเสริฐกว่าเทวดาเป็นนราสภ เสด็จมาแล้ว จึงหยิบเอามันมือเสือมาใส่ลงในบาตร ในกาลนั้น พระสัพพัญญูมหาวีรเจ้าจะทรงยังเราให้ยินดีจึงเสวย ครั้นเสวยเสร็จแล้วได้ตรัสพระคาถานี้ว่า ท่านยังจิตให้เลื่อมใสแล้ว ได้ถวายมันมือเสือแก่เรา ท่านจะไม่เข้าถึงทุคติตลอดแสนกัป ภพที่สุดย่อมเป็นไปแก่เรา เราถอนภพขึ้นได้หมดแล้ว เราทรงกายที่สุดไว้ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในกัปที่ ๕๔ แต่ภัทรกัปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสุเมขลิยะ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพลมาก. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เราทำสำเร็จแล้วดังนี้. ก็ครั้นท่านสำเร็จพระอรหัตแล้ว เมื่อจะเปล่งอุทานด้วยกำลังแห่งปีติอันบังเกิดแล้ว ด้วยการเสวยวิมุตติสุข จึงได้กล่าวคาถาว่า เราบวชแล้วด้วยศรัทธา เราทำกุฎีไว้ในป่า เราเป็น ผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีสติสัมปชัญญะ ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สทฺธาย ความว่า เราเห็นอานุภาพในการเสด็จเข้าไปยังพระนครเวสาลีของพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงบวชคือเข้าถึงเพศบรรพชาด้วยสามารถแห่งศรัทธาที่เกิดขึ้นแล้วว่า ศาสนานี้นำสัตว์ออกจากทุกข์โดยส่วนเดียว เพราะฉะนั้น เราจักพ้นจากชราและมรณะได้ ด้วยข้อปฏิบัตินี้แน่แท้ ดังนี้. ด้วยบทว่า อรญฺเญ เม กุฏิกา กตา นี้ พระเถระแสดงว่า เราผู้อยู่ในป่า สร้างกุฏิไว้โดยเหมาะสมแก่เพศบรรพชานั้น คือเราเป็นผู้มีปกติอยู่ในป่า หลีกออกจากหมู่อยู่ตามสมควรแก่เพศบรรพชา ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า เราเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีสติสัมปชัญญะ ดังนี้. พระเถระ เมื่อขวนขวายชาคริยธรรมด้วยกายวิเวกอันได้จากการอยู่ในป่า จึงชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว โดยการไม่อยู่ปราศจากสติในป่านั้น. ชื่อว่าปรารภความเพียร เพราะมีความเพียรอันปรารภแล้ว เจริญวิปัสสนาโดยบริบูรณ์ไปด้วยสติและสัมป ก็คาถานี้แหละได้เป็นการพยากรณ์พระอรหัตผลของพระเถระในการประกาศความเป็นผู้ไม่ประมาทเป็นต้น ก็เพราะเหตุที่ท่านอยู่แคว้นโกศลมาเป็นเวลานาน จึงเกิดเป็นสมัญญานามว่าโกสลวิหารีเถระฉะนี้แล. จบอรรถกถาโกสลวิหารีเถรคาถา ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา เอกกนิบาต วรรคที่ ๖ ๙. โกสัลลวิหารีเถรคาถา จบ. |