บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
|
|
ฉบับหลวง ฉบับมหาจุฬาฯ บาลีอักษรไทย PaliRoman |
๒๒. สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ ๓. ปัจจยวาร ๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร เหตุปัจจัย [๕๑] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่วิปปยุตจากสังโยชน์ให้เป็น ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงปฏิสนธิ) ... ทำ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ขันธ์ที่วิปปยุตจากสังโยชน์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น โมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๒๙๗}
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]
๒๒. สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ ๓. ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่วิปปยุตจากสังโยชน์ให้เป็น ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ทำหทัยวัตถุให้เป็น ปัจจัยเกิดขึ้น สัมปยุตตขันธ์ทำโมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์และที่วิปปยุตจากสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่ วิปปยุตจากสังโยชน์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วย สังโยชน์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปทำมหาภูตรูปให้เป็น ปัจจัยเกิดขึ้น สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปทำโมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้ เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๓) [๕๒] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ และที่วิปปยุตจากสังโยชน์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำ ขันธ์ ๑ ที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ และโมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัย เกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์และที่ วิปปยุตจากสังโยชน์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปทำ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์และทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูป ทำขันธ์และโมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์และที่วิปปยุตจากสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่ สัมปยุตด้วยสังโยชน์และที่วิปปยุตจากสังโยชน์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์และทำมหาภูตรูป ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑ และโมหะที่สหรคต ด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)อารัมมณปัจจัย [๕๓] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๒๙๘}
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]
๒๒. สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ ๓. ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่วิปปยุตจากสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่วิปปยุตจากสังโยชน์ให้เป็น ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงปฏิสนธิ) ขันธ์ที่ วิปปยุตจากสังโยชน์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จักขุวิญญาณทำจักขายตนะ ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่ วิปปยุตจากสังโยชน์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น โมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่วิปปยุตจากสังโยชน์ให้เป็น ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ทำหทัยวัตถุ ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น สัมปยุตตขันธ์ทำโมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัย เกิดขึ้น (๒) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์และที่วิปปยุตจากสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่ วิปปยุตจากสังโยชน์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์และ โมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๓) [๕๔] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ และที่วิปปยุตจากสังโยชน์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ ที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๓ ทำขันธ์ ๑ และโมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัย เกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์และที่ วิปปยุตจากสังโยชน์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ โมหะที่สหรคต ด้วยอุทธัจจะทำขันธ์ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์และที่วิปปยุตจากสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่ สัมปยุตด้วยสังโยชน์และที่วิปปยุตจากสังโยชน์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และโมหะทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและทำหทัยวัตถุให้ เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๒๙๙}
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]
๒๒. สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ ๓. ปัจจยวาร
อธิปติปัจจัยเป็นต้น [๕๕] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอธิปติปัจจัย ฯลฯ เพราะอวิคตปัจจัย ฯลฯ๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร สุทธนัย [๕๖] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ (ทุกปัจจัย มีปัจจัยละ ๙ วาระ) วิปากปัจจัย มี ๑ วาระ อาหารปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระอนุโลม จบ ๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร นเหตุปัจจัย [๕๗] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาทำขันธ์ที่ สหรคตด้วยวิจิกิจฉาให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ให้เป็น ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำขันธ์ที่ สหรคตด้วยอุทธัจจะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒) [๕๘] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่วิปปยุตจากสังโยชน์ ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ... ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งวิปปยุต {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๐๐}
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]
๒๒. สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ ๓. ปัจจยวาร
จากสังโยชน์ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) จักขุวิญญาณทำ จักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัย เกิดขึ้น ขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งวิปปยุตจากสังโยชน์และโมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะทำ หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่วิปปยุตจากสังโยชน์ให้เป็น ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาทำหทัยวัตถุให้ เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๒) [๕๙] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์และ ที่วิปปยุตจากสังโยชน์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ โมหะที่สหรคต ด้วยวิจิกิจฉาทำขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากสังโยชน์ทำสภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์และ ที่วิปปยุตจากสังโยชน์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ โมหะที่สหรคต ด้วยอุทธัจจะทำขันธ์ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ย่อ) (๒)๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร สุทธนัย [๖๐] นเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ นปุเรชาตปัจจัย มี ๗ วาระ นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๐๑}
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]
๒๒. สัญโญชนสัมปยุตตทุกะ ๓. ปัจจยวาร
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ นฌานปัจจัย มี ๑ วาระ นมัคคปัจจัย มี ๑ วาระ นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ เหตุทุกนัย [๖๑] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ (ย่อ พึงทำอย่างนี้)๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม นเหตุทุกนัย [๖๒] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ (ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๖ วาระ) วิปากปัจจัย มี ๑ วาระ อาหารปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ มัคคปัจจัย มี ๖ วาระ ฯลฯ อวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ(นิสสยวารเหมือนกับปัจจยวาร) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๐๒}
เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๔๒ หน้าที่ ๒๙๗-๓๐๒. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=42&siri=56 ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]. อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=42&A=8157&Z=8288 ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=42&i=453 พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=42&item=453&items=8 The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=42&item=453&items=8 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๒ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu42
บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]