บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
แม้พระเถระรูปนี้ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ทุกๆ ภพนั้นจะสร้างแต่บุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานเป็น ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าอัตถทัสสี ท่านได้เกิดเป็นจอมเทพชื่อว่าวรุณะ. วรุณเทพนั้นเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว มีจิตใจเลื่อมใส จึงพร้อมด้วยบริวาร พากันบำรุงบูชาด้วยของหอมและ ในกาลอื่นต่อจากนั้นมา เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว เขาพร้อมด้วยบริวารได้นำเครื่องดนตรีทุกชิ้นและผู้แสดงดนตรีมา ทำการแสดงยังที่ต้นมหาโพธิ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระ ด้วยบุญนั้น เขาจุติจากเทวโลกชั้นนั้นแล้วมาบังเกิดในนิมมานรดีเทวโลก. ครั้นเขาได้เสวยสวรรค์สมบัติอย่างนี้แล้ว ต่อมาได้เป็นมนุษย์ ในหมู่มนุษย์ก็ได้ พอมาในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้มาเกิดในเรือนที่มีสกุล บรรลุนิติภาวะแล้ว จึงได้บวชในพระศาสนาของพระศาสดา ต่อกาลไม่นานนักก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์. ภายหลังท่านได้ระลึกถึงกรรมของตน รู้ถึงกรรมนั้นตามความเป็นจริงแล้ว เกิดความโสมนัส เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า วรุโณ นาม นาเมน ดังนี้. ในคำเริ่มต้นนั้นมีการเชื่อมความว่า ในเวลาที่เราได้บูชาพระพุทธเจ้าและต้นโพธิเพื่อการตรัสรู้พร้อมนั้น เราได้เป็นจอมเทพนามว่าวรุณะ. พึงทราบอรรถวิเคราะห์ในบทว่า ธรณีรุหปาทปํ ดังนี้ ชื่อว่าธรณี เพราะรองรับซึ่งต้นไม้ เครือเถา ภูเขาและรัตนะ ๗ ประการเป็นต้นไว้ได้. ชื่อว่าธรณีรุหะ เพราะงอกงามตั้งมั่นอยู่บนพื้นแผ่นดินนั้น. ชื่อว่าปาทโป เพราะดูดน้ำได้จากทางราก. อธิบายว่า ย่อมดูดกินน้ำที่รดแล้วทางราก ได้แก่ย่อมแผ่รสแห่งอาโปไปตามลำดับ กิ่งและก้านของต้นไม้. เชื่อมความว่า ต้นโพธิ์นั้นดูดกินน้ำทางรากงอกงามตั้งอยู่บนแผ่นดิน. บทว่า สกกมฺมาภิรทฺโธ มีการเชื่อมความว่า ด้วยกุศลกรรมของตน จึงยินดีเลื่อมใส คือเลื่อมใสในต้นโพธิ์อันอุดมแล. คำที่เหลือในที่ทุกแห่งมีเนื้อความง่ายทั้งนั้น. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ เถราปทาน ๑๒. มหาปริวารวรรค ๔. เอกาสนิยเถราปทาน (๑๑๔) จบ. |