![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ว่าด้วยอนันตรปัจจัย ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายอุตตราปถกะทั้งหลายว่า วิญญาณเหล่านี้เกิดติดต่อกันและกันไม่มีอะไรคั่น เพราะเห็นการเปลี่ยนแปลงโดยรวดเร็วในการเห็นรูปและการฟังเสียงเป็นต้น ในการฟ้อนรำขับร้องเป็นต้น คำถามของสกวาทีว่า โสตวิญญาณเกิดขึ้นในลำดับแห่งจักขุวิญญาณหรือ โดยหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. สกวาทีกล่าวคำว่า โสตวิญญาณมีรูปเป็นอารมณ์อย่างเดียว (อันที่จริงโสตวิญญาณนั้นมีเสียงเป็นอารมณ์) เพื่อท้วงด้วยคำว่า ผิว่าโสตวิญญาณพึงเกิดในลำดับแห่งจักขุวิญญาณไซร้ โสตวิญญาณนั้นก็พึงมีรูปเป็นอารมณ์เหมือนวิปากมโนธาตุ คือสัมปฏิจฉนจิตที่เกิดในลำดับแห่งจักขุวิญญาณ. ในปัญหาทั้งหลายว่า โสตวิญญาณเกิดขึ้นเพราะอาศัยจักขุและรูปหรือ ปรวาทีตอบปฏิเสธเพราะไม่มีในพระสูตร แต่เมื่อปรวาทีนั้นกำหนดถึงความเกิดขึ้นแห่งอนันตรปัจจัย จึงตอบรับรองด้วยสามารถแห่งลัทธิ. ข้อว่า จักขุวิญญาณอันนั้น โสตวิญญาณก็อันนั้นแหละหรือ ความว่า สกวาทีย่อมถามเปรียบเทียบการเกิดติดต่อกันของปฐมชวนะกับทุติยชวนะนั้นนั่นแหละ ย่อมเป็นไปเพราะเป็นมโนวิญญาณฉันใด จักขุวิญญาณนั้นนั่นแหละเกิดติดต่อกับโสตวิญญาณ ฉันนั้นหรือ. พึงทราบเนื้อความในวาระทั้งปวงโดยนัยนี้. คำว่า บุคคลบางคนฟ้อนรำขับร้อง เป็นต้น ย่อมแสดงถึงความเกิดสับสนกันแห่งวิญญาณ เพราะความเปลี่ยนไปโดยรวดเร็วในเพราะการประชุมแห่งอารมณ์ แต่มิใช่แสดงถึงความที่วิญญาณเหล่านั้นเป็นอนันตรปัจจัย คือเกิดติดต่อกัน หรือเกิดในลำดับซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้น ปัญหานี้จึงมิใช่ข้อพิสูจน์ถึงความที่จักขุวิญญาณเป็นอนันตรปัจจัยกับโสตวิญญาณ ดังนี้แล. อรรถกถาอนันตรปัจจยกถา จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ วรรคที่ ๑๔ อนันตรปัจจยกถา จบ. |