ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 40 / 1อ่านอรรถกถา 40 / 6อรรถกถา เล่มที่ 40 ข้อ 7อ่านอรรถกถา 40 / 8อ่านอรรถกถา 40 / 1767
อรรถกถา มหาปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๑
มาติกานิกเขปวาร ปัจจยวิภังควาร สหชาตปัจจัย

               วรรณนานิทเทสแห่งสหชาตปัจจัย               
               ผู้ศึกษาพึงทราบวินิจฉัยในสหชาตปัจจัยนิทเทสต่อไป.
               บทว่า อญฺญมญฺญํ แปลว่า ซึ่งกันและกัน.
               ด้วยบทนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมทรงแสดงว่า ธรรมเหล่านั้นเป็นปัจจัยและปัจจยุบบันในขณะเดียวกัน.
               บทว่า โอกฺกนฺติกฺขเณ คือ ในขณะปฏิสนธิในปัญจโวการภพ.
               จริงอยู่ ในขณะนั้นนามและรูปเกิดขึ้นเหมือนก้าวลง คือเหมือนแล่นไป ได้แก่ เหมือนมาจากโลกอื่นแล้วเข้ามาสู่โลกนี้ เพราะฉะนั้น ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสเรียกว่า โอกกันติกขณะ (ขณะก้าวลง).
               ก็ในอธิการนี้ คำว่า รูป พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประสงค์เอาหทัยวัตถุเท่านั้น.
               จริงอยู่ หทัยวัตถุนั้นย่อมอำนวยประโยชน์เพื่อเป็นสหชาตปัจจัยซึ่งกันและกันแก่นาม และนามก็อำนวยประโยชน์เพื่อเป็นสหชาตปัจจัยซึ่งกันและกันแก่หทัยวัตถุนั้น.
               บทว่า จิตฺตเจตสิกา คือ ขันธ์ ๔ ในปวัตติกาล.
               ในบทว่า สหชาตปจฺจเยน นี้ รูปที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ย่อมไม่อำนวจประโยชน์เพื่อเป็นปัจจัยแก่จิตและเจตสิก เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงไม่ตรัสว่า อญฺญมญฺญํ. อุปาทายรูปก็ไม่อำนวยประโยชน์เพื่อเป็นปัจจัยแก่มหาภูตรูปเหมือนกัน.
               คำว่า รูปธรรมเป็นปัจจัยแก่อรูปธรรม คือ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่นามขันธ์ ๔.
               สองบทว่า กิญฺจิ กาเล คือ ในกาลบางคราว.
               บทว่า สหชาตปจฺจเยน ตรัสหมายถึงปฏิสนธิกาล.
               บทว่า น สหชาตปจฺจเยน ตรัสหมายถึงปวัตติกาล.
               ก็สหชาตปัจจัยนี้ตั้งไว้ด้วยส่วน ๖ ส่วนดังนี้คือ นามขันธ์ ๔ เป็นปัจจัยซึ่งกันและกันด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัยเป็นต้น. ใน ๖ ส่วนนั้น ๓ ส่วนตรัสด้วยอำนาจการเป็นสหชาตปัจจัยซึ่งกันและกัน อีก ๓ ส่วนไม่ได้ตรัสด้วยอำนาจการเป็นสหชาตปัจจัยซึ่งกันและกัน.
               บรรดาสหชาตปัจจัย ๖ ส่วนนั้น อรูปธรรมเท่านั้น เป็นทั้งปัจจัยและปัจจยุบบันในส่วนที่ ๑.
               เฉพาะรูปธรรมอย่างเดียว เป็นทั้งปัจจัยและปัจจยุบบันในส่วนที่ ๒.
               นามและรูปเป็นปัจจัยและปัจจยุบบันในส่วนที่ ๓.
               อรูปเป็นปัจจัย รูปเป็นปัจจยุบบันในส่วนที่ ๔.
               รูปเท่านั้นเป็นทั้งปัจจัยและปัจจยุบบันในส่วนที่ ๕.
               รูปเป็นปัจจัย อรูปเป็นปัจจยุบบันในส่วนที่ ๖.
               พรรณนาบาลีในสหชาตปัจจัยนิทเทสเท่านี้ก่อน.
               ก็สหชาตปัจจัยนี้ จำแนกโดยชาติได้ ๕ ชาติ คือกุศลชาติ อกุศลชาติ วิบากชาติ กิริยาชาติและรูปชาติ. ในชาติทั้ง ๕ นั้น กุศลจัดตามภูมิได้ ๔ ภูมิ อกุศลได้ภูมิเดียว วิบากได้ ๔ ภูมิ กิริยาได้ ๓ ภูมิ รูปได้กามาวจรภูมิภูมิเดียวเท่านั้น ฉะนั้น พึงทราบวินิจฉัยในสหชาตปัจจัยนี้ โดยการจำแนกเป็นประการต่างๆ เพียงเท่านี้.
               ก็ในสหชาตปัจจัยที่จำแนกแล้วนี้ อย่างนี้ กุศลแม้เป็นไปได้ ๔ ภูมิเป็นสหชาตปัจจัย แก่ธรรมอันสัมปยุตกับตนนั่นเทียว และแก่รูปอันมีจิตเป็นสมุฏฐาน. อกุศลก็เช่นเดียวกัน. ก็ในสหชาตปัจจัยนี้ จิตใดเกิดในอรูปภูมิ จิตนั้นเป็นสหชาตปัจจัยแก่อรูปธรรมเท่านั้น. กามาวจรวิบาก รูปาวจรวิบาก เป็นสหชาตปัจจัยแก่รูปที่มีจิตเป็นสมุฏฐานนั่นเทียว และแก่ธรรมที่สัมปยุต. ก็ในสหชาตปัจจัยนี้ จิตใจให้รูปเกิดไม่ได้ จิตนั้นเป็นสหชาตปัจจัยแก่ธรรมที่สัมปยุตเท่านั้น. จิตใจเกิดขึ้นในปฏิสนธิกาล จิตนั้นเป็นสหชาตปัจจัยแก่กัมมชรูปด้วย. อรูปวิบากเป็นสหชาตปัจจัยแก่ธรรมที่สัมปยุตเท่านั้น.
               โลกุตตรวิบากเป็นสหชาตปัจจัยแก่ธรรมที่สัมปยุต และรูปที่มีจิตเป็นสมุฏฐานในปัญจโวการภพ, เป็นปัจจัยแก่อรูปธรรมเท่านั้นในจตุโวการภพ. กามาวจรกิริยาและอรูปาวจรกิริยาเป็นสหชาตปัจจัยแก่ธรรมที่สัมปยุต และรูปที่มีจิตเป็นสมุฏฐานในปัญจโวการภพ. ในจตุโวการภพ เป็นปัจจัยเฉพาะแก่อรูปธรรมเท่านั้น. รูปาวจรกิริยาเป็นสหชาตปัจจัยโดยส่วนเดียว แก่ธรรมที่สัมปยุตและรูปที่จิตเป็นสมุฏฐาน.
               สำหรับรูปที่เกิดจากสมุฏฐานทั้ง ๔ ในรูปที่มีกรรมเป็นสมุฏฐาน มหาภูตรูป ๑ เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัยแก่มหาภูตรูป ๓ มหาภูตรูป ๓ เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัยแก่มหาภูตรูปหนึ่ง มหาภูตรูป ๒ เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัยแก่มหาภูตรูป ๒ มหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่อุปาทายรูป ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.
               ในขณะปฏิสนธิของกามาวจรและรูปาวจร วัตถุรูปเป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ ด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย. ส่วนในบรรดารูปที่มีอุตุ จิตและอาหารเป็นสมุฏฐาน มหาภูตรูปเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน และแก่อุปาทายรูปด้วยอำนาจของสหชาตปัจจัย.
               ผู้ศึกษาพึงทราบวินิจฉัยแม้โดยธรรมที่เป็นปัจจยุบบันในสหชาตปัจจัยนี้ อย่างนี้แล.

               วรรณนาแห่งสหชาตปัจจัยนิทเทส จบ.               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา มหาปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๑ มาติกานิกเขปวาร ปัจจยวิภังควาร สหชาตปัจจัย จบ.
อ่านอรรถกถา 40 / 1อ่านอรรถกถา 40 / 6อรรถกถา เล่มที่ 40 ข้อ 7อ่านอรรถกถา 40 / 8อ่านอรรถกถา 40 / 1767
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=40&A=123&Z=129
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=55&A=9444
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=55&A=9444
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๑๖  เมษายน  พ.ศ.  ๒๕๕๗
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :