![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ว่าด้วยการสืบต่อของกุศลและอกุศล ในเรื่องนั้น กุศลชื่อว่าเกิดขึ้นในลำดับแห่งอกุศล หรือว่าอกุศลชื่อว่าเกิดขึ้นในลำดับแห่งกุศล ย่อมไม่มี เพราะฉะนั้น การสืบต่อของกุศลและอกุศลเหล่านั้นจึงไม่ประกอบซึ่งกันและกัน คือไม่ปนกัน. อนึ่ง ชนเหล่าใดถือลัทธิดุจลัทธินิกายมหาสังฆิกะทั้งหลายว่า ความกำหนัดและความคลายกำหนัดมีในวัตถุเดียวกันนั่นแหละ เหตุใด เพราะเหตุนั้น ธรรมนั้นจึงชื่อว่าสืบต่อซึ่งกันและกัน ดังนี้ คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. คำทั้ง ๒ คือ อาวชฺชนา คือความนึก ปณิธิ คือความตั้งใจ เป็นชื่อของอาวัชชนจิตนั่นแหละ. จริงอยู่ ชื่อว่าอาวัชชา เพราะอรรถว่ายังภวังคจิตนั้นให้เคลื่อนไป. ชื่อว่าปณิธิ เพราะอรรถว่าย่อมดำรง คือตั้งจิตไว้ในอารมณ์อื่นนอกจากอารมณ์ของภวังค์. คำว่า กุศลเกิดขึ้น ได้แก่ ผู้ไม่นึกถึงอยู่ ความว่า สกวาทีย่อมถามด้วยคำว่า กุศลที่เกิดสืบต่อในลำดับแห่งอกุศลนั้นใด กุศลนั้นย่อมเกิดแก่ผู้ไม่นึกหรือ ฝ่ายปรวาที เมื่อไม่เห็นความเกิดขึ้นแห่งกุศลโดยเว้นจากการนึก จึงตอบปฏิเสธ. คำว่า กุศลเกิดขึ้นได้แก่ผู้ทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายหรือ ดังนี้ ท่านกล่าวเพื่อท้วงว่า ผิว่า กุศลพึงเกิดในลำดับแห่งอกุศลไซร้ กุศลนั้นก็พึงเกิดเพราะมนสิการโดยอุบายอันไม่แยบคายด้วยอาวัชชนะของอกุศลทีเดียว ดังนี้. คำที่เหลือในที่นี้พึงทราบตามพระบาลีนั่นแหละ. คำว่า ความกำหนัดในวัตถุใด ความคลายกำหนัดในวัตถุนั้น เป็นต้นนั้น ย่อมแสดงซึ่งความเกิดขึ้นแห่งจิตมีราคะและจิตที่ปราศจากราคะในอารมณ์อันเดียวกัน มิใช่แสดงซึ่งความที่กุศลและอกุศลมีในลำดับซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้น คำนี้จึงมิใช่ข้อพิสูจน์ว่ากุศลมีในลำดับอกุศล หรือว่าอกุศลมีในลำดับกุศล ด้วยประการฉะนี้แล. อรรถกถากุสลากุสลปฏิสันทหนกถา จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ วรรคที่ ๑๔ กุสลากุสลปฏิสันทหนกถา จบ. |