![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() มีเหตุเกิดขึ้นอย่างไร? เล่ากันมาว่า แม้ท่านพระพากุลเถระนี้ ในอดีตกาล สุดอสงไขยแสนกัป ก่อนแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าอโนมทัสสี เสด็จอุบัติขึ้นนั่นเอง ได้เกิดในตระกูลพราหมณ์ เจริญวัยแล้วได้เรียน อยู่มาได้ทราบการอุบัติขึ้นของพระ ในกาลของพระปทุมุตตรพุทธเจ้า ได้ถือกำเนิดในคฤหาสน์ของผู้มีสกุล ในพระนครหงสาวดี เห็นพระศาสดาทรงตั้งภิกษุรูปหนึ่งให้ดำรงตำแหน่งผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้มีอาพาธน้อย ตนเองต้องการตำแหน่งนั้น ได้ตั้งประณิธานไว้ สั่งสมกุศลตลอดชีวิต ท่องเที่ยวไปมาใน ก่อนแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าวิปัสสี เสด็จอุบัติขึ้นนั่นเอง ได้เกิดในสกุลพราหมณ์ ในพระนครพันธุมดี บวชเป็นฤาษีตามนัยก่อนนั่นแหละ ได้ฌานและอภิญญา พำนักอยู่ที่เชิงเขา ได้ทราบ (ข่าว) พระ ใน ก่อนแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลายเสด็จอุบัติขึ้นนั่นเอง ได้ถือกำเนิดในคฤหาสน์ของเศรษฐี ในเมืองโกสัมพี. ท่านอันพี่เลี้ยงกำลังอาบน้ำให้ที่แม่น้ำมหายมุนาเพื่อความไม่มีโรค ถูกปลาฮุบไปจากมือของพี่เลี้ยง เมื่อปลาตกถึงมือของพรานเบ็ด ภรรยาของเศรษฐีเมืองพาราณสีรับซื้อเอาไป แม้ถูกผ่าท้อง (เอาออกมา) ก็ยังมีชีวิตอยู่นั่นเอง เพราะกำลังบุญ นางจึงรับเอาเป็นลูกเลี้ยงไว้ ได้นามว่า พากุละ (คนสองตระกูล) เพราะเมื่อมารดาบิดาผู้ให้กำเนิด ได้ทราบประวัตินั้นแล้วทวงถามบ่อยๆ ว่า เด็กคนนี้เป็นลูกของเรา ขอจงให้ลูกแก่พวกเรา. พระราชาทรงมีพระราชวินิจฉัยให้ตั้งอยู่ โดยความเป็นทายาทของ ๒ ตระกูลว่า เด็กคนนี้เป็นเหตุทั่วไปสำหรับตระกูลแม้ทั้ง ๒ ตระกูล เจริญวัยแล้วจึงได้เสวยสมบัติมากมายมีทรัพย์ ๘๐ โกฏิ ได้ ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงได้กล่าวไว้ในคัมภีร์อปทานว่า๑- ในที่ไม่ไกลป่าหิมพานต์มีภูเขาชื่อโสภิตะ ข้าพเจ้าพร้อมด้วยศิษย์ทั้งหลายได้สร้าง พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นสยัมภู ทรงเป็นผู้นำสัตวโลก พระนามว่า ก็ครั้งนั้น ข้าพเจ้านั่นครั้นได้เห็นความเคลื่อนไหวแล้ว ก็กำหนดได้ว่า ความจริง พยาธิได้เกิดขึ้นแก่พระ เมื่อพระมหาวีรสรรเพชญ์ผู้เป็นโลกนารถเสวยแล้ว โรคลมของพระศรีสุคตมหาฤาษีก็สงบลงโดยเร็ว. พระอโนมทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีพระยศยิ่งใหญ่ ทอดพระเนตรเห็น ผู้ใดถวายเภสัชแก่เราตถาคต และให้พยาธิของเราสงบไป เราตถาคตจักสรรเสริญผู้นั้น เมื่อเราตถาคตกล่าวอยู่ ขอเธอทั้งหลายจงฟังเถิด เขาจักรื่นเริงบนเทวโลกสิ้นเวลาแสนกัป ผู้นี้จักบันเทิงใจทุก ตลอดกัปนับไม่ถ้วน แต่กัปนี้ไป เขาจักได้เป็นโอรสผู้เป็นธรรมทายาทที่เนรมิตขึ้นโดยธรรม ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงสมภพในตระกูลโอกกากราช เป็นศาสดาในโลกพระนามว่าโคดม โดยพระโคตร จักดับกิเลสเป็นผู้หาอาสวะมิได้ เพราะกำหนดรู้อาสวะทั้งมวล ครั้นเผากิเลสแล้วจักข้ามกระแสตัณหาไป เป็นสาวกของพระศาสดา มีนามว่าพากุละ พระสมณโคดมผู้สูงสุดแห่งศากยวงศ์ทรงทราบประวัติทั้งหมดนี้แล้ว จักประทับนั่งในหมู่พระสงฆ์ ทรงตั้งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ. พระสยัมภูผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี นายกโลก เมื่อทรงตรวจดูที่วิเวก ได้เสด็จเข้ามายังอาศรมของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าให้พระมหาวีรสรรเพชญ์ นายกโลกผู้เสด็จเข้ามาแล้ว ให้พอพระทัยด้วยโอสถทุกอย่าง ขอพระ ข้าพเจ้าได้ทำกรรมดีแด่พระ พระสมณโคดมผู้สูงสุดแห่งศากยวงศ์ ได้ทรงทราบเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว ได้ประทับนั่งในหมู่สงฆ์ ทรงตั้งข้าพเจ้าไว้ในตำแหน่งเอตัคคะ ข้าพเจ้าได้ทำกรรมอันใดไว้ในครั้งนั้น เพราะกรรมนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่รู้จักทุคติตลอดกัป นับไม่ถ้วนนับถอยหลังแต่กัปนี้ไป นี้เป็นผลแห่งเภสัช. กิเลสทั้งหลาย ข้าพเจ้าได้เผาแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระ ____________________________ ๑- ขุ. อ. เล่ม ๓๒/ข้อ ๓๙๘ อนึ่ง ครั้นได้บรรลุพระอรหัตแล้ว อยู่มาวันหนึ่ง ท่านเป็นผู้อันพระศาสดาผู้กำลังทรงตั้งพระสาวกทั้งหลายของพระ เมื่อจะพยากรณ์อรหัตผล ด้วยโอวาทที่สำคัญแก่ภิกษุทั้งหลาย ท่ามกลางสงฆ์ในสมัยปรินิพพาน จึงได้กล่าวคาถาไว้ ๓ คาถาว่า ผู้ใดไม่ทำงานที่จะต้องทำก่อน แต่มุ่งจะทำในภายหลัง ผู้นั้นจะพลาดจากเหตุที่จะให้เกิดสุข และจะเดือดร้อน ภายหลัง เพราะว่า ข้าพเจ้าบอกงานที่บุคคลควรทำ ไม่ บอกงานที่ไม่ควรทำ เมื่อคนทั้งหลายบอกงานที่ไม่ใช่กำลังทำ บัณฑิตทั้งหลาย ก็รู้ทัน พระนิพพานที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ แล้ว เป็นธรรมไม่มีความโศก สำรอกแล้ว เป็นแดนเกษม เป็นที่ดับทุกข์ แสนจะเป็นสุขหนอ. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โย ปุพฺเพ กรณียานิ ปจฺฉา โส กาตุมิจฺฉติ (ผู้ไม่ทำงานที่จะต้องทำในตอนต้น ภายหลังประสงค์จะทำ) ความว่า ผู้ใดเมื่อก่อน คือเมื่อเวลาก่อนแต่ที่ชราและโรคเป็นต้นจะครอบงำนั่นเอง ไม่ทำงานที่ควรทำ ที่จะนำประโยชน์เกื้อกูลและความสุขมาให้ตน ภายหลังแลคือเลยเวลาที่จะต้องทำไปแล้วจึงอยากทำ. คำว่า โส เป็นเพียงนิบาต. แต่ในกาลนั้น เขาไม่อาจจะทำได้ ไม่อาจทำได้ เพราะว่าเขาถูกชราและโรคเป็นต้นครอบงำแล้ว. บทว่า สุขา โส ธํสเต ฐานา ปจฺฉา จ มนุตปฺปติ (ผู้นั้นจะพลาดจากที่ที่จะให้เกิดความสุขและจะเดือดร้อนภายหลัง) ความว่า บุคคลนั้นจะเสื่อมจากที่ที่เป็นสุข คือจากสวรรค์และจากนิพพาน เพราะอุบายที่จะให้ถึงสถานที่นั้น ตนยังไม่ได้ให้เกิดขึ้น ทั้งจะเดือดร้อน คือถึง ม อักษรทำการเชื่อมบท. ก็พระเถระเมื่อจะแสดงว่า ข้าพเจ้าทำกิจที่ควรจะทำแล้วนั่นแหละ จึงบอกท่านทั้งหลายอย่างนี้ ดังนี้แล้วจึงได้กล่าวคาถาที่ ๒ ว่า ยญฺหิ กยิรา เป็นต้นไว้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปริชานนฺติ ความว่า บัณฑิตทั้งหลายรู้เด็ดขาดว่า คนนี้มีเท่านี้. อธิบายว่า ไม่รู้มากไปกว่านี้. ด้วยว่า คนพูดอย่างใด ทำอย่างนั้นเท่านั้น ย่อมงดงามโดยอำนาจสัมมาปฏิบัติ ไม่ใช่งามโดยอย่างอื่นจากสัมมาปฏิบัตินั้น. บัดนี้ เพื่อจะแสดงเนื้อความที่ท่านได้กล่าวมาแล้ว โดยตรงคือกิจที่จะต้องทำโดยทั่วไปไว้โดยสรุป พระเถระจึงได้กล่าวคาถาที่ ๓ ไว้โดยนัยมีอาทิว่า สุสุขํ วต ดังนี้. คาถาที่ ๓ นั้นมีเนื้อความว่า พระนิพพานที่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสัมมาสัมพุทธะ เพราะตรัสรู้พระธรรมทั้งมวลด้วยพระ จบอรรถกถาพากุลเถรคาถา ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา ติกนิบาต ๓. พากุลเถรคาถา จบ. |