ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 0 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 31 อรรถกถาอรรถาธิบาย
เล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 32 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 33 อรรถาธิบายเล่มที่  27 เริ่มข้อที่ 2519
อรรถกถา เอกกนิบาตชาดก กุลาวกวรรค
๒. นัจจชาดก ว่าด้วยเหตุที่ยังไม่ให้ลูกสาว

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวันวิหาร ทรงปรารภภิกษุผู้มีภัณฑะมากรูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า รุทํ มนุญฺญํ ดังนี้.
               เรื่องเป็นเช่นกับเรื่องที่กล่าวไว้ในเทวธรรมชาดก ในหนหลังนั่นแหละ.
               พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่า เธอเป็นผู้มีภัณฑะมากจริงหรือ?
               ภิกษุนั้นกราบทูลว่า พระเจ้าข้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ.
               พระศาสดาตรัสถามว่า เพราะเหตุไร เธอจึงเป็นผู้มีภัณฑะมาก?
               ภิกษุนั้นพอได้ฟังพระดำรัสมีประมาณเท่านี้ ก็โกรธจึงทิ้งผ้านุ่งผ้าห่ม คิดว่า บัดนี้ เราจักเที่ยวไปโดยทำนองนี้แล แล้วได้ยืนเป็นคนเปลือยอยู่ ณ เบื้องพระพักตร์.
               คนทั้งหลายพากันกล่าวว่า น่าตำหนิ น่าตำหนิ.
               ภิกษุนั้นหลบไปจากที่นั้นแหละ แล้วเวียนมาเพื่อความเป็นคนเลว (คือสึก).
               ภิกษุทั้งหลายนั่งประชุมกันในโรงธรรมสภา พากันกล่าวโทษของภิกษุนั้นว่า กระทำกรรมเห็นปานนี้ เบื้องพระพักตร์ชื่อของพระศาสดา.
               พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันเรื่องอะไรหนอ?
               ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ชื่อภิกษุนั้นละหิริและโอตตัปปะ เป็นคนเปลือยเหมือนเด็กชาวบ้านในท่ามกลางบริษัท ๔ เบื้องหน้าพระองค์ ผู้อันคนทั้งหลายรังเกียจอยู่ จึงเวียนมาเพื่อความเป็นคนเลว เสื่อมจากพระศาสนา ดังนั้น ข้าพระองค์ทั้งหลายจึงนั่งประชุมกัน ด้วยการกล่าวโทษมิใช่คุณของภิกษุนั้น.
               พระศาสดาตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นเสื่อมจากศาสนาคือพระรัตนะ ในบัดนี้เท่านั้นหามิได้ แม้ในกาลก่อนก็เป็นผู้เสื่อมแล้วจากอิตถีรัตนะเหมือนกัน.
               แล้วทรงนำอดีตนิทานมาว่า
               ในอดีตกาล ครั้งปฐมกัป สัตว์ ๔ เท้าทั้งหลายได้ตั้งราชสีห์ให้เป็นราชา พวกปลาตั้งปลาอานนท์ให้เป็นราชา พวกนกได้ตั้งสุวรรณหงส์ให้เป็นราชา.
               ก็ธิดาของพระยาสุวรรณหงส์นั้นนั่นแล เป็นลูกหงส์มีรูปงาม พระยาสุวรรณหงส์นั้นได้ให้พรแก่ธิดานั้น. ธิดานั้นขอ (เลือก) สามีตามชอบใจของตน. พระยาหงส์ให้พรแก่ธิดานั้น แล้วให้นกทั้งปวงในป่าหิมพานต์ประชุมกัน. หมู่นกนานาชนิดมีหงส์และนกยูงเป็นต้นมาพร้อมกันแล้ว ประชุมกันที่พื้นหินใหญ่แห่งหนึ่ง. พระยาหงส์เรียกธิดามาว่า จงมาเลือกเอาสามีตามชอบใจของตน.
               ธิดานั้นตรวจดูหมู่นก ได้เห็นนกยูงมีคอดังสีแก้วมณี มีหางงามวิจิตร จึงบอกว่า นกนี้จงเป็นสามีของดิฉัน.
               หมู่นกทั้งหลายจึงเข้าไปหานกยูงแล้วพูดว่า ท่านนกยูงผู้สหาย ราชธิดานี้ เมื่อจะพอใจสามี ในท่ามกลางพวกนกมีประมาณเท่านี้ ได้ยังความพอใจให้เกิดขึ้นในท่าน.
               นกยูงคิดว่า แม้วันนี้ พวกนกก็ยังไม่เห็นกำลังของเราก่อน จึงทำลายหิริโอตตัปปะ เพราะความดีใจยิ่งนัก. เบื้องต้น ได้เหยียดปีกออกเริ่มจะรำแพนในท่ามกลางหมู่ใหญ่ ได้เป็นผู้รำแพน (อย่างเต็มที่) ไม่มีเงื่อนงำปิดบังไว้เลย.
               พระยาสุวรรณหงส์ละอายกล่าวว่า นกยูงนี้ไม่มีหิริอันมีสมุฏฐานตั้งขึ้นภายในเลย โอตตัปปะอันมีสมุฏฐานตั้งขึ้นในภายนอกจะมีได้อย่างไร เราจักไม่ให้ธิดาของเราแก่นกยูงนั้นผู้ทำลายหิริโอตตัปปะ.
               แล้วกล่าวคาถานี้ ในท่ามกลางหมู่นก ว่า
               เสียงของท่านก็เพราะ หลังของท่านก็งาม คอของท่านก็เปรียบดังสีแก้วไพฑูรย์ และหางของท่านก็ยาวตั้งวา เราจะไม่ให้ลูกสาวของเราแก่ท่าน เพราะการรำแพนหาง.

               บทว่า รุทํ มนุญฺญํ ในคาถานั้น ท่านแปลง อักษร เป็น อักษร. อธิบายว่า เสียงเป็นที่น่าจับใจ คือเสียงร้องไพเราะ.
               บทว่า รุจิรา จ ปิฏฺฐิ ความว่า แม้หลังของท่านก็วิจิตรงดงาม.
               บทว่า เวฬุริยณฺณูปฏิภา แปลว่า เช่นกับสีแก้วไพฑูรย์.
               บทว่า พฺยามมตฺตานิ แปลว่า มีประมาณ ๑ วา.
               บทว่า เปกฺขุณานิ ได้แก่ กำหาง.
               บทว่า นจฺเจน เต ธีตรํ โน ททามิ ความว่า พญาหงส์กล่าวว่า เราจะไม่ให้ธิดาของเราแก่ท่านผู้ไม่มีความละอายเห็นปานนี้ เพราะท่านทำลายหิริโอตตัปปะ แล้วรำแพนนั่นแหละ แล้วได้ให้ธิดาแก่ลูกหงส์ผู้เป็นหลานของตนในท่ามกลางบริษัทนั้นนั่นเอง.
               นกยูงไม่ได้ธิดาหงส์ ก็ละอายจึงบินหนีไป. ฝ่ายพระยาหงส์ก็ไปยังที่อยู่ของตน นั่นแล.
               พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้ทำลายหิริโอตตัปปะ แล้วเสื่อมจากศาสนาคือรัตนะ ในบัดนี้เท่านั้นหามิได้ แม้ในกาลก่อนก็เป็นผู้เสื่อมแล้วแม้จากรัตนะคือหญิง เหมือนกัน.
               พระองค์ ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงสืบอนุสนธิ ประชุมชาดกว่า
               นกยูงในครั้งนั้น ได้เป็น ภิกขุผู้มีภัณฑะมาก
               ส่วนพระยาหงส์ในครั้งนั้น ได้เป็น เราตถาคต แล.

               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา เอกกนิบาตชาดก กุลาวกวรรค ๒. นัจจชาดก ว่าด้วยเหตุที่ยังไม่ให้ลูกสาว จบ.
อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 0 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 31 อรรถกถาอรรถาธิบาย
เล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 32 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 33 อรรถาธิบายเล่มที่  27 เริ่มข้อที่ 2519
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=27&A=219&Z=224
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=35&A=6353
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=35&A=6353
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๑๘  พฤศจิกายน  พ.ศ.  ๒๕๔๖
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :