บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร? ได้ยินมาว่า พระเถระนี้เกิดในเรือนแห่งตระกูล ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยบุญกรรมนั้น เขาไปบังเกิดในเทวโลก กระทำบุญแล้วท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เกิดเป็นบุตรของคฤหบดีคนหนึ่ง ในพระนครสาวัตถี ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้มีนามว่าทัตตะ. เขาเจริญวัยแล้วอยู่ครอบครองเรือน ไม่รู้จักความเป็นอคมนียัฏฐาน จึงทำการล่วงละเมิด. ต่อมารู้จักความเป็นอคมนียัฏฐานแล้ว จึงเกิดความสลดใจ บวชแล้ว รังเกียจกรรมนั้น ดำรงตนตามลูขปฏิปทา (ปฏิบัติอย่างเศร้าหมอง) ถือบังสุกุลจีวรและบาตรดินมีลักษณะคล้ายหม้อรดน้ำศพ กระทำกุฎีด้วยใบตาล ๓ ใบอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงได้สมญานามว่า คังคาตีริยะ. ท่านอธิษฐานจิตว่า เรายังไม่ได้บรรลุพระอรหัต จะไม่สนทนากับใครๆ แล้วเป็นผู้นิ่งอยู่ตลอดปีแรก ไม่ยอมทำวจีเภท (ไม่ยอมพูดจา) เลย อยู่แล้ว. ในปีที่สอง ถูกหญิงคนหนึ่งในโคจรคาม ประสงค์จะทดลองว่า เป็นใบ้หรือเปล่า จึงเมื่อจะเทน้ำนมลงในบาตร แกล้งทำเป็นมือพิการเทราดลงไป เผลอเปล่งวาจาออกไปว่า พอละน้องหญิง. แต่ในปีที่ ๓ เพียรพยายามอยู่บรรลุพระอรหัตแล้วในระหว่างพรรษาทีเดียว. สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า๑- เรามีจิตเลื่อมใส มีใจโสมนัส ในภิกษุสงฆ์ผู้ยอดเยี่ยมของพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ จึงได้ตักน้ำใส่หม้อน้ำฉันจนเต็ม ในเวลาที่เราจะต้องการน้ำ จะเป็นยอดภูเขา ยอดไม้ ในอากาศ หรือพื้นดิน น้ำย่อมเกิดแก่เราทันที. ในกัปที่แสน แต่ภัทรกัปนี้ เราได้ให้ทานใดในกาลนั้น ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการให้น้ำเป็นทาน. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระทำสำเร็จแล้ว ดังนี้. ____________________________ ๑- ขุ. อ. เล่ม ๓๓/ข้อ ๘๗ ก็พระเถระครั้นเป็นพระอรหันต์แล้ว เมื่อจะพยากรณ์พระอรหัตผลด้วยมุขคือการชี้แจงข้อปฏิบัติอันเป็นส่วนเบื้องต้นของตน ได้กล่าวคาถา ๒ คาถาความว่า เราทำกระท่อมด้วยใบตาล ๓ ใบ ที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา บาตรของเราเหมือนดังหม้อสำหรับรดน้ำศพและจีวร ของเราเป็นดังผ้าคลุกฝุ่น ในระหว่าง ๒ พรรษา เรา พูดเพียงคำเดียว ในภายในพรรษาที่ ๓ เราทำลาย กองความมืด คืออวิชชาได้แล้ว ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ติณฺณํ เม ตาลปตฺตานํ คงฺคาตีเร กุฏี กตา ความว่า เราสร้างกุฏีไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา เพื่อป้องกันฝนด้วยใบตาล ๓ ใบ ซึ่งหล่นลงมาจากต้นตาล. พระเถระแสดงความสันโดษด้วยเสนาสนะของตน ด้วยบทนั้น. สมจริงดังคำเป็นคาถาที่พระธรรมเสนาบดีกล่าวไว้ว่า สำหรับภิกษุผู้มีความเพียร นั่งขัดสมาธิ ไม่ คุกเข่า เป็นการเพียงพอที่จะอยู่ได้สบาย. ปาฐะว่า ตาลปตฺตีนํปิ ดังนี้ก็มี ความก็อย่างนั้น. บทว่า ฉวสิตฺโตว เม ปตฺโต ความว่า บาตรของเราเหมือนดังหม้อสำหรับตักน้ำรดศพ. อธิบายว่า คล้ายหม้อนํ้าสำหรับรดนํ้านมให้คนตาย. บทว่า ปํสุกูลญฺจ จีวรํ ความว่า และจีวรของเราก็เป็นดังผ้าคลุกฝุ่นที่ทำด้วยเศษผ้า (ผ้าขี้ริ้ว) ที่เขาทิ้งแล้วในที่ทั้งหลายมีระหว่างทางและป่าช้าเป็นต้น พระเถระแสดงความสันโดษด้วยบริขาร ด้วยบททั้งสอง. บทว่า ทวินฺนํ อนฺตรวสฺสานํ ความว่า ในระหว่างพรรษาทั้งสอง คือในปีที่บรรลุพระอรหัต นับแต่บวชแล้ว. บทว่า เอกา วาจา เม ภาสิตา ความว่า เราพูดเพียงคำเดียว คือกล่าว บทว่า ตติเย อนฺตรวสฺสมฺหิ ความว่า ในระหว่างปีที่ ๓ ได้แก่ ยังไม่ทันครบปีที่ ๓ นั่นเอง. บทว่า ตโมขนฺโธ ปทาลิโต ความว่า กองแห่งความมืดอันเราทำลายแล้วด้วยมรรคอันเลิศ. อธิบายว่า กิเลสอย่างละเอียดที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน คืออวิชชาอันเราตัดขาดแล้ว. ด้วยบทว่า ตโมขนฺโธ ปทาลิโต นั้น พระเถระกล่าวถึงการละกิเลสทั้งปวงได้โดยไม่เหลือ เพราะตั้งอยู่เป็นอันเดียวกันกับอวิชชานั้น. จบอรรถกถาคังคาตีริยเถรคาถา ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา ทุกนิบาต วรรคที่ ๑ ๔. คังคาตีริยเถรคาถา จบ. |