บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร? ได้ยินมาว่า พระเถระนี้เกิดในเรือนแห่งตระกูล ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าอโนมทัสสี บรรลุนิติภาวะแล้ว วันหนึ่งถือเอาคู่แห่งรองเท้า น่าพึงใจและน่าดู มีสัมผัสที่อ่อนนุ่ม สวมใส่สบายเดินทางไป เห็นพระศาสดากำลังทรงจงกรมอยู่ มีใจเลื่อมใส น้อมเอารองเท้าเข้าไปถวาย กราบทูลว่า ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงสวมรองเท้า อันจะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ข้าพระองค์ตลอดกาลนาน. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสวมรองเท้าเพื่อจะทรงอนุเคราะห์เขา. ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เกิดในตระกูลแห่งคฤหบดี ในจัมปานคร ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้มีนามว่า ภรตะ. เขาบรรลุนิติภาวะแล้ว ฟังความที่พระโสณเถระบวชแล้ว เกิดความสลดใจว่า แม้ขึ้นชื่อว่าพระโสณเถระก็ยังบวช ดังนี้แล้วออกบวช กระทำบุรพกิจเสร็จแล้ว กระทำกรรมในวิปัสสนา ได้เป็นผู้มีอภิญญา ๖ ต่อกาลไม่นานนัก. สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า๑- พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าอโนมทัสสี เชษฐบุรุษ เราสวมรองเท้าที่ทำอย่างดีออกเดินทางไป ณ ที่นั้น เราได้เห็นพระสัมมา ข้าแต่พระสุคตผู้เป็นมหาวีรบุรุษ เป็นใหญ่ เป็นผู้นำชั้นพิเศษ ขอ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าอโนมทัสสี เชษฐ ผู้ใดเลื่อมใสถวายคู่แห่งรองเท้าแก่เราด้วยมือทั้งสองของตน เราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว. เทวดาทุกๆ องค์ได้ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า เพราะการถวายรองเท้านี้แล ผู้นี้จักเป็นผู้ถึง ในกัปซึ่งนับไม่ถ้วนแต่ภัทรกัปนี้ สกุลโอกากราชจักสมภพ พระศาสดามีพระนามว่าโคดม จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ผู้นี้จักเป็นทายาทในธรรมของพระศาสดาพระองค์นั้น เป็นโอรสอันธรรมเนรมิต จักกำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว จักเป็นผู้ไม่มีอาสวะ ปรินิพ ปราสาท วอ ช้างที่ประดับประดาแล้วและรถที่เทียมแล้วด้วยม้าอาชาไนย ย่อมเกิดปรากฏแก่เราทุกเมื่อ แม้เมื่อเราออกบวชก็ได้ออกบวชด้วยรถ ได้บรรลุพระอรหัต เมื่อกำลังปลงผม นี้เป็นลาภของเรา เราได้ดีแล้ว คือการค้าขายเราได้ประกอบถูกทางแล้ว เราถวายรองเท้าคู่หนึ่ง จึงได้บรรลุบทอันไม่หวั่นไหว. ในกัปอันประมาณมิได้ นับแต่ภัทรกัปนี้ เราได้ถวายรองเท้าใด ด้วยการถวายรองเท้านั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายรองเท้า. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำ ____________________________ ๑- ขุ. อ. เล่ม ๓๓/ข้อ ๖๙ ก็พระเถระผู้มีอภิญญา ๖ แล้ว เมื่อพระนันทกเถระผู้เป็นน้องชายของตน กระทำ เมื่อจะบอกถึงความปริวิตกอันเกิดขึ้นแล้วแก่พระนันทกเถระว่า บัดนี้ แม้พระนันทกะก็เป็นพระอรหัตแล้ว เอาเถิด เราแม้ทั้งสองไปสู่สำนักของพระศาสดาแล้ว จักกราบทูลความที่เราทั้งสองเป็นผู้มีพรหมจรรย์อันอยู่จบแล้วดังนี้ ได้กล่าวคาถา ๒ คาถาความว่า มาเถิดนันทกะ เราจงพากันไปยังสำนักของพระอุปัชฌาย์ เถิด เราจักบันลือสีหนาท เฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐ พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นมุนีมีความเอ็นดูเรา ทรงให้บรรพชาเพื่อประโยชน์อันใด ประโยชน์อันนั้นเรา ก็ได้บรรลุแล้ว ความสิ้นไปแห่งสังโยชน์ทั้งปวง เราก็ได้ บรรลุแล้ว ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นนฺทก เป็นอาลปนะ (คำเรียกร้อง). บทว่า เอหิ เป็นคำเรียกให้พระนันทกเถระมายังสำนักของตน. บทว่า คจฺฉาม เป็นคำชวนให้พระนันทกเถระกระทำกิจที่ควรทำร่วมกับตน. บทว่า อุปชฺฌายสฺส หมายถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า. อธิบายว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมควรเรียกขานว่าเป็นพระอุปัชฌาย์โดยพิเศษ เพราะทรงเข้าไปเพ่งโทษน้อยและโทษใหญ่ ของสัตวโลกพร้อมทั้งเทวโลก โดยทรงตรวจดูอัธยาศัย อนุสัยและจริตเป็นต้นของสัตว์ทั้งหลายตามความเป็นจริงด้วยพระสมันตจักษุและด้วยพุทธจักษุ. เพื่อจะแสดงถึงประโยชน์ของการไป พระเถระจึงกล่าวว่า สีหนาทํ นทิสฺสาม พุทฺ อธิบายว่า เราจักบันลืออรรถพจน์อันชื่อว่า สีหนาท เพราะเป็นการบันลืออย่างไม่เกรงขาม โดยการประมวลมาซึ่งคุณพิเศษตามความเป็นจริงต่อหน้า คือเฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ชื่อว่าประเสริฐที่สุด เพราะความเป็นผู้สูงสุดกว่าสัตว์ทั้งปวงนั้นแล หรือประเสริฐสุดกว่าท่านผู้รู้ทั้งหลาย ก็พระเถระเมื่อจะแสดงความเป็นผู้ประสงค์จะบันลือสีหนาท จึงกล่าวคาถามีอาทิว่า ยาย ดังนี้. พึงทราบวินิจฉัยในคาถาที่สองดังต่อไปนี้ บทว่า ยาย ความว่า เพื่อประโยชน์อันใด. อธิบายว่า เพื่อข้อปฏิบัติอันสมควรแก่ประโยชน์อันใด. บทว่า โน เท่ากับ อมฺหากํ แปลว่า แก่เราทั้งหลาย. บทว่า อนุกมฺปาย ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้ายังเราแม้ทั้งสองให้บรรพชา คือให้บวช ด้วยทรงอนุเคราะห์. บทว่า มุนี ได้แก่ พระผู้มีพระภาคเจ้า. บทว่า โส โน อตฺโถ อนุปฺปตฺโต มีอธิบายว่า ประโยชน์นั้น ได้แก่พระอรหัตผล อันเป็นที่สิ้นไปแห่งสังโยชน์ทั้งปวง อันเราทั้งหลายคือเราทั้งสองถึงแล้วโดยลำดับ คือบรรลุแล้ว. จบอรรถกถาภรตเถรคาถา ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา ทุกนิบาต วรรคที่ ๓ ๘. ภารตเถรคาถา จบ. |