บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ในคาถาที่เหลือทุกแห่ง คำชัดแล้วทั้งนั้นแล. เวมัตตกถา อายุเวมัตตะ จริงอย่างนั้น พระพุทธเจ้า ๙ พระองค์เหล่านี้คือ พระทีปังกร พระโกณ พระพุทธเจ้า ๘ พระองค์เหล่านี้คือ พระมังคละ พระสุมนะ พระโสภิตะ พระนารทะ พระสุเมธะ พระสุชาตะ พระปิยทัสสี พระปุสสะ มีพระชนมายุเก้าหมื่นปี. พระพุทธเจ้า ๒ พระองค์คือ พระเรวตะ พระเวสสภู มีพระชนมายุหกหมื่นปี. พระผู้มีพระภาคเจ้าวิปัสสี มีพระชนมายุแปดหมื่นปี. พระพุทธเจ้า ๔ พระองค์เหล่านี้คือ พระสิขี พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ มีพระชนมายุเจ็ดหมื่นปี, สี่หมื่นปี, สามหมื่นปี, สองหมื่นปี ตามลำดับ. ส่วนพระผู้มีพระภาคเจ้าของเรา มีพระชนมายุร้อยปี. ประมาณอายุ ไม่มีประมาณ โดยยุคของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้ประกอบด้วยกรรมที่ทำให้อายุยืน นี้ชื่อว่าอายุเวมัตตะ ของพระพุทธเจ้า ๒๕ พระองค์. ปมาณเวมัตตะ จริงอย่างนั้น พระพุทธเจ้าคือพระทีปังกร พระเรวตะ พระปิยทัสสี พระอัตถ พระพุทธเจ้าคือพระโกณฑัญญะ พระมังคละ พระนารทะ พระสุเมธะ มีพระวรกายสูง ๘๘ ศอก. พระสุมนพุทธเจ้ามีพระสรีระสูง ๙๐ ศอก. พระพุทธเจ้าคือ พระโสภิตะ พระอโนมทัสสี พระปทุมะ พระปทุมุตตระ พระปุสสะ มีพระสรีระสูง ๕๘ ศอก พระสุชาตพุทธเจ้ามีพระสรีระสูง ๕๐ ศอก. พระพุทธเจ้าคือพระสิทธัตถะ พระติสสะและพระเวสสภู มีพระวรกายสูง ๖๐ ศอก. พระสิขีพุทธเจ้ามีพระสรีระสูง ๗๐ ศอก. พระพุทธเจ้าคือพระกกุสันธะ พระโกนาคมนะและพระกัสสปะ พระวรกายสูง ๔๐ ศอก ๓๐ ศอก ๒๐ ศอกตามลำดับ. ส่วนพระผู้มีพระภาคเจ้าของเรา สูง ๑๘ ศอก. นี้ชื่อว่าปมาณเวมัตตะ ของพระพุทธเจ้า ๒๕ พระองค์. กุลเวมัตตะ จริงอย่างนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะและพระกัสสปะ เกิดในตระกูลพราหมณ์. พระพุทธเจ้า ๒๒ พระองค์ที่เหลือมีพระทีปังกรพุทธเจ้าเป็นต้นมีพระโคตมพุทธเจ้าเป็นที่สุด เกิดในตระกูลกษัตริย์ทั้งนั้น. นี้ชื่อว่ากุลเวมัตตะ ของพระพุทธเจ้า ๒๕ พระองค์. ปธานเวมัตตะ พระพุทธเจ้าคือพระมังคละ พระสุเมธะ พระติสสะและพระสิขี ทรงบำเพ็ญเพียร ๘ เดือน. พระเรวตพุทธเจ้า ๗ เดือน. พระโสภิตพุทธเจ้า ๔ เดือน. พระพุทธเจ้าคือ พระปทุมะ พระอัตถทัสสีและพระวิปัสสี ครึ่งเดือน. พระพุทธเจ้าคือ พระนารทะ พระปทุมุตตระ พระธัมมทัสสีและพระกัสสปะ ๗ วัน. พระพุทธเจ้าคือ พระปิยทัสสี พระปุสสะ พระเวสสภูและพระโกนาคมนะ ๖ เดือน. พระพุทธเจ้าของเราทรงบำเพ็ญเพียร ๖ ปี. นี้ชื่อว่าปธานเวมัตตะ. รัศมีเวมัตตะ ได้ยินว่า พระมังคลสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระรัศมีแห่งพระสรีระ แผ่ไปในหมื่นโลกธาตุ. พระปทุมุตตรพุทธเจ้า แผ่ไป ๑๒ โยชน์. พระวิปัสสีพุทธเจ้า แผ่ไป ๗ โยชน์. พระสิขีพุทธเจ้า แผ่ไป ๓ โยชน์. พระกกุสันธพุทธเจ้า แผ่ไป ๑๐ โยชน์. พระผู้มีพระภาคเจ้าของเรา ประมาณหนึ่งวาโดยรอบ. พระพุทธเจ้านอกนั้น ไม่แน่นอน. นี้ชื่อว่ารัศมีเวมัตตะ. ยานเวมัตตะ จริงอย่างนั้น พระพุทธเจ้าคือพระทีปังกร พระสุมนะ พระสุเมธะ พระปุสสะ พระสิขีและพระโกนาคมนะ ออกอภิเนษกรมณ์ด้วยยานคือช้าง พระโกณฑัญญะ พระเรวตะ พระปทุมะ พระปิยทัสสี พระวิปัสสีและพระกกุสันธะ ด้วยยานคือรถ. พระมังคละ พระสุชาตะ พระอัตถทัสสี พระติสสะและพระโคตมะ ด้วยยานคือม้า. พระอโนมทัสสี พระสิทธัตถะ พระเวสสภู ด้วยยานคือวอ. พระนารทะเสด็จออกอภิเนษกรมณ์ด้วยพระบาท. พระโสภิตะ พระปทุมุตตระ พระธัมมทัสสีและพระกัสสปะ ออก นี้ชื่อว่ายานเวมัตตะ. โพธิรุกขเวมัตตะ พระผู้มีพระภาคเจ้าโกณฑัญญะ มีโพธิพฤกษ์ชื่อต้นสาลกัลยาณี ขานาง พระมังคละ พระสุมนะ พระเรวตะ พระโสภิตะ มีโพธิพฤกษ์ชื่อต้นนาคะ กากะทิง. พระอโนมทัสสี มีโพธิพฤกษ์ชื่อต้นอัชชุนะ กุ่ม. พระปทุมะและพระนารทะ มีโพธิพฤกษ์ชื่อต้นมหาโสณะ อ้อยช้างใหญ่. พระปทุมุตตระ มีโพธิพฤกษ์ชื่อต้นสลละ หรือสาละ. พระสุเมธะ มีโพธิพฤกษ์ชื่อต้นนีปะ กะทุ่ม. พระสุชาตะ มีโพธิพฤกษ์ชื่อต้นเวฬุ ไผ่. พระปิยทัสสี มีโพธิพฤกษ์ชื่อต้นกกุธะ กุ่ม. พระอัตถทัสสี โพธิพฤกษ์ชื่อต้นจัมปกะ จำปา. พระธัมมทัสสี โพธิพฤกษ์ชื่อต้นรัตตกุรวกะ ซ้องแมวแดง.๑- พระสิทธัตถะ โพธิพฤกษ์ชื่อ ต้นกณิการะ กรรณิการ์. พระติสสะ โพธิพฤกษ์ชื่อต้นอสนะ ประดู่. พระปุสสะ โพธิพฤกษ์ชื่อต้นอาลมกะ มะขามป้อม. พระวิปัสสี โพธิพฤกษ์ชื่อต้นปาฏลี แคฝอย. พระสิขี โพธิพฤกษ์ชื่อต้นปุณฑรีกะ กุ่มบก. พระเวสสภู โพธิพฤกษ์ชื่อต้นสาละ. พระกกุสันธะ โพธิพฤกษ์ชื่อต้นสรีสะ ซึก. พระโกนาคมนะ โพธิพฤกษ์ชื่อต้นอุทุมพระ มะเดื่อ. พระกัสสปะ โพธิพฤกษ์ชื่อต้นนิโครธ ไทร. พระโคตมะ โพธิพฤกษ์ชื่อต้นอัสสัตถะ โพธิใบ. นี้ชื่อว่าโพธิเวมัตตะ. ____________________________ ๑- บาลีในธัมมทัสสีพุทธวงศ์ข้อ ๑๖ เป็นต้นพิมพิชาละ มะพลับ. บัลลังกเวมัตตะ พระโกณฑัญญะ พระมังคละ พระนารทะและพระสุเมธะ มีบัลลังก์ ๕๗ ศอก. พระสุมนะ มีบัลลังก์ ๖๐ ศอก. พระโสภิตะ พระอโนมทัสสี พระปทุมะ พระปทุมุตตระและพระปุสสะ มีบัลลังก์ ๓๘ ศอก. พระสุชาตะ มีบัลลังก์ ๓๒ ศอก. พระสิทธัตถะ พระติสสะและพระเวสสภู มีบัลลังก์ ๔๐ ศอก. พระสิขี มีบัลลังก์ ๓๒ ศอก. พระกกุสันธะ มีบัลลังก์ ๒๖ ศอก. พระโกนาคมนะ มีบัลลังก์ ๒๐ ศอก. พระกัสสปะ มีบัลลังก์ ๑๕ ศอก. พระโคตมะ มีบัลลังก์ ๑๔ ศอก. นี้ชื่อว่าบัลลังกเวมัตตะ เหล่านี้ชื่อว่าเวมัตตะ ๘. เรื่องสถานที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงละ จริงอยู่ โพธิบัลลังก์ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่ทรงละ เป็นสถานที่แห่งเดียวกันนั่นเอง. ไม่ทรงละการประกาศพระธรรมจักร ณ ป่าอิสิปตนะมิคทายวัน, ไม่ทรงละสถานที่เหยียบพระบาทครั้งแรก ใกล้ประตูสังกัสสนคร ครั้งเสด็จลงจาก เรื่องการกำหนดสหชาตและกำหนดนักษัตร์ สิ่งที่เกิดร่วมกันกับพระสัพพัญญูโพธิสัตว์ของเรามี ๗ เหล่านี้ คือ พระมารดาพระราหุล ๑ พระอานันทเถระ ๑ พระฉันนะ ๑ พระยาม้ากัณฐกะ ๑ หม้อขุมทรัพย์ ๑ พระมหาโพธิ ๑ พระกาฬุทายี ๑ นี้ชื่อว่ากำหนดสหชาต. โดยนักษัตรคือดาวฤกษ์ในเดือนอุตตราสาธ พระมหาบุรุษลงสู่พระ นี้ชื่อว่ากำหนดนักษัตร. เรื่องธรรมดาของพระพุทธเจ้า ๑. พระโพธิสัตว์ผู้มีภพสุดท้าย มีสัมปชัญญะรู้ตัว ลงสู่พระครรภ์ของพระชนนี ๒. พระโพธิสัตว์นั่งขัดสมาธิในพระครรภ์ของพระชนนีหันพระพักตร์ออกไปภายนอก ๓. พระชนนีของพระโพธิสัตว์ยืนประสูติ ๔. พระโพธิสัตว์ออกจากพระครรภ์พระชนนีในป่าเท่านั้น ๕. พระโพธิสัตว์วางพระบาทลงบนแผ่นทอง หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ ย่างพระบาท ๗ ก้าว เสด็จไปตรวจดู ๔ ทิศแล้วเปล่งสีหนาท ๖. พระมหาสัตว์พอพระโอรสสมภพ ก็ทรงเห็นนิมิต ๔ แล้วออก ๗. พระมหาสัตว์ทรงถือผ้าธงชัยแห่งพระอรหันต์ ทรงผนวช ทรงบำเพ็ญเพียรกำหนดอย่างต่ำที่สุด ๗ วัน ๘. เสวยข้าวมธุปายาสในวันที่ทรงบรรลุพระสัมโพธิญาณ ๙. ประทับนั่งเหนือสันถัตหญ้าบรรลุพระสัพพัญญุตญาณ ๑๐. ทรงบริกรรมอานาปานัสสติกัมมัฏฐาน ๑๑. ทรงกำจัดกองกำลังของมาร ๑๒. ณ โพธิบัลลังก์นั่นเอง ทรงได้คุณมีอสาธารณะญาณ ตั้งแต่วิชชา ๓ เป็นต้นไปเป็นอาทิ ๑๓. ทรงยับยั้งใกล้โพธิพฤกษ์ ๗ สัปดาห์ ๑๔. ท้าวมหาพรหมทูลอาราธนาเพื่อให้ทรงแสดงธรรม ๑๕. ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ ป่าอิสิปตนะ มิคทายวัน ๑๖. ในวันมาฆบูรณมี ทรงยกปาติโมกข์ขึ้นแสดงในที่ประชุมสาวกประกอบด้วยองค์ ๔ ๑๗. ประทับอยู่ประจำ ณ ที่พระวิหารเชตวัน ๑๘. ทรงทำยมกปาฏิหาริย์ ใกล้ประตูกรุงสาวัตถี ๑๙. ทรงแสดงพระอภิธรรม ณ ภพดาวดึงส์ ๒๐. เสด็จลงจากเทวโลก ใกล้ประตูสังกัสสนคร ๒๑. ทรงเข้าผลสมาบัติต่อเนื่องกัน ๒๒. ทรงตรวจดูเวไนยชน ๒ วาระ ๒๓. เมื่อเรื่องเกิดขึ้น จึงทรงบัญญัติสิกขาบท ๒๔. เมื่อเหตุต้นเรื่องเกิดขึ้น จึงตรัสชาดก ๒๕. ตรัสพุทธวงศ์ในสมาคมพระประยูรญาติ ๒๖. ทรงทำปฏิสันถารกับภิกษุอาคันตุกะ ๒๗. พวกภิกษุจำพรรษาแล้วถูกนิมนต์ ไม่ทูลบอกลาก่อน ไปไม่ได้ ๒๘. ทรงทำกิจก่อนและหลังเสวย ยามต้น ยามกลางและยามสุดท้ายทุกๆ วัน ๒๙. เสวยรสมังสะในวันปรินิพพาน. ๓๐. ทรงเข้าสมาบัติยี่สิบสี่แสนโกฏิสมาบัติแล้วจึงปรินิพพาน. ธรรมดาของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์มี ๓๐ ถ้วนดังกล่าวมาฉะนี้. เรื่องอนันตรายิกธรรม ๑. ใครๆ ไม่อาจทำอันตรายแก่ปัจจัย ๔ ที่มีเฉพาะพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ๒. ใครๆ ไม่อาจทำอันตรายแก่พระชนมายุของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย สมจริงดังที่ตรัสไว้ว่า ข้อที่บุคคลพึงใช้ความพยายามปลงพระชนม์ชีพพระตถาคต ไม่เป็นฐานะ ไม่เป็นโอกาส [คือเป็นไปไม่ได้] ๓. ใครๆ ไม่อาจทำอันตรายแก่พระมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการและแก่พระ ๔. ใครๆ ไม่อาจทำอันตรายแก่พระพุทธรังสีได้เหล่านี้ ชื่อว่าอนันตรายิกธรรม ๔. นิคมนกถา คำส่งท้ายเรื่อง ซึ่งผู้รู้บทพรรณนาให้ง่าย ถึงความสำเร็จด้วยกถาเพียง เท่านี้. ข้าพเจ้ายึดทางแห่งอรรถกถาเก่า อันประกาศ ความแห่งบาลี เป็นหลักอย่างเดียว แต่งอรรถกถาพุทธ- วงศ์ เพราะละเว้นความที่เยิ่นเย้อ ประกาศแต่ความอัน ไพเราะทุกประการ ฉะนั้น จึงชื่อว่ามธุรัตถวิลาสินี. เมื่อสาธุชน ผู้มีวาจาไพเราะ ชื่อกัณหทาส สร้าง วิหาร ที่มีกำแพงและซุ้มประตูอันงามโดยอาการต่างๆ ถึงพร้อมด้วยร่มเงาและน้ำ น่าดู น่ารื่นรมย์ เป็นที่คับ แคบแห่งทุรชนที่ถูกกำจัด เป็นที่สงัดสบาย น่าเจริญใจ ณ ท่าเรือกาวีระ เป็นพื้นแผ่นดินที่เต็มด้วยชุมทางน้ำ แห่งแม่น้ำกาวีระ น่ารื่นรมย์ เกลื่อนกล่นด้วยหญิงชาย ต่างๆ. ข้าพเจ้าอยู่ ณ พื้นปราสาทด้านทิศตะวันออกใน วิหารนั้น ที่เย็นอย่างยิ่ง แต่งอรรถกถาพรรณนาพุทธ- วงศ์. อรรถกถาพรรณนาพุทธวงศ์นี้ เว้นอันตราย ข้าพเจ้าแต่งสำเร็จดีแล้วฉันใด ขอความตรึกของชน ทั้งหลายที่ชอบด้วยธรรม จนถึงความสำเร็จโดยเว้น อันตรายฉันนั้น. ข้าพเจ้าผู้แต่งอรรถกถาพุทธวงศ์นี้ ปรารถนา บุญอันใด ด้วยเทวานุภาพแห่งบุญนั้น ขอโลกจง ประสบประโยชน์อย่างดี ที่สงบยั่งยืนทุกเมื่อ. ขอโรคทั้งปวงในมนุษย์ทั้งหลาย จงพินาศไป แม้ฝนก็จงตกต้องตามฤดูกาล แม้สัตว์นรกก็จงมีสุข อย่างดีเป็นนิตย์ เหล่าปีศาจทั้งหลาย ก็จงปราศจาก ความหิวกระหาย. ขอเทวดาทั้งหลายกับหมู่อัปสรเป็นต้นจงเสวย สุขในเทวโลกนานๆ. ขอธรรมของพระจอมมุนี จงดำรงอยู่ในโลก ยั่งยืนนาน ขอท่านผู้มีหน้าที่คุ้มครองโลกจงปกครอง แผ่นดินให้เป็นสุขเถิด. พระเถระโดยนามที่ท่านครูทั้งหลาย ขนาน ให้ปรากฏว่า พุทธทัตตะ แต่งคัมภีร์อรรถกถา ชื่อ มธุรัตถวิลาสินี. ตั้งคัมภีร์นี้ที่นำประโยชน์สืบๆ กันมา โดย ความที่สังขารตั้งอยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องตกไปสู่อำนาจ มฤตยูหนอ. คัมภีร์มธุรัตถวิลาสินีกล่าวโดยภาณวารมี ๒๖ ภาณวาร โดยคันถะมี ๖,๕๐๐ คันถะ โดยอักษรมี ๒๐๓,๐๐๐ อักษร. มธุรัตถวิลาสินีนี้ เข้าถึงความสำเร็จ ปราศจากอันตรายฉันใด ขอความดำริของสัตว์ทั้งหลายที่อาศัยธรรม จงสำเร็จฉันนั้น เทอญ. ด้วยประการฉะนี้. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ พุทธปกิรณกกัณฑ์ ว่าด้วยเรื่องเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า จบ. |