บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
คาถาว่า ปุตฺตโสเกนหํ อฏฺฏา ดังนี้เป็นต้นเป็นคาถาของพระวาเสฏฐีเถรี. พระเถรีแม้รูปนี้ก็บำเพ็ญบารมีในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ สั่งสมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานมาในภพนั้นๆ มีธรรมเครื่องปรุงแต่งวิโมกข์ที่รวบรวมมาโดยลำดับ เที่ยวเวียนว่ายอยู่ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย. ในพุทธุปบาทกาลนี้ก็ไปบังเกิดในเรือนแห่งตระกูลกรุงเวสาลี เจริญวัยแล้ว มารดาบิดาก็ยกให้กุลบุตรผู้มีชาติเสมอกัน มีสามีแล้วก็อยู่ด้วยกันเป็นสุขกับสามีนั้น ได้บุตรคนหนึ่ง เมื่อบุตรนั้นตาย ในเวลาที่วิ่งเล่นได้ ถูกความเศร้าโศกถึงบุตรบีบคั้น ก็กลายเป็นบ้า. เมื่อหมู่ญาติและสามีช่วยกันเยียวยาแก้ไขก็หนีไป เมื่อคนเหล่านั้นไม่รู้ หมุน ครั้งนั้น พระศาสดาทรงแสดงธรรมแก่นางโดยย่อ นางได้ฟังธรรมนั้นแล้วกลับได้ความสังเวช ทูลขอบวชกะพระศาสดา ได้บวชในภิกษุณีทั้งหลาย ข้าพเจ้าถูกความเศร้าโศกถึงบุตรบีบคั้น มีจิต ฟุ้งซ่านหมดความรู้สึก เปลือยกายสยายผม เที่ยวซม ซานไปตามที่ต่างๆ ข้าพเจ้าได้เที่ยวไปในถนน กองหยากเยื่อ ใน ป่าช้าในตรอกใหญ่และตรอกน้อย อดๆ อยากๆ ตลอด สามปี ภายหลังได้พบพระสุคตผู้ฝึกบุคคลที่ยังไม่ได้ฝึก ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง หาภัยแต่ที่ไหนมิได้ กำลังเสด็จ ไปสู่กรุงมิถิลา กลับได้สติแล้ว เข้าไปถวายบังคม พระโคดมพระองค์นั้นได้ทรงแสดงธรรมโปรด ข้าพเจ้าด้วยพระกรุณา ข้าพเจ้าฟังธรรมของพระองค์ แล้ว ออกบวชไม่มีเรือน เพียรพยายามในคำสอนของ พระศาสดา ได้ทำให้แจ้งซึ่งบทธรรมอันรุ่งเรืองเกษม. ข้าพเจ้าถอนและละความโศกอันมีอรหัตเป็นที่ สุด ได้หมดแล้ว เพราะข้าพเจ้ากำหนดรู้วัตถุที่ตั้งเหตุ เกิดแห่งความโศกทั้งหลายได้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อฏฺฏา แปลว่า บีบคั้น. อนึ่ง พระบาลีก็เช่นนี้แล. อธิบายว่า บีบคั้น เบียดเบียน. บทว่า ขิตฺตจิตฺตา ได้แก่ มีหทัยฟุ้งซ่านเพราะความบ้าเกิดจากความโศก ถัดจากนั้น ชื่อว่าหมดความรู้สึก เพราะปราศจากความรู้สึกตามปกติ. ชื่อว่าเปลือยกาย เพราะปราศจากผ้านุ่งห่ม เหตุไม่มีหิริและโอตตัปปะ. ชื่อว่าสยายผม เพราะมีผมไม่ได้สางเลย. บทว่า เตน เตน ความว่า เราได้เที่ยวไปจากบ้านสู่บ้านจากเมืองสู่เมือง จากถนนสู่ถนน. ศัพท์ว่า อถ แปลว่า ภายหลัง ได้แก่ เวลาสิ้นกรรมที่ทำให้เป็นบ้า. บทว่า สุคตํ ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า ชื่อว่าพระสุคต เพราะทรงพระดำเนินงาม เพราะเสด็จไปสู่สถานที่ดี เพราะตรัสโดยชอบ และเพราะเสด็จไปโดยชอบ. บทว่า มิถิลํ ปติ ความว่า กำลังเสด็จมุ่งสู่มิถิลา คือกรุงมิถิลา. บทว่า สจิตฺตํ ปฏิลทฺธาน ได้แก่ ละความบ้ากลับได้ปกติจิตของตน เพราะพุทธานุภาพ. บทว่า ยุญฺชนฺตี สตฺถุ วจเน ได้แก่ ทำความเพียร คือตามประกอบภาวนาในคำสอนของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า. บทว่า สจฺฉากาสึ ปทํ สิวํ ความว่า ได้ทำให้แจ้งซึ่งบทคือพระนิพพานธรรมอันรุ่งเรืองเกษมไม่ถูกโยคะ ๔ เบียดเบียน. บทว่า เอตทนฺติกา ความว่า ความโศกทั้งหลาย ชื่อว่าเอตทันติกะ เพราะมีพระอรหัตที่ข้าพเจ้าบรรลุในบัดนี้เป็นที่สุดเป็นปริโยสาน. อธิบายว่า บัดนี้ เหตุเกิดแห่งความโศกเหล่านั้นไม่มี. บทว่า ยโต โสกาน สมฺภโว ประกอบความว่า เพราะเหตุที่ข้าพเจ้ากำหนดรู้เหตุเกิดแห่งความโศกมีลักษณะไหม้เกรียมอยู่ภายใน วัตถุกล่าวคืออุปาทานขันธ์ ๕ ที่ตั้งแห่งความโศกเหล่านั้น ด้วยญาตปริญญากำหนดรู้ด้วยการรู้ ตีรณปริญญากำหนดรู้ด้วยการพิจารณา ปหานปริญญากำหนดรู้ด้วยการละ เพราะฉะนั้น ความโศกจึงมีอรหัตผลนั้นเป็นที่สุด. จบอรรถกถาวาเสฏฐีเถรีคาถาที่ ๒ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรีคาถา ฉักกนิบาต ๒. วาสิฏฐีเถรีคาถา จบ. |