![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | ||||||||||||||||||||||
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ถามว่า ก็บทเหล่านั้น เป็นบทอะไร. ตอบว่า เป็นบทธัมมายตนะเป็นต้น เพราะว่าวิปปโยคะ ย่อมไม่มีในธรรมทั้งหลายมีขันธ์เป็นต้นของธัมมายตนะ แม้สักบทเดียว. แม้ในธัมมธาตุเป็นต้น ก็นัยนี้นั่นแหละ. บัณฑิตพึงทราบอุทานแห่งบทเหล่านั้นดังนี้.
ธัมมายตนะ ธัมมธาตุ ชีวิตินทรีย์ นามรูป สฬายตนะ ธรรมทั้ง ๓ มีชาติเป็นต้น (คือชาติ ชรา มรณะ) ในติกะที่ ๒๐ บทหนึ่ง (คืออัชฌัตตพหิทธบท) บทสุดท้ายของติกะ ๑ บท (คืออนิทัสสนอัปปฏิฆบท) ในจูฬันตรทุกะ ๗ บท ในโคจฉกะ ๑๐ บท ในมหันตร ทุกะ ๑๔ บท ต่อจากนั้นอีก ๖ บท (คือปิฏฐิทุกะ ๖) บทเหล่านี้ แม้ทั้งหมดท่านแสดงไว้โดยย่อ รวม ๔๗ บท เหล่านี้ ย่อมประกอบไม่ได้ (หมายความว่าเป็นวิปปยุต). แม้คาถาสุดท้าย มีคำว่า "ธมฺมายตนํ ธมฺมธาตุ" เป็นต้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้เพื่อแสดงอรรถนี้นั่นแหละ. ก็แต่ว่า เว้นบทเหล่านี้แล้ว บทที่เหลือแม้ทั้งหมด ย่อมได้ (คือหมายความว่า สงเคราะห์เข้ากันได้). การจำแนกโดยความเป็นขันธ์เป็นต้นในบทเหล่านั้น บัณฑิตพึงทราบโดยทำนองแห่งนัยที่กล่าวแล้วนั่นแหละดังนี้แล. คำนิคม สัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ฉลาดในการจำแนกธาตุ ตรัสคัมภีร์ ธาตุกถาอันใดไว้ บัดนี้ การประกาศส่วนนยมุข คือ หัวข้อที่เป็นประธานของคัมภีร์นั้นจบลงแล้ว. ก็แล นัย แม้ทั้งหมดนั้น ข้าพเจ้ากล่าวไว้เป็นเพียงสังเขปกถา บุคคลผู้ฉลาดอาจเพื่อรู้ส่วนนยมุข คือหัวข้อที่พระองค์ ทรงแสดงนี้ได้. ก็ถ้าว่า ข้าพเจ้าจะพึงกล่าวเนื้อความ พิสดารแห่งคัมภีร์นี้ทุกๆ บทไซร้ ก็จะพึงกล่าวถ้อยคำ นั้นมากเหลือเกิน ทั้งเนื้อความนั้น ก็มิได้แปลกกันเลย. บุญกุศลใด อันข้าพเจ้า ผู้กระทำคัมภีร์นี้ เพื่อ แบบแผน มีประมาณ ๒ ภาณวารหย่อนสำเร็จลงแล้ว ด้วยประการฉะนี้ ขอกุศลผลบุญนั้น จงถึงแก่สัตวโลก ทั้งหลาย เพื่อความสุขเกษมสำราญตลอดกาลนิรันดร์ เทอญ. จบอรรถกถาแห่งธาตุกถาปกรณ์. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ธาตุกถาปกรณ์ นิทเทส ๑๔. วิปปยุตเตนสังคหิตาสังคหิตปทนิทเทส จบ. |