บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร? ได้ยินว่า พระเถระนี้เป็นพราหมณ์นามว่าสุวัจฉะ ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตตระ เรียนจบไตรเพท เห็นโทษในการอยู่ครองเรือน จึงบวชเป็นดาบส ให้สร้างอาศรมในซอกเขาชายป่า อยู่ร่วมกับดาบสเป็นอันมาก. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระประสงค์จะทรงปลูกพืชคือกุศลแก่เขา จึง (เสด็จไป) ประทับยืนอยู่บนอากาศ ใกล้อาศรม แล้วทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์. สุวัจฉดาบสเห็นอิทธิปาฏิหาริย์นั้น เป็นผู้มีใจเลื่อมใส ใคร่จะบูชา จึงเก็บเอาดอกสารภี (มาถวาย). พระศาสดาทรงพระดำริว่า พอแล้วสำหรับพืชคือกุศลมีประมาณเท่านี้แห่งดาบสผู้นี้ ดังนี้แล้ว เสด็จหลีกไป. พระดาบสเก็บดอกไม้มาโรยทางที่พระบรมศาสดาเสด็จผ่านไป แล้วยังจิตให้เลื่อมใส ยืนประคองอัญชลีอยู่แล้ว. ด้วยบุญกรรมนั้น เขาบังเกิดในเทวโลก ท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่แต่ในสุคติภพเท่านั้น เกิดในตระกูลพราหมณ์ แคว้นมคธ ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้นามว่าธรรมสวะ ถึงความเป็นผู้รู้แล้ว อันเหตุสมบัติตักเตือนอยู่ เห็นโทษในการอยู่ครองเรือนและอานิสงส์ในบรรพชา เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ประทับอยู่ในทักขิณาคิรีชนบท ฟังธรรมแล้วได้เป็นผู้มีจิตศรัทธา บรรพชาแล้ว เจริญวิปัสสนา บรรลุพระอรหัตแล้วต่อกาลไม่นานนัก. สมดังคาถาพยากรณ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า๑- เราเป็นพราหมณ์นามว่าสุวัจฉะ เป็นผู้รู้เจนจบมนต์ แวดล้อมด้วยศิษย์ของตน อยู่ ณ ระหว่างภูเขา พระชินเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้สมควรรับเครื่องบูชา พระองค์ทรงประสงค์จะรื้อถอน (ช่วยเหลือ) เรา จึงเสด็จมายังสำนักเรา เสด็จจงกรมอยู่บนเวหาส เหมือนประทีปอันโพลงฉะนั้น ทรงทราบว่า เรายินดีแล้ว บ่ายพระพักตร์กลับไปทางทิศประจิม ก็เราได้เห็นความอัศจรรย์อันไม่เคยมี น่าขนพองสยองเกล้านั้นแล้ว ได้เก็บเอาดอกสารภีไปโปรยลงที่ทางเสด็จผ่าน ในกัปที่แสน แต่ภัทรกัปนี้ เราโปรยดอกไม้ใด ด้วยจิตอันเลื่อมใสนั้น เราไม่เข้าถึงทุคติเลย. ในกัปที่ ๓๑ แต่ภัทรกัปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชมีพระนามว่า "มหารถะ" สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพลมาก. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระทำสำเร็จแล้วดังนี้. ____________________________ ๑- ขุ. อ. เล่ม ๓๒/ข้อ ๑๖๐ ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้วพิจารณาข้อปฏิบัติของตน ถึงความโสมนัส ได้กล่าวคาถาด้วยสามารถแห่งอุทานว่า เราได้พิจารณาเห็นแล้ว จึงออกบวชเป็นบรรพชิต เราได้บรรลุวิชชา ๓ แล้ว บำเพ็ญกิจในพระพุทธ ศาสนาเสร็จแล้ว ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปพฺพชึ ตุลยิตฺวาน ความว่า พิจารณาคือสอดส่องซึ่งโทษในฆราวาส โดยนัยมีอาทิว่า การอยู่ครองเรือนคับแคบ เป็นทางแห่งละอองธุลี ดังนี้ ได้แก่ พิจารณาโทษในกามทั้งหลาย โดยนัยมีอาทิว่า กามทั้งหลายมีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก ดังนี้ และอานิสงส์ในการออกบวช โดยตรงข้ามกับโทษในกามนั้น ด้วยปัญญาอันเป็นดุจตราชั่ง. คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวในหนหลังแล้วทั้งนั้น. ก็คำเป็นคาถานี้แหละได้เป็นคาถาพยากรณ์พระอรหัตผลของพระเถระ ฉะนี้แล. จบอรรถกถาธรรมสวเถรคาถา ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา เอกกนิบาต วรรคที่ ๑๑ ๗. ธรรมสังวรเถรคาถา จบ. |