![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร? แม้พระเถระนี้ก็เป็นผู้มีอธิการอันกระทำแล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ กระทำบุญไว้ในภพนั้นๆ เป็นคนเฝ้าสวน ดำเนินชีวิตอยู่ในพันธุมดีนคร ใน พระศาสดาเมื่อจะทรงอนุเคราะห์เขา ประทับยืนอยู่ในอากาศนั่นแหละ รับประเคนแล้ว. เขาถวายขนุนสำมะลอนั้นแล้ว เสวยปีติ โสมนัสอย่างโอฬาร. ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายเกิดในตระกูลพราหมณ์ แคว้นโกศล ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้นามว่าขิตกะ บรรลุ สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า๑- ครั้งนั้น เราเป็นคนเฝ้าสวนอยู่ในพระนครพันธุมดี ได้เห็นพระพุทธ ในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ เราได้ถวายผลไม้ใดในกาลนั้น ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้. ทิพยจักษุของเราบริสุทธิ์แล้ว เราเป็นผู้ฉลาดในสมาธิ ถึงแล้วซึ่งฝั่งแห่งอภิญญา นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอน ____________________________ ๑- ขุ. อ. เล่ม ๓๓/ข้อ ๕๗ ก็เมื่อพระเถระบรรลุพระอรหัตแล้ว ยับยั้งอยู่ด้วยความสุขอันเกิดแต่ผลและความสุขในพระนิพพาน ท่านกำหนดความเพียรไปสู่ราวป่านั้น เพื่อจะสงเคราะห์ภิกษุทั้งหลายผู้อยู่ในราวป่านั้น จึงกล่าวคาถา ๑ คาถาความว่า จิตของใครตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ดังภูเขา ไม่กำหนัดแล้ว ในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ไม่ขัดเคืองใน อารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง ผู้ใดอบรมจิตได้ อย่างนี้ ทุกข์จักมาถึงผู้นั้นได้แต่ที่ไหน ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กสฺส เสลูปมํ จิตฺตํ ฐิตํ นานุกมฺปติ ความว่า เมื่อเธอทั้งหลายอยู่ในราวป่านี้ จิตของภิกษุไร ชื่อว่าตั้งมั่น เพราะได้บรรลุผลอันเลิศและเพราะถึงความเป็นผู้มีวสี โดยไม่มีความหวั่นไหวทุกอย่าง อุปมาดังภูเขาหินล้วนเป็นแท่งทึบ ย่อมไม่หวั่นไหว คือไม่สั่นสะเทือนด้วยโลกธรรมแม้ทั้งปวง. บัดนี้ เพื่อจะแสดงอาการอันไม่หวั่นไหวของจิตนั้น พร้อมกับเหตุ พระเถระจึงกล่าวคำมีอาทิว่า วิรตฺตํ ไม่กำหนัดแล้ว ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วิรตฺตํ รชนีเยสุ ความว่า ไม่กำหนัดแล้วในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด คือในธรรมอันเป็นไปในภูมิ ๓ อันเป็นเหตุแห่งความบังเกิดขึ้นของความกำหนัด ด้วยอริยมรรค กล่าวคือวิราคธรรม (ความคลายกำหนัด). อธิบายว่า มีความกำหนัดในธรรมอันเป็นไปในภูมิ ๓ นั้นอันเธอถอนขึ้นแล้วโดยประการทั้งปวง. บทว่า กุปฺปนีเย ความว่า ในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความขึ้งเคียด ได้แก่ในอารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความอาฆาตแม้ทั้งปวง. บทว่า น กุปฺปติ ความว่า ไม่ประทุษร้าย คือไม่ถึงอาการที่แปลก. บทว่า ยสฺเสวํ ภาวิตํ จิตฺตํ ความว่า จิตคือใจอันพระอริยบุคคลใดอบรม บทว่า กุโต ตํ ทุกฺขเมสฺสติ ความว่า ทุกข์จักเข้าถึงบุคคลนั้นแต่ที่ไหน คือแต่สัตว์ หรือสังขารเล่า? อธิบายว่า ทุกข์ย่อมไม่มีแก่บุคคลเช่นนั้น. พระขิตกเถระ เมื่อจะวิสัชนาปัญหาที่มีเพียงผู้ถามขึ้น โดยไม่ บทนั้นมีเนื้อความอันข้าพเจ้ากล่าวอธิบายไว้แล้วทั้งนั้น. จบอรรถกถาขิตกเถรคาถา ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา ทุกนิบาต วรรคที่ ๔ ๖. ขิตณเถรคาถา จบ. |