บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
พระเถระแม้นี้ได้บำเพ็ญโพธิสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสิขี บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งนายมาลาการ เจริญวัยแล้วเกิดศรัทธา มีใจเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า ถือเอากำดอกมะลิบูชาด้วยมือทั้งสอง ด้วยบุญกรรมนั้นท่านเสวยสมบัติทั้งสอง ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย. ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในเรือนมีตระกูล เจริญด้วยบุตรและภรรยา ท่าน ท่านเป็นพระอรหันต์แล้วระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศ ใจคือจิตของผู้ใดดี ผู้นั้นชื่อว่ามีใจดี ในกาลนั้นเราประกอบด้วยศรัทธาความเลื่อมใสและนับถือมาก ได้เป็นนาย บทว่า สิขิโน โลกพนฺธุโน ความว่า ชื่อว่าสิขี มีเปลวไฟสว่าง เพราะเปลวไฟที่โพลงแล้วย่อมสว่าง. สิขีนั้นคืออะไร? คือเปลวไฟ. ที่ชื่อว่าสิขี เพราะส่องแสงดุจเปลวไฟ เปลวไฟย่อมไหม้ใบไม้ หญ้า ไม้และฟางเป็นต้นฉันใด พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้นี้ก็ฉันนั้น ย่อมโชติช่วงด้วยรัศมีมีสีเขียวและสีเหลืองเป็นต้น ปรากฏในโลกสันนิวาสทั้งสิ้น. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้นามบัญญัติ นามกรรม นามไธย เพราะอรรถว่าทำกิเลสทั้งปวงอันตกอยู่ในสันดานตนให้เหือดแห้ง กำจัดเผาให้ไหม้เสีย. บทว่า สกลโลกสฺส พนฺธุญาตโก ได้แก่ เป็นเผ่าพันธุ์แห่งโลก. อธิบายว่า เราได้ยกดอกมะลิขึ้นบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งโลกพระนามว่าสิขี นั้น. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ เถราปทาน ๗. สกจิตตนิยวรรค ๙. สุมนเถราปทาน (๖๙) จบ. |