ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 26 / 1อ่านอรรถกถา 26 / 292อรรถกถา เล่มที่ 26 ข้อ 293อ่านอรรถกถา 26 / 294อ่านอรรถกถา 26 / 474
อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา ทุกนิบาต วรรคที่ ๔
๖. ขิตณเถรคาถา

               อรรถกถาขิตกเถรคาถา               
               คาถาของท่านพระขิตกเถระ เริ่มต้นว่า กสฺส เสลูปมํ จิตฺตํ.
               เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร?
               แม้พระเถระนี้ก็เป็นผู้มีอธิการอันกระทำแล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ กระทำบุญไว้ในภพนั้นๆ เป็นคนเฝ้าสวน ดำเนินชีวิตอยู่ในพันธุมดีนคร ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าวิปัสสี วันหนึ่งเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปทางอากาศ มีใจโสมนัส ได้เป็นผู้มีความประสงค์จะถวายขนุนสำมะลอ.
               พระศาสดาเมื่อจะทรงอนุเคราะห์เขา ประทับยืนอยู่ในอากาศนั่นแหละ รับประเคนแล้ว. เขาถวายขนุนสำมะลอนั้นแล้ว เสวยปีติ โสมนัสอย่างโอฬาร.
               ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายเกิดในตระกูลพราหมณ์ แคว้นโกศล ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้นามว่าขิตกะ บรรลุนิติภาวะแล้วฟังธรรมในสำนักของพระศาสดา ได้เป็นผู้มีจิตศรัทธา บวชแล้วเรียนกรรมฐานแล้วอยู่ในป่า เพียรพยายามอยู่ บรรลุพระอรหัตแล้ว.
               สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า๑-
               ครั้งนั้น เราเป็นคนเฝ้าสวนอยู่ในพระนครพันธุมดี ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากกิเลสธุลี เสด็จเหาะไปในอากาศ เราได้หยิบเอาผลขนุนสำมะลอถวายแด่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด. พระพุทธเจ้าผู้มีพระยศใหญ่ให้เกิดความปลื้มใจแก่เรา นำความสุขมาให้ในปัจจุบัน ประทับอยู่ในอากาศนั่นเอง ได้ทรงรับประเคน. เราถวายผลไม้แด่พระพุทธเจ้าด้วยใจอันเลื่อมใสแล้ว ได้ประสบปีติอันไพบูลย์ เป็นสุขยอดเยี่ยมในครั้งนั้น รัตนะเกิดขึ้นแก่เราผู้เกิดในที่นั้นๆ
               ในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ เราได้ถวายผลไม้ใดในกาลนั้น ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้. ทิพยจักษุของเราบริสุทธิ์แล้ว เราเป็นผู้ฉลาดในสมาธิ ถึงแล้วซึ่งฝั่งแห่งอภิญญา นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระทำสำเร็จแล้ว ดังนี้.
____________________________
๑- ขุ. อ. เล่ม ๓๓/ข้อ ๕๗

               ก็เมื่อพระเถระบรรลุพระอรหัตแล้ว ยับยั้งอยู่ด้วยความสุขอันเกิดแต่ผลและความสุขในพระนิพพาน ท่านกำหนดความเพียรไปสู่ราวป่านั้น เพื่อจะสงเคราะห์ภิกษุทั้งหลายผู้อยู่ในราวป่านั้น จึงกล่าวคาถา ๑ คาถาความว่า
                         จิตของใครตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ดังภูเขา ไม่กำหนัดแล้ว
                         ในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ไม่ขัดเคืองใน
                         อารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง ผู้ใดอบรมจิตได้
                         อย่างนี้ ทุกข์จักมาถึงผู้นั้นได้แต่ที่ไหน ดังนี้.

               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กสฺส เสลูปมํ จิตฺตํ ฐิตํ นานุกมฺปติ ความว่า เมื่อเธอทั้งหลายอยู่ในราวป่านี้ จิตของภิกษุไร ชื่อว่าตั้งมั่น เพราะได้บรรลุผลอันเลิศและเพราะถึงความเป็นผู้มีวสี โดยไม่มีความหวั่นไหวทุกอย่าง อุปมาดังภูเขาหินล้วนเป็นแท่งทึบ ย่อมไม่หวั่นไหว คือไม่สั่นสะเทือนด้วยโลกธรรมแม้ทั้งปวง.
               บัดนี้ เพื่อจะแสดงอาการอันไม่หวั่นไหวของจิตนั้น พร้อมกับเหตุ พระเถระจึงกล่าวคำมีอาทิว่า วิรตฺตํ ไม่กำหนัดแล้ว ดังนี้.
               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วิรตฺตํ รชนีเยสุ ความว่า ไม่กำหนัดแล้วในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด คือในธรรมอันเป็นไปในภูมิ ๓ อันเป็นเหตุแห่งความบังเกิดขึ้นของความกำหนัด ด้วยอริยมรรค กล่าวคือวิราคธรรม (ความคลายกำหนัด).
               อธิบายว่า มีความกำหนัดในธรรมอันเป็นไปในภูมิ ๓ นั้นอันเธอถอนขึ้นแล้วโดยประการทั้งปวง.
               บทว่า กุปฺปนีเย ความว่า ในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความขึ้งเคียด ได้แก่ในอารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความอาฆาตแม้ทั้งปวง.
               บทว่า น กุปฺปติ ความว่า ไม่ประทุษร้าย คือไม่ถึงอาการที่แปลก.
               บทว่า ยสฺเสวํ ภาวิตํ จิตฺตํ ความว่า จิตคือใจอันพระอริยบุคคลใดอบรมแล้วอย่างนี้ คือโดยนัยดังกล่าวแล้ว ได้แก่โดยความเป็นผู้คงที่.
               บทว่า กุโต ตํ ทุกฺขเมสฺสติ ความว่า ทุกข์จักเข้าถึงบุคคลนั้นแต่ที่ไหน คือแต่สัตว์ หรือสังขารเล่า? อธิบายว่า ทุกข์ย่อมไม่มีแก่บุคคลเช่นนั้น.
               พระขิตกเถระ เมื่อจะวิสัชนาปัญหาที่มีเพียงผู้ถามขึ้น โดยไม่กำหนดแน่นอนอย่างนี้ ทำให้น้อมเข้าไปในตน พยากรณ์พระอรหัตผลด้วยคาถาที่สองมีอาทิว่า มม เสลูปมํ จิตฺตํ จิตของเราตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ดังภูเขา ดังนี้.
               บทนั้นมีเนื้อความอันข้าพเจ้ากล่าวอธิบายไว้แล้วทั้งนั้น.

               จบอรรถกถาขิตกเถรคาถา               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา ทุกนิบาต วรรคที่ ๔ ๖. ขิตณเถรคาถา จบ.
อ่านอรรถกถา 26 / 1อ่านอรรถกถา 26 / 292อรรถกถา เล่มที่ 26 ข้อ 293อ่านอรรถกถา 26 / 294อ่านอรรถกถา 26 / 474
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=26&A=5931&Z=5938
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=32&A=10860
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=32&A=10860
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๓  มกราคม  พ.ศ.  ๒๕๕๐
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :