![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() อธิบายความ เพราะไม่มีธรรมที่ควรตั้งไว้ในฐานะแห่งอวิชชา. จริงอยู่ ในกุศลจิตทั้งหลายมีกุศลมูลพึงตั้งในฐานะแห่งอวิชชา ในอเหตุกจิตมีจักขุวิญญาณเป็นต้นก็ไม่มี แต่ในสเหตุกจิตทั้งหลายมีกุศลมูลอยู่โดยแท้ แม้เมื่อเป็นเช่นนั้น พระองค์จึงทรงตัดออกเสียในสเหตุกจิตนี้ ไม่ทรงถือเอาในอเหตุกจิตนั้น. ในกระแสแห่งวิญญาณ ๕ พึงทราบว่า ทรงทำเทศนาเป็นสภาพให้ตกไปในกระแสทีเดียว (คือแสดงโดยลำดับ). อนึ่ง ว่าโดยต่างกัน ในอัพยากฤตนี้ทรงลดฐานะแห่งตัณหา และอุปาทานในอเหตุกจิตมีจักขุวิญญาณเป็นต้น เพราะเหตุไร? เพราะไม่มีธรรมที่มีกำลังอันควรแก่ฐานะแห่งตัณหา และเพราะเว้นจากอธิโมกข์ แต่ในอเหตุกจิตที่เหลือ ทรงลดฐานะแห่งตัณหาโดยแท้. ในสเหตุกจิตทั้งหลาย ทรงเพิ่มบทปสาทะ ในที่แห่งตัณหา เพราะเป็นสภาพแห่งความผ่องใส. บรรดาอัพยากฤตเหล่านี้ ในอเหตุกจิตมีจักขุวิญญาณเป็นต้นที่เป็นกุศลวิบากและอกุศลวิบาก พึงทราบนัยอย่างละ ๖ ซึ่งมีสังขาร วิญญาณ นาม สพายตนะ ผัสสะและเวทนาเป็นมูล ในอเหตุกจิตที่เหลือ พึงทราบว่า มีนัยอย่างละ ๗ กับนัยที่มีอธิโมกข์เป็นมูล. ส่วนในสเหตุกจิตทั้งหลาย พึงทราบนัยอย่างละ ๘ กับปสาทะเป็นมูล. บรรดาอัพยากฤตเหล่านั้น ตรัสวาระเบื้องต้นของจตุกะทั้ง ๔ ไว้อย่างเดียวแม้ในจักขุวิญญาณเป็นต้น. วาระที่ ๒ แม้ได้อยู่ด้วยอรรถว่าความต่างกันแห่งปัจจัย ก็ไม่ตรัสไว้. วาระที่ ๓ ที่ ๔ ไม่ตรัสไว้เพราะไม่มีนั่นเอง ก็วาระที่ ๓ ที่ ๔ ระคนด้วยรูป และจักขุวิญญาณเป็นต้นย่อมยังรูปให้ตั้งขึ้นไม่ได้ แม้ในจตุกะที่เหลือก็ได้เหมือนในจตุกะที่หนึ่งซึ่งมี ๒ วาระ เพราะฉะนั้น พึงทราบทุติยวาระในปฐมจตุกะ และวาระในจตุกะที่เหลือจตุกะละ ๒ วาระ แม้ไม่ตรัสไว้ พึงทราบว่าตรัสไว้ทีเดียว ในอัพยากตะแห่งอเหตุกะที่เหลือได้ วาระแม้ทั้งปวงในจตุกะทั้งหมด. แต่เพราะตัดออกในจตุกะนี้ จึงมิทรงถือเอาข้างหน้า เทศนาที่ตกไปในกระแสทรงทำแล้ว ด้วยประการฉะนี้. แม้ในวิบากได้สเหตุกวิบากที่เหลือก็นัยนี้เหมือนกัน เว้นอรูปวจรวิบาก เพราะในอรูปาวจร ๒ วาระเท่านั้น ฉะนี้แล. อัพยากตนิเทศ จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา วิภังคปกรณ์ ปัจจยาการวิภังค์ อภิธรรมภาชนีย์ อัพยากตนิเทส จบ. |