ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 0 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 951 อรรถกถาอรรถาธิบาย
เล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 957 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 963 อรรถาธิบายเล่มที่  27 เริ่มข้อที่ 2519
อรรถกถา วัฏฏกชาดก
ว่าด้วย การทำให้เกิดความสุข

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุเหลวไหลรูปหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า ปณีตํ ดังนี้.
               พระศาสดาตรัสถามเธอว่า ได้ทราบว่า เธอเป็นคนเหลวไหล จริงหรือ? เมื่อภิกษุนั้นกราบทูลว่า จริงพระพุทธเจ้าข้า จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ไม่ใช่เฉพาะเวลานี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนเธอก็เป็นคนเหลวไหลเหมือนกัน ก็แหละเพราะเป็นผู้เหลวไหลนั่นเอง เธอไม่อิ่มในซากศพช้าง ซากศพโค ซากศพม้า และซากศพคนทั้งหลายในเมืองพาราณสี จึงเข้าไปสู่ป่า ด้วยคิดว่า เราจักได้ยิ่งๆ ขึ้นไป ดังนี้แล้ว จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
               ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในกำเนิดนกกระจาบมีหญ้าและพืชที่หยาบๆ เป็นอาหาร อาศัยอยู่ในป่า.
               ครั้งนั้น ในเมืองพาราณสีมีกาเหลวไหลตัวหนึ่ง ไม่อิ่มด้วยซากศพมีช้างเป็นต้น คิดว่า เราจักได้รับอาหารมากยิ่งไปกว่านี้ จึงเข้าป่าไปกินผลไม้น้อยใหญ่ เห็นพระโพธิสัตว์ คิดว่า
               นกกระจาบตัวนี้มีร่างอวบอ้วนเหลือเกิน เห็นจะกินเหยื่ออร่อย เราจักถามถึงเหยื่อของนกกระจาบตัวนั้น กินเหยื่อนั้นแล้วจะได้อ้วน แล้วจึงเกาะอยู่ที่กิ่งไม้เบื้องบนพระโพธิสัตว์ แล้วถามพระโพธิสัตว์ว่า เจ้านกกระจาบผู้จำเริญ เจ้ากินอาหารที่ประณีตหรือไร จึงได้มีร่างอวบอ้วน?
               พระโพธิสัตว์ถูกกาเหลวไหลถาม เมื่อจะทำปฏิสันถารกับกานั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-
               พ่อลุงกา ลุงกินอาหารประณีตกับเนยใส และน้ำมัน แต่เหตุไรเล่าหนอ ลุงจึงผอม?


               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ภตฺตํ ได้แก่ ภัตที่เขาเตรียมไว้ตามทำนองโภชนะของคนทั้งหลาย. พระโพธิสัตว์ร้องเรียกกานั้นว่า มาตุละ ด้วยการร้องเรียกด้วยความรัก. บทว่า กิโส คือผอม ได้แก่ มีเนื้อและเลือดน้อย.

               กาได้ฟังคำของนกกระจาบนั้นแล้ว จึงได้กล่าวคาถา ๓ คาถาว่า :-
               นกกระจาบ เมื่อกาอยู่ในท่ามกลางศัตรู แสวงหาเหยื่อในหมู่อมิตร มีจิตใจหวาดระแวงเป็นนิตย์ จะมีความอ้วนมาจากไหน
               กาทั้งหลายหวาดระแวงอยู่เป็นนิตย์ ก้อนข้าวที่กาได้มาด้วยกรรมอันเลวทราม ไม่ยังกาให้เอิบอิ่ม ด้วยเหตุนั้น เราจึงผอม.
               ดูก่อนนกกระจาบ ส่วนเจ้ากินแต่หญ้า และพืชที่หยาบๆ มีรสอร่อยน้อย แต่เหตุไรเล่าหนอ เจ้าจึงอ้วน?


               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทฬฺหิยํ ความว่า สำหรับเราผู้เป็นกาจะมีความมั่นคงมาจากไหน. อธิบายว่า จะอ้วนมาจากไหน. บทว่า อุพฺพิคฺคิโน ได้แก่ หวาดระแวงอยู่. คำว่า ธงฺโก เป็นชื่อของกาทั้งหลายนั่นเอง. บทว่า ปาเปน กมฺมุนา ลทฺโธ ความว่า ก้อนข้าวที่กาได้มาด้วยกรรมที่เลวทราม คือแย่งชิงเอาของผู้อื่นมา. บทว่า น ปิเณติ ความว่า ไม่เอิบอิ่ม. บทว่า เตนสฺมิ ความว่า เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าจึงผอม.
               บทว่า อปฺปเสฺนหานิ ได้แก่ มีโอชะหย่อน. กาแม้เป็นผู้สำคัญว่า นกกระจาบกินเหยื่อประณีต เมื่อจะถามถึงเหยื่อตามปกติของนกกระจาบทั้งหลาย กะพระโพธิสัตว์ จึงกล่าวคำนี้.

               พระโพธิสัตว์ได้ฟังคำนั้นแล้ว เมื่อจะบอกเหตุที่ตนอ้วน จึงได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า :-
               ลุงกา ข้าพเจ้ายังอัตภาพให้เป็นไปเลี้ยงชีพด้วยเหยื่อนั้น ที่ได้ได้มาแล้ว เพราะมักน้อย คิดน้อย และไปหากินไม่ไกล จึงอ้วน
               เพราะว่า คนผู้มักน้อย มีความสุขแบบพระอริยเจ้าผู้คิดน้อย มีประมาณอาหารที่รับพอดีแล้ว ย่อมมีพฤติกรรมที่ควรอวดอ้างได้ดี.


               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อปฺปิจฺฉา ความว่า เพราะมีความมักน้อยในอาหารทั้งหลาย คือเพราะไม่มีตัณหา. อีกอย่างหนึ่งอธิบายว่า เพราะต้องการอาหารโดยยังอัตภาพให้เป็นไปอย่างเดียว.
               บทว่า อปฺปจินฺตาย ความว่า เพราะไม่มีความคิดถึงอาหารอย่างนี้ว่า วันนี้เราจักได้อาหารที่ไหน พรุ่งนี้ที่ไหน.
               บทว่า อวิทูรคมเนน จ ความว่า และเพราะการไปในที่ไม่ไกล โดยคิดว่า เราจักได้อาหารอร่อย ในที่ชื่อโน้น.
               บทว่า ลทฺธาลทฺเธน ความว่า ด้วยอาหารที่ได้แล้วนั่นแหละ จะเลวหรือประณีตก็ไม่ว่า.
               บทว่า ถูโล เตนสฺมิ ความว่า ข้าพเจ้าอ้วนด้วย เพราะเหตุ ๔ อย่างนั้น.
               พระโพธิสัตว์ร้องเรียกกาว่าวายสะ.
               บทว่า อปฺปจินฺตี มีวิเคราะห์ว่า ความสุขของพระอริยเจ้าทั้งหลาย ผู้เว้นจากความคิดมากเกินไปในอาหาร ชื่อว่าผู้มีความคิดน้อย มีอยู่แก่ผู้นั้น เหตุนั้นผู้นั้นจึงชื่อว่า มีความสุขแบบพระอริยเจ้าผู้คิดน้อยของผู้ประกอบด้วยความสุขเช่นนั้นนั้น.
               บทว่า สุสงฺคหิตปฺปมาณสฺส ความว่า ผู้มีประมาณแห่งอาหารที่รับไว้ด้วยดีแล้วอย่างนี้ว่า เรากินแล้วจักสามารถย่อยได้ตลอดเวลาเพียงเท่านี้.
               บทว่า วุตฺตี สุสมุทานิยา ความว่า ความเป็นไปแห่งชีวิตของบุคคลนี้ สามารถเพื่อจะอวดอ้างได้ คือเป็นไปได้ด้วยดีทีเดียว หมายความว่า เพื่อเกิดขึ้นโดยง่ายดาย.

               พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจธรรมทั้งหลาย แล้วทรงประชุมชาดกไว้ ในที่สุดแห่งสัจธรรม ภิกษุผู้เหลวไหลตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลแล้ว.
               กาในครั้งนั้น ได้แก่ ภิกษุผู้เหลวไหล ในบัดนี้
               ส่วนนกกระจาบ ได้แก่ เราตถาคต นั่นเอง.


               จบ อรรถกถาวัฏฏกชาดกที่ ๙               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา วัฏฏกชาดก ว่าด้วย การทำให้เกิดความสุข จบ.
อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 0 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 951 อรรถกถาอรรถาธิบาย
เล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 957 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 963 อรรถาธิบายเล่มที่  27 เริ่มข้อที่ 2519
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=27&A=4231&Z=4247
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=39&A=2224
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=39&A=2224
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๙  มิถุนายน  พ.ศ.  ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :