![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() พระเถระแม้นี้ได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าเวสสภู บังเกิดในกำเนิดช้างในป่าหิมวันต์ อยู่อาศัย ณ ที่นั้น. สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าเวสสภู ทรงประสงค์วิเวก จึงเสด็จไป ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านจุติจากกำเนิดช้างนั้นแล้ว เกิดในเทวโลก ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในตระกูลหนึ่งซึ่งมีโภคะมาก เลื่อม ท่านได้ปรากฏนามตามกุศลที่ตนบำเพ็ญไว้ในกาลก่อนว่า ภิสทายกเถระ ดังนี้. ท่านระลึกถึงบุพกรรมของตน เมื่อจะประกาศ บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เวสฺสภู ความว่า ชื่อว่าเวสสภู เพราะล่วงรู้ คือก้าวล่วงวิชชาของแพศย์. อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าเวสสภู เพราะก้าวล่วงคือครอบงำ แพศย์คือวาณิชกรรม กิเลสมี บทว่า อิสีนํ ตติโย อหุ ความว่า ชื่อว่าอิสิ เพราะแสวงหาคือหากุศลธรรมทั้งหลาย. อธิบายว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อเป็นฤษี หรือเป็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ทรงมีพระนาม ๓ พระนาม เพราะเรียกกันว่า วิปสฺสี สิขี เวสฺสภู. บทว่า กานนํ วนโมคฺคยฺหา ความว่า เข้าไปยึดเอาป่า กล่าวคือป่าใหญ่. บทว่า ภิสมุฬาลํ ครฺหิตฺวา ความว่า ชื่อว่า ภิสํ เพราะเบียดเบียน คือทำความหิวของสัตว์ ๒ เท้าและสัตว์ ๔ เท้าให้พินาศ. ภิส นั้นคืออะไร? ได้แก่เหง้ามัน, เหง้ามันและรากบัว ชื่อว่าภิสมุฬาละ ถือเอาเหง้ามันและรากบัวนั้น. บทว่า กเรน จ ปรามฏฺโฐ ความว่า ทานที่เราให้แล้วนั้น อันพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าเวสสภู ผู้มีปัญญาสูงสุดลูบคลำแล้วด้วยพระกรคือด้วยฝ่าพระหัตถ์ ได้เป็นอันพระ บทว่า สุขาหํ นาภิชานามิ สมํ เตน กุโตตฺตรึ ความว่า เราไม่รู้สึกความสุขด้วยความสุขนั้น. อธิบายว่า สุขอื่นที่ยิ่งกว่าสุขนั้นจะมีแต่ที่ไหน. คำที่เหลือมีอรรถที่พึงรู้ได้ง่ายตามกระแสแห่งนัยแล. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ เถราปทาน ๗. สกจิตตนิยวรรค ๕. ภิสทายกเถราปทาน (๖๕) จบ. |