บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
สภาวธรรมที่ชื่อว่ากายคัณฐะ เพราะอรรถว่าย่อมผูกนามกาย คือย่อมยังนามกายให้สืบต่อในวัฏฏะด้วยอำนาจแห่งการปฏิสนธิ. กายคัณฐะใดที่ปฏิเสธแม้คำภาษิตของพระสัพพัญญู ย่อมยึดมั่นโดยอาการนี้ว่า โลกเที่ยงนี้เท่านั้นจริง อย่างอื่นไร้ประโยชน์ (เป็นโมฆะ) เพราะฉะนั้น กายคัณฐะนั้นจึงชื่อว่าอิทังสัจจาภินิเวสะ. ก็เพราะความแตกต่างกันแห่งอภิชฌาและกามราคะมีอยู่ ฉะนั้น ในการจำแนกบทอภิชฌากายคัณฐะ จึงไม่ตรัสว่า กามฉันทะ (ความพอใจในกาม) กามราคะ (ความกำหนัดในกาม) ในกามทั้งหลายอันใด ดังนี้ ตรัสว่า ราคะ (ความกำหนัด) สาราคะ (ความกำหนัดหนัก) เป็นต้น ด้วยพุทธพจน์นี้ คำใดที่กล่าวไว้ในภายหลังว่า ฉันทราคะ (ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจ) ในวิมานเป็นต้นของพวกพรหม ไม่เป็นกามาสวะ เพ่งถึงคัณฐะแล้วอภิชฌาก็ชื่อว่า กายคัณฐ (อภิชฌากายคัณฐะ) ดังนี้ คำนั้นบัณฑิตพึงทราบว่า ข้าพเจ้ากล่าวไว้ดีแล้ว. แม้ในกิเลสโคจฉกะข้างหน้าก็นัยนี้แหละ. คำว่า ฐเปตฺวา สีลพฺพตปรามาสํ (เว้นสีลัพพตปรามาส) นี้ ความว่า เพราะสีลัพพตปรามาสไม่ยึดถือโดยอาการมีอาทิว่า นี้เท่านั้นจริง ดังนี้ แต่ย่อมยึดถืออย่างนี้ว่า มีความบริสุทธิ์ได้ด้วยศีล ดังนี้ ฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงคัดค้านสีลัพพตปรามาสอันเป็นมิจฉาทิฏฐินั้น จึงตรัสว่าเว้น. .. อรรถกถา ธรรมสังคณีปกรณ์ นิกเขปกัณฑ์ คันถโคจฉกะเป็นต้น จบ. |