ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 26 / 1อ่านอรรถกถา 26 / 8อรรถกถา เล่มที่ 26 ข้อ 9อ่านอรรถกถา 26 / 10อ่านอรรถกถา 26 / 474
อรรถกถา ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ปิฐวรรคที่ ๑
๙. ปทีปวิมาน

               อรรถกถาปทีปวิมาน               
               ปทีปวิมาน มีคาถาว่า อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน เป็นต้น.
               ปทีปวิมานนั้น เกิดขึ้นอย่างไร?
               เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่กรุงสาวัตถี วันอุโบสถ พวกอุบาสกเป็นจำนวนมากรักษาอุโบสถก่อนอาหาร ถวายทานตามสมควรแก่ทรัพย์สมบัติ กินอาหารแต่เช้า นุ่งผ้าสะอาด ห่มผ้าสะอาด ถือของหอมและดอกไม้เป็นต้น หลังอาหารแล้วก็ไปวิหาร เข้าไปนั่งใกล้พวกภิกษุที่น่าสรรเสริญ เวลาเย็นก็ฟังธรรม.
               เมื่ออุบาสกเหล่านั้นซึ่งประสงค์จะอยู่ในวิหาร กำลังฟังธรรมอยู่นั่นแล ดวงอาทิตย์ตก ก็เกิดมืด ณ วิหารนั้น. หญิงผู้หนึ่งคิดว่าสมควรทำแสงประทีปในบัดนี้ ก็ไปนำเครื่องประทีปมาจากเรือนของตน จุดประทีปขึ้นตั้งไว้หน้าธรรมาสน์ แล้วก็ฟังธรรม. ด้วยปทีปทานนั้น นางดีใจ เกิดปีติโสมนัส ไหว้แล้วก็กลับบ้าน.
               ต่อมานางตายไปบังเกิดในวิมานโชติช่วง ณ ภพดาวดึงส์. ความงามแห่งเรือนร่างของนางมีรัศมีซ่านออกไปอย่างยิ่ง ส่องสว่างไปทั้งสิบทิศข่มเทวดาองค์อื่นๆ.
               ต่อมาวันหนึ่ง ท่านพระมหาโมคคัลลานะเที่ยวจาริกไป.
               คำทั้งหมดดังว่ามานี้ พึงทราบนัยที่มาแล้วในหนหลังนั่นแล.
               แต่ในปทีปวิมานนี้ พระเถระถามด้วย ๔ คาถาว่า
                                   ดูก่อนเทวดา ท่านมีวรรณะงาม ส่องแสงสว่าง
                         ไปทุกทิศดุจดาวประกายพรึก เพราะบุญอะไร วรรณะ
                         ของท่านจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลนี้จึงสำเร็จ
                         แก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน.
                                   เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีรัศมีสุกใส รุ่งโรจน์ล้ำ
                         เทวดาทั้งหลาย เพราะบุญอะไร ทุกทิศจึงสว่างไสว
                         จากสรรพางค์กายของท่าน.
                                   ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน
                         ท่านครั้งเกิดเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไร เพราะบุญอะไร
                         ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของท่าน
                         จึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
                                   เทวดาองค์นั้นดีใจ ถูกท่านพระโมคคัลลานะ
                         ถาม ครั้นแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผล
                         อย่างนี้.

               เทวดากล่าวตอบว่า
                                   ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ ในชาติก่อน
                         ในมนุษยโลก ดีฉันได้จุดประทีปถวายคราวที่ควรจุด
                         ประทีปในเวลาค่ำคืนมืดมิด.
                                   ผู้ใดจุดประทีปถวาย คราวที่ควรจุดประทีป
                         ในเวลาค่ำคืนมืดมิด วิมานที่โชติช่วง มีสวนไม้มาก
                         มีบุณฑริกบัวขาวมาก ย่อมเกิดแก่ผู้นั้น.
                                   เพราะบุญนั้น วรรณะของดีฉันจึงเป็นเช่นนี้
                         เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ดีฉัน และโภคะทุก
                         อย่างที่น่ารัก จึงเกิดแก่ดีฉัน เพราะบุญนั้น ดีฉันจึง
                         มีรัศมีสุกใส รุ่งโรจน์ล้ำเทวดาทั้งหลาย. เพราะบุญ
                         นั้น ทุกทิศจึงสว่างไสวจากสรรพางค์กายของดีฉัน.
                                   ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันครั้ง
                         เกิดเป็นมนุษย์ ได้ทำบุญใดไว้ เพราะบุญนั้น ดีฉัน
                         จึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของดีฉัน
                         จึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

               บรรดาบทเหล่านั้น ในบทว่า อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน นี้ อภิกกันตศัพท์มาในอรรถว่าสิ้นไป ได้ในบาลีเป็นต้นว่า อภิกฺกนฺตา ภนฺเต รตฺติ นิกฺขนฺโต ปฐโม ยาโม ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ราตรีสิ้นไปแล้ว ปฐมยามล่วงไปแล้ว.
               มาในอรรถว่าดี ได้ในบาลีเป็นต้นว่า อยํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จ บุคคลผู้นี้ดีกว่า ประณีตกว่าบุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้.
               มาในอรรถว่ายินดีนักหนา ได้ในบาลีเป็นต้นว่า อภิกฺกนฺตํ ภนฺเต อภิกฺกนฺตํ ภนฺเต ไพเราะจริง พระเจ้าข้า ไพเราะจริง พระเจ้าข้า.
               มาในอรรถว่างาม ได้ในบาลีเป็นต้นว่า อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน สพฺพา โอภาสยํ ทิสา มีวรรณะงาม ส่องสว่างไปทุกทิศ.
               แม้ในที่นี้พึงเห็นว่า มาในอรรถว่า งามอย่างเดียว.
               บทว่า วณฺเณน แปลว่า มีผิวพรรณ.
               บทว่า โอภาเสนฺติ ทิสา สพฺพา ได้แก่ ส่องแสงสิบทิศทั้งหมด ทำให้สว่างเป็นอันเดียวกัน.
               ถามว่า ท่านกล่าวว่าเหมือนอะไร.
               ตอบว่า เหมือนดาวประกายพรึก.
               ดวงดาวที่ได้ชื่อว่า โอสธี ประกายพรึก เพราะมีรัศมีหนาอันรัศมีนั้นตั้งไว้ หรือเพราะรัศมีเพิ่มพลังแก่ดาวประกายพรึกทั้งหลาย กระทำแสงสว่างโดยรอบตั้งอยู่ฉันใด ท่านก็ส่องสว่างไปทุกทิศตั้งอยู่ฉันนั้นเหมือนกัน.
               บทว่า สพฺพคตฺเตหิ ได้แก่ จากอวัยวะของเรือนร่างทุกอวัยวะ. อธิบายว่า ส่องสว่าง เพราะทั่วอวัยวะน้อยใหญ่. คำนี้เป็นตติยาวิภัตติใช้ในเหตุ.
               บทว่า สพฺพา โอภาสเต ทิสา ได้แก่ สิบทิศสว่างไปทั้งหมด. อาจารย์บางพวกกล่าวว่า โอภาสเร ดังนี้ก็มี.
               คำว่า เตสํ สพฺพา ทิสา นี้พึงเห็นว่าเป็นพหุวจนะ.
               บทว่า ปทีปกาลมฺหิ แปลว่า ในเวลาทำประทีป คือเวลาควรจุดประทีป. อธิบายว่า เวลามืดค่ำ.
               ด้วยเหตุนั้น เทวดาจึงกล่าวว่า โย อนฺธการมฺหิ ติมีสิกายํ อธิบายว่า ในเวลามืดมิดมาก.
               บทว่า ททาติ ทีปํ ได้แก่ ตามหรือไม่ตามประทีป ถวายเป็นปทีปทาน. บริจาคเครื่องอุปกรณ์ประทีปอุทิศพระทักขิไณยบุคคล.
               บทว่า อุปฺปชฺชติ โชติรสํ วิมานํ ได้แก่ วิมานอันโชติช่วงย่อมเกิดขึ้นโดยการถือปฏิสนธิ.
               คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวมาแล้วทั้งนั้น.
               ครั้งนั้น เมื่อเทวดากล่าวตอบข้อความตามที่พระเถระถามแล้ว พระเถระนำถ้อยคำนั้นนั่นแลให้เป็นอัตถุปปัตติเหตุเกิดเรื่อง รู้ว่านางมีจิตเหมาะควรเป็นต้น เพราะกถาว่าด้วยทานเป็นอาทิ จึงประกาศสัจจะ ๔ จบสัจจะ เทวดาองค์นั้นกับบริวารก็ตั้งอยู่ในพระโสดาปัตติผล.
               พระเถระกลับจากเทวโลกแล้ว ก็กราบทูลเรื่องนั้นถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า. และเพราะเรื่องนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงแสดงธรรมโดยพิสดารแก่บริษัทที่ประชุมกัน. เทศนานั้นก็เกิดประโยชน์แก่มหาชน. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มหาชนก็ได้เคารพในปทีปทานแล.

               จบอรรถกถาปทีปวิมาน               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ปิฐวรรคที่ ๑ ๙. ปทีปวิมาน จบ.
อ่านอรรถกถา 26 / 1อ่านอรรถกถา 26 / 8อรรถกถา เล่มที่ 26 ข้อ 9อ่านอรรถกถา 26 / 10อ่านอรรถกถา 26 / 474
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=26&A=218&Z=247
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=30&A=1145
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=30&A=1145
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๑  มกราคม  พ.ศ.  ๒๕๕๐
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :