บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ว่าด้วยธรรมที่นับเนื่องกัน ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายอันธกะและสมิติยะทั้งหลายว่า กามราคะ คือความยินดีในกาม พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า นอนเนื่องในกามธาตุ นับเนื่องในกามธาตุ เหตุใด เพราะเหตุนั้น แม้รูปราคะ คือความยินดีในรูป ก็ชื่อว่านอนเนื่องในรูปธาตุและอรูปธาตุ นับเนื่องกันด้วยรูปธาตุและอรูปธาตุ ดังนี้. คำถามของสกวาทีว่า รูปราคะ เป็นต้น โดยหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. ในคำเหล่านั้น คำว่า นอนเนื่อง อธิบายว่า สกวาทีย่อมถามว่า กามราคะย่อมนอนเนื่องด้วยสามารถแห่งการเกิดพร้อมกับกามธาตุ กล่าวคือกามวิตก ฉันใด แม้รูปราคะก็เป็นรูปธาตุตามลัทธิของท่าน ฉันนั้นหรือ. คำว่า นับเนื่อง อธิบายว่า สกวาทีย่อมถามว่าเหมือนอย่างว่า การนับเนื่องนั้นชื่อว่านับเนื่องกันด้วยกามธาตุ เพราะนับเนื่องกันด้วยอำนาจกิเลสกามของกามธาตุ ๓ อย่าง ฉันใด แม้รูปราคะก็เป็นสภาพที่นับเนื่องด้วยรูปธาตุตามลัทธิของท่าน ฉันนั้นหรือ ฝ่ายปรวาทีเมื่อไม่กำหนดความประสงค์ของสกวาทีนั้น จึงตอบรับรองว่า ใช่ ด้วยสามารถแห่งลัทธิอย่างเดียวเท่านั้น. ลำดับนั้น สกวาทีจึงกล่าวคำว่า เป็นธรรมแสวงหาสมาบัติ เป็นต้น เพื่อจะให้ปรวาทีกำหนดเนื้อความนั้น และเพื่อถามเทียบเคียงกับจิตที่แสวงหาสมาบัติอันบัณฑิตนับพร้อมแล้วว่ากุศล วิปากและกิริยาจิต. คำที่เหลือในที่นี้ พึงทราบเนื้อความตามพระบาลีนั่นแหละ. แม้คำว่า กามราคะนอนเนื่องในกามธาตุ นับเนื่องด้วยกามธาตุมิใช่หรือ นี้ย่อมแสดงถึงความที่กามราคะนั่นแหละเป็นธรรมชาติที่นอนเนื่องในกามธาตุด้วย เป็นสภาพที่นับเนื่องในกามธาตุด้วย มิใช่แสดงถึงความที่ธาตุนอกนี้นอนเนื่องและนับเนื่องในธาตุนอกนี้ ดังนี้แล. อรรถกถาปริยาปันนกถา จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ วรรคที่ ๑๔ ปริยาปันนกถา จบ. |