บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
แม้พระเถระรูปนี้ก็ได้บำเพ็ญบารมีมาแล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตตระ บังเกิดในตระกูลมีโภคะมาก ในหังสวดีนคร ฟังธรรมในสำนักพระศาสดา โดยนัยดังกล่าวแล้วในหนหลัง เห็นพระศาสดาทรงตั้งภิกษุรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งอันเลิศโดยภาวะเป็นที่รักเป็นที่ชอบใจของเทวดาทั้งหลาย ปรารถนาตำแหน่งนั้น บำเพ็ญบุญตลอดชีวิต จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า บังเกิดในเรือนมีตระกูล. เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสุเมธะปรินิพพานแล้ว ท่านบูชาและพระสถูปของพระผู้พระภาคเจ้านั้น บำเพ็ญทานให้เป็นไปแด่พระสงฆ์ เคลื่อนจากอัตภาพนั้นแล้ว เสวยสมบัติทั้งสองในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย. เมื่อพระพุทธเจ้าไม่เสด็จอุบัติขึ้น เป็นพระเจ้าจักร เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลายยังไม่เสด็จอุบัติขึ้นนั่นแล ท่านบังเกิดในตระกูลพราหมณ์ในกรุงสาวัตถี. ญาติทั้งหลายขนานนามท่านว่า ปิลินทะ. บทว่า วจฺโฉ ได้แก่ โคตร. ครั้นต่อมาท่านได้ปรากฏนามว่าปิลินทวัจฉะ ก็เพราะท่านเป็นผู้มากไปด้วยการสังเวช ท่านจึงบวชเป็นปริพาชก ยังวิชชา ๓ ชื่อว่าจูฬคันธาระให้สำเร็จ เป็นผู้เที่ยวไปทางอากาศ และรู้จิตของผู้อื่นด้วยวิชชานั้น ถึงความเป็นผู้เลิศด้วยลาภและยศ อาศัยอยู่ในกรุงราชคฤห์. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลายเป็นผู้ตรัสรู้ยิ่งแล้ว เสด็จเข้าไปกรุงราชคฤห์โดยลำดับ. จำเดิมแต่นั้นมา ด้วยอานุภาพของพระพุทธเจ้า วิชชานั้นไม่ได้สำเร็จแก่ท่าน. ท่านไม่ยังกิจของตนให้สำเร็จ. ท่านดำริว่า ข้อที่ท่านได้สดับมาในสำนักอาจารย์และปาจารย์ คือมหาคันธารวิชชา ซึ่งเป็นที่ๆ ท่านทรงจำไว้ได้ แต่จูฬคันธารวิชชาย่อมไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้น ตั้งแต่พระสมณโคดมเสด็จมา วิชชาของเรานี้ย่อมไม่สำเร็จ พระสมณโคดมย่อมทรงทราบมหาคันธารวิชชาอย่างไม่ต้องสงสัย กระไรหนอ เราจะเข้าไปหาท่าน พึงเรียนวิชชานั้นในสำนักของพระสมณโคดม. เพราะเหตุนั้นแล พระ ท่านสำคัญว่า การบริกรรมวิชชาเป็นการบรรพชา จึงได้บรรพชาแล้ว. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมแก่ท่าน ได้ทรงประทาน ก็เทวดาเหล่านี้ได้ผู้ตั้งอยู่ในโอวาทของท่านในชาติก่อน เกิดในสวรรค์. เทวดาเหล่านั้นอาศัยความเป็นผู้กตัญญู เกิดความนับถือในท่านมาก เข้าไปนั่งใกล้พระเถระทั้งเย็นและเช้า. เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงตั้งท่านไว้ในความเป็นผู้เลิศโดยความเป็นที่รักเป็นที่พอใจของเทวดาทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาภิกษุผู้สาวกของเราผู้เป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดาทั้งหลาย ปิลินทวัจฉะเป็นเลิศ. ท่านถึงตำแหน่งอันเลิศอย่างนี้แล้ว หวนระลึกถึงบุพกรรมของตน เมื่อจะประกาศ พึงทราบวินิจฉัยในคาถานั้นดังต่อไปนี้ ชื่อว่า โลกนาโถ เพราะเป็นที่พึ่งคือเป็นประธานของกามโลก รูปโลกและอรูปโลก. ชื่อว่า อคฺคปุคฺคโล เพราะเป็นผู้มีเมธาดี คือประเสริฐล้ำเลิศ. เชื่อมความว่า เมื่อพระโลกนาถผู้มีเมธาดี คือบุคคลผู้ล้ำเลิศนั้นปรินิพพาน ด้วย บทว่า ปสนฺนจิตฺโต สุมโน ความว่า เราเป็นผู้มีจิตเลื่อมใสด้วยศรัทธา มีใจดีด้วยโสมนัส ให้กระทำการบูชาพระสถูป คือพระเจดีย์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าสุเมธะนั้น. บทว่า เย จ ขีณาสวา ตตฺถ ความว่า ก็พระขีณาสพคือผู้ละกิเลสได้แล้ว ผู้ชื่อว่า ฉฬ อธิบายว่า เรานิมนต์พระขีณาสพทั้งหมดนั้น ให้มาประชุมกันในที่นั้น นำมาด้วยความเอื้อเฟื้อ ได้กระทำสังฆภัตที่จะพึงถวายแก่สงฆ์ทั้งสิ้น. อธิบายว่า ให้พระขีณาสพนั้นฉัน. บทว่า อุปฏฺญาโก ตทา อหุ ความว่า ในกาลเป็นที่ให้สังฆภัตแก่เราในครั้งนั้น ท่านได้เป็น อธิบายว่า สาวกนั้นได้อนุโมทนาชื่นชมยินดีบูชาสักการะแก่เราแล้วได้แสดงอานิสงส์. บทว่า เตน จิตฺตปฺปสาเทน เราได้เข้าถึงวิมานในเทวโลก ด้วยความ บทว่า ฉฬาสีติสหสฺสานิ ความว่า นางเทพอัปสรหมื่นหกพันนาง ได้ชื่นชมยินดี ยังจิตของเราให้ยินดีในวิมานนั้น. บทว่า มเมว อนุวตฺตนฺติ ความว่า เทพอัปสรเหล่านั้นอุปัฏฐากด้วยกามทั้งปวงคือด้วยวัตถุกามมีรูปเป็นต้นอันเป็นทิพย์ อนุวัตรตามเราเท่านั้น คือกระทำตามคำของเรา ในกาลนั้น ตลอดกาลเป็นนิตย์. คำที่เหลือรู้ได้ง่ายทั้งนั้นแล. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ เถราปทาน ๒. สีหาสนิวรรค ๕. ปิลินทวัจฉเถราปทาน (๑๕) จบ. |