อารามวรรค สิกขาบทที่ ๕
เรื่องภิกษุณีรูปหนึ่ง
[๓๔๖] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถ-
*บิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น ภิกษุณีรูปหนึ่งเที่ยวบิณฑบาตไปในตรอกแห่งหนึ่ง ใน
พระนครสาวัตถี ผ่านเข้าไปสู่สกุลแห่งหนึ่ง ครั้นแล้วได้นั่งบนอาสนะที่เขาปูลาดไว้. ครั้นเขา
นิมนต์ภิกษุณีรูปนั้นให้ฉันแล้วได้กล่าวคำนี้ว่า แม่เจ้า แม้ภิกษุณีรูปอื่นๆ ก็จงมา.
ทันทีนั้น นางคิดว่า ทำไฉนภิกษุณีรูปอื่นๆ จึงจะไม่มา แล้วได้เข้าไปหาภิกษุณีทั้งหลาย
กล่าวคำนี้ว่า แม่เจ้า ณ สถานที่โน้นสุนัขดุ โคเปลี่ยวดุ สถานที่ลื่น ท่านทั้งหลายอย่าได้ไป
สถานที่นั้นเลย.
แม้ภิกษุณีอีกรูปหนึ่งก็ได้เที่ยวบิณฑบาตไปในตรอกนั้น เดินผ่านเข้าไปถึงสกุลนั้น ครั้นแล้ว
นั่งบนอาสนะที่เขาจัดถวาย. ครั้นคนพวกนั้นนิมนต์ให้นางฉัน แล้วได้กล่าวคำนี้ว่า แม่เจ้า ทำไม
ภิกษุณีทั้งหลายจึงไม่ค่อยมา.
จึงภิกษุณีรูปนั้นได้เล่าเรื่องนั้นแก่เขาเหล่านั้น พวกเขาจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
ไฉนภิกษุณีจึงได้หวงตระกูลเล่า ...
ทรงสอบถาม
พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า ภิกษุณีหวงตระกูล
จริงหรือ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีจึงได้หวงตระกูลเล่า
การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
พระบัญญัติ
๑๑๐. ๕. อนึ่ง ภิกษุณีใด เป็นคนตระหนี่ตระกูล เป็นปาจิตตีย์.
เรื่องภิกษุณีรูปหนึ่ง จบ.
สิกขาบทวิภังค์
[๓๔๗] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด ...
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ชื่อว่า ภิกษุณีที่
ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
ที่ชื่อว่า ตระกูล ได้แก่ ตระกูลทั้ง ๔ คือ ตระกูลกษัตริย์ ตระกูลพราหมณ์ ตระกูลแพศย์
ตระกูลศูทร.
บทว่า เป็นคนตระหนี่ตระกูล คือคิดว่า ทำไฉนภิกษุณีทั้งหลายจะไม่พึงมา แล้วกล่าวโทษ
ของพวกพ้องในสำนักภิกษุณีทั้งหลาย ต้องอาบัติปาจิตตีย์ หรือ กล่าวโทษของภิกษุณีทั้งหลายใน
สำนักของพวกพ้อง ก็ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
อนาปัตติวาร
[๓๔๘] ไม่หวงตระกูล บอกโทษเท่าที่มีอยู่ ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้อง-
*อาบัติแล.
อารามวรรค สิกขาบทที่ ๕ จบ.
-----------------------------------------------------
เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓ บรรทัดที่ ๔๖๗๓-๔๗๑๑ หน้าที่ ๒๐๘-๒๐๙.
https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=3&A=4673&Z=4711&pagebreak=0
https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=3&item=346&items=3
อ่านโดยใช้เครื่องหมาย [เลขข้อ] เป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :-
https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=3&item=346&items=3&mode=bracket
อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :-
https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=3&item=346&items=3
อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :-
https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=3&item=346&items=3
ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :-
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=3&i=346
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓
https://84000.org/tipitaka/read/?index_3
https://84000.org/tipitaka/english/?index_3
บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖.
บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙.
การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง.
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]