ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 26 / 1อ่านอรรถกถา 26 / 262อรรถกถา เล่มที่ 26 ข้อ 263อ่านอรรถกถา 26 / 264อ่านอรรถกถา 26 / 474
อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา ทุกนิบาต วรรคที่ ๑
๖. เมฬชินเถรคาถา

               อรรถกถาเมฬชินเถรคาถา               
               คาถาของท่านพระเมฬชินเถระ เริ่มต้นว่า ยทาหํ ธมฺมมสฺโสสึ.
               เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร?
               แม้พระเถระนี้ ก็เป็นผู้มีอธิการอันกระทำแล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายไว้ในภพนั้นๆ เกิดในเรือนแห่งตระกูล ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสุเมธะ บรรลุนิติภาวะแล้ว วันหนึ่งเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเที่ยวไปบิณฑบาต มีใจเลื่อมใส ได้ถวายผลอาโมทะมีรสอร่อย.
               ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยวไปเกิดในตระกูลกษัตริย์ กรุงพาราณสี ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้นามว่าเมฬชินะ ถึงความสำเร็จในศิลปวิทยา เป็นผู้ฉลาดปราดเปรื่องมีนามกระฉ่อนปรากฏไปทั่วทิศ. เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ป่าอิสิปตนะ กรุงพาราณสี เขาไปสู่พระวิหาร เข้าเฝ้าพระศาสดา ฟังธรรมแล้วได้ศรัทธาจิต บวชแล้วเริ่มตั้งวิปัสสนา บรรลุพระอรหัตในวันนั้นเอง.
               สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า๑-
               พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สยัมภู ผู้มีพระรัศมีนับด้วยพัน ไม่ทรงพ่ายแพ้อะไรๆ ทรงออกจากวิเวกแล้ว เสด็จออกโคจรบิณฑบาต เราถือผลไม้อยู่ได้เห็นแล้ว จึงได้เข้าไปเฝ้าพระนราสภ เรามีจิตเลื่อมใส มีใจโสมนัส ได้ถวายผลไม้.
               ในกัปที่ ๙๔ แต่ภัทรกัปนี้ เราได้ถวายผลไม้ใดในกาลนั้น ด้วยการถวายผลไม้นั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระทำสำเร็จแล้ว ดังนี้.
____________________________
๑- ขุ. อ. เล่ม ๓๓/ข้อ ๙๔

               ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว ในเวลาต่อมาอันภิกษุทั้งหลายถามว่า อาวุโส ท่านได้บรรลุอุตริมนุสธรรมแล้วหรือ
               เมื่อจะบันลือสีหนาทได้กล่าวคาถา ๒ คาถา ความว่า
                         เมื่อใด เราได้ฟังธรรมของพระศาสดาผู้ทรงแสดงอยู่
                         เมื่อนั้น เราไม่รู้สึกความสงสัยในพระศาสดาผู้รู้ธรรม
                         ทั้งปวง ผู้อันใครๆ ชนะไม่ได้ ผู้นำหมู่แกล้วกล้าเป็น
                         อันมาก ประเสริฐสุดกว่าสารถีทั้งหลาย หรือว่าความ
                         สงสัยในมรรคปฎิปทา ย่อมไม่มีแก่เรา.

               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยทา ได้แก่ ในกาลใด. พระเถระเรียกตัวเองว่า "เรา".
               บทว่า ธมฺมํ ได้แก่ ธรรม คืออริยสัจ ๔.
               บทว่า อสฺโสสึ แปลว่า ฟังแล้ว.
               บทว่า สตฺถุโน ความว่า ชื่อว่าศาสดา เพราะอรรถว่าทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลายด้วยประโยชน์ทั้งหลายมีทิฎฐธัมมิกัตถประโยชน์เป็นต้น.
               บทว่า กงฺขํ แปลว่า ความสงสัย พระผู้มีพระภาคเจ้าชื่อว่าเป็นสัพพัญญู เพราะอรรถว่าทรงรู้สังขตธรรมและอสังขตธรรม โดยไม่มีส่วนเหลือ.
               ชื่อว่า อปราชิเต เพราะไม่มีผู้ที่จะทำให้พ่ายแพ้ได้ ไม่ว่าที่ไหนๆ.
               ชื่อว่า สตฺถวาเห เพราะอรรถว่าขนสัตว์จากกันดารคือสงสาร ไปสู่พระนิพพาน.
               ท่านกล่าวคำอธิบายไว้ดังนี้.
               นับจำเดิมแต่เวลาที่พระศาสดาทรงแสดงธรรม เราได้ฟังคือเข้าไปทรงจำ ด้วยการแล่นไปตามแห่งโสตทวาร ได้แก่ได้รับจตุสัจจธรรม เราไม่มีความสงสัยในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ชื่อว่าทรงหยั่งรู้พระสัพพัญญุตญาณ โดยไม่มีอะไรขัดขวาง เพราะทรงรู้สมมุติธรรมทั้งที่เป็นสังขตะและอสังขตะโดยไม่มีส่วนเหลือ ด้วยสยัมภูญาณ.
               ชื่อว่าผู้อันใครๆ ชนะไม่ได้ เพราะความเป็นผู้อันมารเหล่านั้นชนะไม่ได้ โดยที่ทรงครอบงำมารแม้ทั้ง ๕ ไว้ได้ และเพราะความเป็นผู้มีจักรคือธรรม อันใครๆ กำจัดไม่ได้ในโลกพร้อมทั้งเทวโลก.
               ชื่อว่าเป็นผู้นำหมู่ เพราะทรงนำเวไนยสัตว์ให้ผ่านพ้นกันดารมีโลภกันดารเป็นต้น.
               ชื่อว่าแกล้วกล้าเป็นอันมาก เพราะทรงตัดกำกงแห่งสงสารอันใหญ่หลวงได้เด็ดขาด.
               ชื่อว่าเป็นผู้ประเสริฐ คือสูงสุดกว่าสารถีทั้งหลาย เพราะทรงเป็นที่พึ่ง คือทรงฝึกบุรุษที่ควรฝึกอันคนอื่นฝึกได้ยากได้ด้วยการฝึกที่ดีที่สุด.
               ว่าเป็นพระพุทธเจ้า (จริง) หรือหนอ หรือไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า เพราะไม่มีความเคลือบแฝงอย่างอื่นเป็นปัจจัย.
               ก็ข้อกังขา คือความสงสัยในอริยมรรคอันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้วเห็นปานนั้น และในปฎิปทามีศีลเป็นต้นอันเป็นปฏิปทาที่สมควรแก่พระอริยมรรคนั้นว่า จะเป็นธรรมนำสัตว์ให้พ้นทุกข์ได้จริงหรือไม่หนอ ดังนี้ ย่อมไม่มี คือไม่มีข้อสงสัย.
               ก็ในบาทคาถานี้ พึงทราบว่า ด้วยการกล่าวถึงความสงสัยในอริยธรรม ก็เป็นอันท่านกล่าวถึงความสงสัยแม้ในพระอริยสงฆ์ไว้ด้วยแล้วทีเดียว เพราะความเป็นผู้ตั้งอยู่ในมรรคนั้นโดยไม่มีความเป็นอย่างอื่น ฉะนี้แล.

               จบอรรถกถาเมฬชินเถรคาถา               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา ทุกนิบาต วรรคที่ ๑ ๖. เมฬชินเถรคาถา จบ.
อ่านอรรถกถา 26 / 1อ่านอรรถกถา 26 / 262อรรถกถา เล่มที่ 26 ข้อ 263อ่านอรรถกถา 26 / 264อ่านอรรถกถา 26 / 474
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=26&A=5707&Z=5712
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=32&A=8662
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=32&A=8662
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๓  มกราคม  พ.ศ.  ๒๕๕๐
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :