บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ว่าด้วยการละกิเลส ๑- บาลีเป็น ชหติกถา. บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องการละกิเลส. ก็ในปัญหานั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจนิกายสมิติยะเป็นต้น ในที่นี้ว่า ปุถุชนผู้ได้ฌานพร้อมกับการตรัสรู้สัจจะย่อมเป็นผู้ชื่อว่า เป็นพระอนาคามีและในกาลที่ท่านยังเป็นปุถุชนนั่นแหละเป็นผู้ละกามราคะและพยาบาทได้แล้ว ดังนี้ เพื่อจะทำลายลัทธินั้นของชนเหล่านั้น พระสกวาทีจึงถามว่า ปุถุชนละกามราคะและพยาบาทได้หรือ? เมื่อพระปรวาทีไม่เห็นอยู่ซึ่งปริยุฏฐานกิเลสของท่านผู้ข่มไว้ด้วยฌาน จึงตอบรับรอง. ก็การละกิเลสได้โดยสิ้นเชิงของฌานลาภีบุคคลเหล่านั้นแม้ข่มไว้แล้วด้วยอนาคามิมรรคนั่นแหละมีอยู่ เพราะฉะนั้นคำซักถามของสกวาทีว่า ละกิเลสได้หมดสิ้น อีก การปฏิเสธเป็นของปรวาที เพราะไม่มีการละเช่นนั้น. คำว่า ปุถุชนข่ม เป็นคำถามของสกวาที หมายเอาการข่มกิเลสไว้โดยไม่หมดสิ้นเท่านั้น. ต่อจากนี้ไป เป็นการเปรียบเทียบปุถุชนกับพระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในอนาคามิมรรค คำนี้มีเนื้อความตื้นทั้งนั้น. เบื้องหน้าแต่นี้ถูกสกวาทีถามว่า ปุถุชนเป็นผู้ปราศจากความกำหนัดในกามทั้งหลายดำรงอยู่ในอนาคามิผล? ก็ตอบรับรองหมายเอาปุถุชนผู้เป็นพระอนาคามีด้วยฌาน. ถูกถามว่า ตั้งอยู่ในพระอรหัตตผลหรือ? ตอบปฏิเสธ เพราะไม่มีการละอุทธัมภาคิยสังโยชน์ด้วยมรรคอันเป็นเครื่องเห็น. ถูกถามว่า ยังมรรคทั้ง ๓ ให้เกิดไม่ก่อนไม่หลังกันหรือ? ก็ตอบปฏิเสธ เพราะไม่มีการเจริญเช่นนั้น. ถูกถามอีกว่า ยังมรรคทั้ง ๓ ให้เกิดไม่ก่อนไม่หลังหรือ? ก็ตอบรับรอง หมายเอาสภาวกิจแห่งมรรคทั้ง ๓. แม้ในคำถามถึงสามัญญผลทั้งหลายก็นัยนี้เหมือนกัน. ถูกถามว่า ด้วยมรรคไหน? ตอบว่า ด้วยอนาคามิมรรค ท่านกล่าวหมายเอาปุถุชนผู้เป็นพระอนาคามีด้วยฌาน. ถูกถามถึง การละสัญโญชน์มีสักกายทิฏฐิเป็นต้นอีก ปรวาทีก็ปฏิเสธ เพราะกิเลสทั้งหลายเหล่านั้นอันพระอนาคามิมรรคมิได้ละ. ถูกถามครั้งที่ ๒ ก็ตอบรับรอง หมายเอาความเป็นพระอนาคามิมรรคด้วยฌานแห่งปฐมมรรคนั่นแหละ. คำที่เหลือในที่นี้มีอรรถง่ายทั้งนั้น. อรรถกถาปชหติกถา จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ ชหติกถา จบ. |