ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับภาษาไทย   บาลีอักษรไทย   บาลีอักษรโรมัน 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้า
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๒ วิภังคปกรณ์
             [๑๑๐๕] คนทั้งหลาย ให้ทาน สมาทานศีล ทำอุโบสถกรรม
แล้ว เกิดที่ไหน
             คนทั้งหลาย ให้ทาน สมาทานศีล ทำอุโบสถกรรมแล้ว บางคนเข้าถึง
ความเป็นพวกแห่งกษัตริย์ผู้มหาศาล บางคนเข้าถึงความเป็นพวกแห่งพราหมณ์ผู้
มหาศาล บางคนเข้าถึงความเป็นพวกแห่งคหบดีผู้มหาศาล บางคนเข้าถึงความ
เป็นพวกแห่งเหล่าเทวดาชั้นจาตุมหาราช บางคนเข้าถึงความเป็นพวกแห่งเหล่า
เทวดาชั้นดาวดึงส์ บางคนเข้าถึงความเป็นพวกแห่งเหล่าเทวดาชั้นยามา บางคน
เข้าถึงความเป็นพวกแห่งเหล่าเทวดาชั้นดุสิต บางคนเข้าถึงความเป็นพวกแห่งเหล่า
เทวดาชั้นนิมมานรดี บางคนเข้าถึงความเป็นพวกแห่งเหล่าเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี
             [๑๑๐๖]  อายุของเหล่ามนุษย์ มีประมาณเท่าไร
             คือ ประมาณ ๑๐๐ ปี ต่ำกว่าบ้าง เกินกว่าบ้างก็มี
             อายุของเหล่าเทวดาชั้นจาตุมมหาราช มีประมาณเท่าไร
             คือ ๕๐ ปี ของมนุษย์ นับเป็นวันหนึ่งและคืนหนึ่งของเหล่าเทวดาชั้น
จาตุมมหาราช ๓๐ ราตรี โดยราตรีนั้น เป็น ๑ เดือน ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้น
เป็น ๑ ปี ๕๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นกำหนดอายุของเหล่าเทวดาชั้นจาตุมมหาราช
             นับอย่างปีมนุษย์ มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๙ ล้านปี
             อายุของเหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ มีประมาณเท่าไร
             คือ ๑๐๐ ปีของมนุษย์ นับเป็นวันหนึ่งและคืนหนึ่งของเหล่าเทวดาชั้น
ดาวดึงส์ ๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้น เป็น ๑ เดือน ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้น เป็น ๑ ปี
๑,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นกำหนดอายุของเหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์
             นับอย่างปีมนุษย์ มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๓ โกฏิ ๖ ล้านปี
             อายุของเหล่าเทวดาชั้นยามา มีประมาณเท่าไร
             คือ ๒๐๐ ปีของมนุษย์ นับเป็นวันหนึ่งและคืนหนึ่งของเหล่าเทวดาชั้น
ยามา ๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้น เป็น ๑ เดือน ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้น เป็น ๑ ปี
๒,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นกำหนดอายุของเหล่าเทวดาชั้นยามา
             นับอย่างปีมนุษย์ มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๑๔ โกฏิ ๔ ล้านปี
             อายุของเหล่าเทวดาชั้นดุสิต มีประมาณเท่าไร
             คือ ๔๐๐ ปีของมนุษย์ นับเป็นวันหนึ่งและคืนหนึ่งของเหล่าเทวดาชั้น
ดุสิต ๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้น เป็น ๑ เดือน ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้น เป็น ๑ ปี
๔,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นกำหนดอายุของเหล่าเทวดาชั้นดุสิต
             นับอย่างปีมนุษย์ มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๕๗ โกฏิ ๖ ล้านปี
             อายุของเหล่าเทวดาชั้นนิมมานรดี มีประมาณเท่าไร
             คือ ๘๐๐ ปีของมนุษย์ นับเป็นวันหนึ่งและคืนหนึ่งของเหล่าเทวดาชั้น
นิมมานรดี ๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้น เป็น ๑ เดือน ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้น เป็น
๑ ปี ๘,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นกำหนดอายุของเหล่าเทวดาชั้นนิมมานรดี
             นับอย่างปีมนุษย์ มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๒๓๐ โกฏิ ๔ ล้านปี
             อายุของเหล่าเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี มีประมาณเท่าไร
             คือ ๑,๖๐๐ ปีของมนุษย์ นับเป็นวันหนึ่งและคืนหนึ่งของเหล่าเทวดาชั้น
ปรนิมมิตวสวัตตี ๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้น เป็น ๑ เดือน ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้น
เป็น ๑ ปี ๑๖,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นกำหนดอายุของเหล่าเทวดาชั้นปรนิม-
*มิตวสวัตตี
             นับอย่างปีมนุษย์ มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๙๒๑ โกฏิ ๖ ล้านปี
             พวกเทวดากามาวจรสวรรค์ ๖ ชั้น เพียบพร้อมไปด้วยกามคุณทั้งปวง
อายุของพวกเทวดากามาวจรสวรรค์ ๖ ชั้น นับรวมกันทั้งหมดเป็นเท่าไร เป็น
๑๒๒๘ โกฏิ ๕ ล้านปี โดยนับอย่างปีมนุษย์
             [๑๑๐๗] ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างสามัญ ไปเกิดที่ไหน
             ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างสามัญ ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นพรหมปาริสัชชา
             อายุของเทวดาเหล่านั้น มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณเท่าส่วนที่ ๓ ที่ ๔ แห่งกัปป์ [คือ ๑ ใน ๓ หรือ ๑ ใน ๔
แห่งกัปป์]
             ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างกลาง ไปเกิดที่ไหน
             ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างกลาง ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นพรหมปุโรหิตา
             อายุของเทวดาเหล่านั้น มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณกึ่งกัปป์
             ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างประณีต ไปเกิดที่ไหน
             ผู้เจริญปฐมฌานได้อย่างประณีต ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นมหาพรหมา
             อายุของเทวดาเหล่านั้น มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๑ กัปป์
             ผู้เจริญทุติยฌานได้อย่างสามัญ ไปเกิดที่ไหน
             ผู้เจริญทุติยฌานได้อย่างสามัญ ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นปริตตาภา
             อายุของเทวดาเหล่านั้น มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๒ กัปป์
             ผู้เจริญทุติยฌานได้อย่างกลาง ไปเกิดที่ไหน
             ผู้เจริญทุติยฌานได้อย่างกลาง ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นอัปปมาณาภา
             อายุของเทวดาเหล่านั้น มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๔ กัปป์
             ผู้เจริญทุติยฌานได้อย่างประณีต ไปเกิดที่ไหน
             ผู้เจริญทุติยฌานได้อย่างประณีต ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นอาภัสสระ
             อายุของเทวดาเหล่านั้น มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๘ กัปป์
             ผู้เจริญตติยฌานได้อย่างสามัญ ไปเกิดที่ไหน
             ผู้เจริญตติยฌานได้อย่างสามัญ ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นปริตตสุภา
             อายุของเทวดาเหล่านั้น มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๑๖ กัปป์
             ผู้เจริญตติยฌานได้อย่างกลาง ไปเกิดที่ไหน
             ผู้เจริญตติยฌานได้อย่างกลาง ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นอัปปมาณสุภา
             อายุของเทวดาเหล่านั้น มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๓๒ กัปป์
             ผู้เจริญตติยฌานได้อย่างประณีต ไปเกิดที่ไหน
             ผู้เจริญตติยฌานได้อย่างประณีต ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นสุภกิณหะ
             อายุของเทวดาเหล่านั้น มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๖๔ กัปป์
             ผู้เจริญจตุตถฌาน บางคนไปเกิดเป็นพวกเทวดาเหล่าอสัญญสัตว์ บางคน
ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นเวหัปผลา บางคนไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นอวิหา บางคน
ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นอตัปปา บางคนไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นสุทัสสา บางคน
ไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นสุทัสสี บางคนไปเกิดเป็นพวกเทวดาชั้นอกนิฏฐะ บางคน
ไปเกิดเป็นพวกเทวดาผู้เข้าถึงอากาสานัญจายตนภพ บางคนไปเกิดเป็นพวกเทวดา
ผู้เข้าถึงวิญญาณัญจายตนภพ บางคนไปเกิดเป็นพวกเทวดาผู้เข้าถึงอากิญจัญญา-
*ยตนภพ บางคนไปเกิดเป็นพวกเทวดาผู้เข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนภพ เพราะ
อารมณ์ต่างกัน เพราะมนสิการต่างกัน เพราะฉันทะต่างกัน เพราะปณิธิต่างกัน
เพราะอธิโมกข์ต่างกัน เพราะอภินิหารต่างกัน เพราะปัญญาต่างกัน
             อายุของเหล่าเทวดาอสัญญสัตว์ และเหล่าเทวดาชั้นเวหัปผลา
มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๕๐๐ กัปป์
             อายุของเหล่าเทวดาชั้นอวิหา มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๑,๐๐๐ กัปป์
             อายุของเหล่าเทวดาชั้นอตัปปา มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๒,๐๐๐ กัปป์
             อายุของเหล่าเทวดาชั้นสุทัสสา มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๔,๐๐๐ กัปป์
             อายุของเหล่าเทวดาชั้นสุทัสสี มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๘,๐๐๐ กัปป์
             อายุของเหล่าเทวดาชั้นอกนิฏฐะ มีประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๑๖,๐๐๐ กัปป์
             อายุของเหล่าเทวดาผู้เข้าถึงอากาสานัญจายตนภพ มีประมาณ
เท่าไร
             มีประมาณ ๒๐,๐๐๐ กัปป์
             อายุของเหล่าเทวดาผู้เข้าถึงวิญญาณัญจายตนภพ มีประมาณ
เท่าไร
             มีประมาณ ๔๐,๐๐๐ กัปป์
             อายุของเหล่าเทวดาผู้เข้าถึงอากิญจัญญายตนภพ มีประมาณ
เท่าไร
             มีประมาณ ๖๐,๐๐๐ กัปป์
             อายุของเหล่าเทวดาผู้เข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนภพ มี
ประมาณเท่าไร
             มีประมาณ ๘๔,๐๐๐ กัปป์
             เหล่าสัตว์ที่มีอำนาจแห่งบุญส่งเสริม ไปแล้วสู่กามภพ และรูปภพ หรือ
แม้ไปสู่ภวัคคพรหม ย่อมกลับไปสู่ทุคติอีกได้ เหล่าสัตว์มีอายุยืนถึงเพียงนั้น
ก็ยังจุติเพราะสิ้นอายุ ภพไหนๆ ชื่อว่า เที่ยง ไม่มี สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ได้ตรัสไว้อย่างนี้ เพราะฉะนั้นแล เหล่านักปราชญ์ผู้มี
ปัญญาเฉลียวฉลาดรอบคอบ คำนึงถึงความจริงข้อนี้ จึงเจริญมรรคอันอุดมเพื่อพ้น
จากชรามรณะ ครั้นเจริญมรรคอันบริสุทธิ์สะอาด ซึ่งมีปกติยังสัตว์ให้หยั่งถึงพระ
นิพพานแล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่มีอาสวะปรินิพพาน เพราะกำหนดรู้อาสวะทั้งปวง
ฉะนี้แล
อภิญเญยยาทิวาร
[๑๑๐๘] บรรดาขันธ์ ๕ ขันธ์ไหน เป็นอภิญเญยยธรรม ขันธ์ไหน เป็นปริญเญยยธรรม ขันธ์ไหน เป็นปหาตัพพธรรม ขันธ์ ไหน เป็นภาเวตัพพธรรม ขันธ์ไหน เป็นสัจฉิกาตัพพธรรม ขันธ์ ไหน ไม่ใช่ปหาตัพพธรรม ขันธ์ไหน ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ขันธ์ ไหน ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพธรรม ฯลฯ บรรดาจิต ๗ จิตไหน เป็น อภิญเญยยธรรม จิตไหน เป็นปริญเญยยธรรม จิตไหน เป็นปหา- *ตัพพธรรม จิตไหน เป็นภาเวตัพพธรรม จิตไหน เป็นสัจฉิกาตัพพ- *ธรรม จิตไหน ไม่ใช่ปหาตัพพธรรม จิตไหน ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม จิตไหน ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพธรรม รูปขันธ์ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม ไม่ใช่ปหาตัพพธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพธรรม ขันธ์ ๔ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม เป็นปหาตัพพธรรม ก็มี เป็นภาเวตัพพธรรมก็มี เป็นสัจฉิกาตัพพธรรมก็มี ไม่ใช่ปหาตัพพธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพธรรม ก็มี อายตนะ ๑๐ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม ไม่ใช่ปหา- *ตัพพธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพธรรม อายตนะ ๒ เป็น อภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม เป็นปหาตัพพธรรมก็มี เป็นภาเวตัพพธรรม ก็มี เป็นสัจฉิกาตัพพธรรมก็มี ไม่ใช่ปหาตัพพธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่ สัจฉิกาตัพพธรรม ก็มี ธาตุ ๑๖ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม ไม่ใช่ปหาตัพพ- *ธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพธรรม ธาตุ ๒ เป็นอภิญเญยย- *ธรรม เป็นปริญเญยยธรรม เป็นปหาตัพพธรรม เป็นภาเวตัพพธรรมก็มี เป็น สัจฉิกาตัพพธรรมก็มี ไม่ใช่ปหาตัพพธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกา- *ตัพพธรรม ก็มี สมุทยสัจ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม เป็นปหาตัพพธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพธรรม มัคคสัจเป็นอภิญเญยยธรรม เป็น ปริญเญยยธรรม ไม่ใช่ปหาตัพพธรรม เป็นภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพ- *ธรรม นิโรธสัจ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม ไม่ใช่ปหาตัพพธรรม เป็นภาเวตัพพธรรม เป็นสัจฉิกาตัพพธรรม ทุกขสัจ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็น ปริญเญยยธรรม เป็นปหาตัพพธรรม ก็มี ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกา- *ตัพพธรรม ไม่ใช่ปหาตัพพธรรม ก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม ไม่ใช่ปหาตัพพ- *ธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพธรรม โทมนัสสินทรีย์ เป็น อภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม เป็นปหาตัพพธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพธรรม อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็น ปริญเญยยธรรม ไม่ใช่ปหาตัพพธรรม เป็นภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพธรรม อัญญินทรีย์ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม ไม่ใช่ปหาตัพพธรรม เป็น ภาเวตัพพธรรมก็มี เป็นสัจฉิกาตัพพธรรมก็มี อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม ไม่ใช่ปหาตัพพธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม เป็นสัจฉิกา- *ตัพพธรรม อินทรีย์ ๓ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม ไม่ใช่ปหา- *ตัพพธรรม เป็นภาเวตัพพธรรมก็มี เป็นสัจฉิกาตัพพธรรมก็มี ไม่ใช่ภาเวตัพพ- *ธรรม ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพธรรมก็มี อินทรีย์ ๖ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญย- *ธรรม เป็นปหาตัพพธรรมก็มี เป็นภาเวตัพพธรรมก็มี เป็นสัจฉิกาตัพพธรรมก็มี ไม่ใช่ปหาตัพพธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพธรรม ก็มี อกุศลเหตุ ๓ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม เป็นปหาตัพพ- *ธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพธรรม กุศลเหตุ ๓ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม ไม่ใช่ปหาตัพพ- *ธรรม เป็นภาเวตัพพธรรม มิใช่สัจฉิกาตัพพธรรมก็มี ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ก็มี อัพยากตเหตุ ๓ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม ไม่ใช่ปหา- *ตัพพธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม เป็นสัจฉิกาตัพพธรรม ก็มี ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพ- *ธรรม ก็มี กพฬิงการาหาร เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม ไม่ใช่ปหา- *ตัพพธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพธรรม อาหาร ๓ เป็นอภิญ- *เญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม เป็นปหาตัพพธรรมก็มี เป็นภาเวตัพพธรรมก็มี เป็นสัจฉิกาตัพพธรรมก็มี ไม่ใช่ปหาตัพพธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่ สัจฉิกาตัพพธรรม ก็มี ผัสสะ ๖ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม ไม่ใช่ปหาตัพพ- *ธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพธรรม มโนวิญญาณธาตุสัมผัส เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม เป็นปหาตัพพธรรมก็มี เป็นภาเวตัพพ- *ธรรมก็มี เป็นสัจฉิกาตัพพธรรมก็มี ไม่ใช่ปหาตัพพธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพธรรม ก็มี เวทนา ๖ สัญญา ๖ เจตนา ๖ จิต ๖ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็น ปริญเญยยธรรม ไม่ใช่ปหาตัพพธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพ- *ธรรม มโนวิญญาณธาตุ เป็นอภิญเญยยธรรม เป็นปริญเญยยธรรม เป็นปหา- *ตัพพธรรมก็มี เป็นภาเวตัพพธรรมก็มี เป็นสัจฉิกาตัพพธรรมก็มี ไม่ใช่ปหาตัพพ- *ธรรม ไม่ใช่ภาเวตัพพธรรม ไม่ใช่สัจฉิกาตัพพธรรม ก็มี
อารัมมณวาร
[๑๑๐๙] บรรดาขันธ์ ๕ ขันธ์ไหน เป็นสารัมมณธรรม ขันธ์ ไหน เป็นอนารัมมณธรรม ฯลฯ บรรดาจิต ๗ จิตไหน เป็น สารัมมณธรรม จิตไหน เป็นอนารัมมณธรรม รูปขันธ์ เป็นอนารัมมณธรรม ขันธ์ ๔ เป็นสารัมมณธรรม อายตนะ ๑๐ เป็นอนารัมมณธรรม มนายตนะ เป็นสารัมมณธรรม ธัมมายตนะ เป็นสารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณธรรม ก็มี ธาตุ ๑๐ เป็นอนารัมมณธรรม ธาตุ ๗ เป็นสารัมมณธรรม ธัมมธาตุ เป็นสารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณธรรม ก็มี สัจจะ ๒ เป็นสารัมมณธรรม นิโรธสัจ เป็นอนารัมมณธรรม ทุกขสัจ เป็นสารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณธรรม ก็มี อินทรีย์ ๗ เป็นอนารัมมณธรรม อินทรีย์ ๑๕ เป็นสารัมมณธรรม ชีวิตินทรีย์ เป็นสารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณธรรม ก็มี เหตุ ๙ เป็นสารัมมณธรรม กพฬิงการาหาร เป็นอนารัมมณธรรม อาหาร ๓ เป็นสารัมมณธรรม ผัสสะ ๗ เวทนา ๗ สัญญา ๗ เจตนา ๗ จิต ๗ เป็นสารัมมณธรรม [๑๑๑๐] บรรดาขันธ์ ๕ ขันธ์ไหน เป็นสารัมมณารัมมณธรรม ขันธ์ไหน เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม ขันธ์ไหน เป็นอนารัมมณธรรม ฯลฯ บรรดาจิต ๗ จิตไหน เป็นสารัมมณารัมมณธรรม จิตไหน เป็น อนารัมมณารัมมณธรรม จิตไหน เป็นอนารัมมณธรรม รูปขันธ์ เป็นอนารัมมณธรรม ขันธ์ ๔ เป็นสารัมมณารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม ก็มี อายตนะ ๑๐ เป็นอนารัมมณธรรม มนายตนะ เป็นสารัมมณารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม ก็มี ธัมมายตนะ เป็นสารัมมณารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณธรรม ก็มี ธาตุ ๑๐ เป็นอนารัมมณธรรม ธาตุ ๖ เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม มโนวิญญาณธาตุ เป็นสารัมมณารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม ก็มี ธัมมธาตุ เป็นสารัมมณารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม ก็มี เป็น อนารัมมณธรรม ก็มี นิโรธสัจ เป็นอนารัมมณธรรม มัคคสัจ เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม สมุทยสัจ เป็นสารัมมณารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม ก็มี ทุกขสัจ เป็นสารัมมณารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณ- *ธรรม ก็มี อินทรีย์ ๗ เป็นอนารัมมณธรรม อินทรีย์ ๕ เป็นอนารัมมณารัมมณ- *ธรรม อินทรีย์ ๙ เป็นสารัมมณารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม ก็มี ชีวิตินทรีย์ เป็นสารัมมณารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม ก็มี เป็น อนารัมมณธรรม ก็มี เหตุ ๙ เป็นสารัมมณารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม ก็มี กพฬิงการาหาร เป็นอนารัมมณธรรม อาหาร ๓ เป็นสารัมมณารัมมณ- *ธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม ก็มี ผัสสะ ๖ เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม มโนวิญญาณธาตุสัมผัส เป็น สารัมมณารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม ก็มี เวทนา ๖ สัญญา ๖ เจตนา ๖ จิต ๖ เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม มโนวิญญาณธาตุ เป็นสารัมมณารัมมณธรรม ก็มี เป็นอนารัมมณารัมมณธรรม ก็มี
ทิฏฐาทิวาร
[๑๑๑๑] บรรดาขันธ์ ๕ ขันธ์ไหน เป็นทิฏฐธรรม ขันธ์ไหน เป็นสุตธรรม เป็นมุตธรรม เป็นวิญญาตธรรม ขันธ์ไหน ไม่ใช่ ทิฏฐธรรม ไม่ใช่สุตธรรม ไม่ใช่มุตธรรม ไม่ใช่วิญญาตธรรม ฯลฯ บรรดาจิต ๗ จิตไหน เป็นทิฏฐธรรม เป็นสุตธรรม เป็นมุตธรรม เป็นวิญญาตธรรม ขันธ์ไหน ไม่ใช่ทิฏฐธรรม ไม่ใช่สุตธรรม ไม่ใช่ มุตธรรม ไม่ใช่วิญญาตธรรม รูปขันธ์ เป็นทิฏฐธรรม ก็มี เป็นสุตธรรม ก็มี เป็นมุตธรรม ก็มี ไม่ใช่ ทิฏฐธรรม ไม่ใช่สุตธรรม ไม่ใช่มุตธรรม เป็นวิญญาตธรรม ก็มี ขันธ์ ๔ ไม่ใช่ทิฏฐธรรม ไม่ใช่สุตธรรม ไม่ใช่มุตธรรม เป็นวิญญาตธรรม รูปายตนะ เป็นทิฏฐธรรม ไม่ใช่สุตธรรม ไม่ใช่มุตธรรม เป็น วิญญาตธรรม สัททายตนะ ไม่ใช่ทิฏฐธรรม เป็นสุตธรรม ไม่ใช่มุตธรรม เป็น วิญญาตธรรม คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ ไม่ใช่ทิฏฐธรรม ไม่ใช่ สุตธรรม เป็นมุตธรรม เป็นวิญญาตธรรม อายตนะ ๗ ไม่ใช่ทิฏฐธรรม ไม่ใช่สุตธรรม ไม่ใช่มุตธรรม เป็นวิญญาตธรรม รูปธาตุ เป็นทิฏฐธรรม ไม่ใช่สุตธรรม ไม่ใช่มุตธรรม เป็นวิญญาต- *ธรรม สัททธาตุ ไม่ใช่ทิฏฐธรรม เป็นสุตธรรม ไม่ใช่มุตธรรม เป็นวิญญาต- *ธรรม คันธธาตุ รสธาตุ โผฏฐัพพธาตุ ไม่ใช่ทิฏฐธรรม ไม่ใช่สุตธรรม เป็น มุตธรรม เป็นวิญญาตธรรม ธาตุ ๑๓ ไม่ใช่ทิฏฐธรรม ไม่ใช่สุตธรรม ไม่ใช่ มุตธรรม เป็นวิญญาตธรรม สัจจะ ๓ ไม่ใช่ทิฏฐธรรม ไม่ใช่สุตธรรม ไม่ใช่มุตธรรม เป็น วิญญาตธรรม ทุกขสัจ เป็นทิฏฐธรรม ก็มี เป็นสุตธรรม ก็มี เป็นมุตธรรม ก็มี ไม่ใช่ทิฏฐธรรม ไม่ใช่สุตธรรม ไม่ใช่มุตธรรม ก็มี เป็นวิญญาตธรรม อินทรีย์ ๒๒ ไม่ใช่ทิฏฐธรรม ไม่ใช่สุตธรรม ไม่ใช่มุตธรรม เป็น วิญญาตธรรม เหตุ ๙ ไม่ใช่ทิฏฐธรรม ไม่ใช่สุตธรรม ไม่ใช่มุตธรรม เป็น วิญญาตธรรม อาหาร ๔ ไม่ใช่ทิฏฐธรรม ไม่ใช่สุตธรรม ไม่ใช่มุตธรรม เป็น วิญญาตธรรม ผัสสะ ๗ ไม่ใช่ทิฏฐธรรม ไม่ใช่สุตธรรม ไม่ใช่มุตธรรม เป็น วิญญาตธรรม เวทนา ๗ สัญญา ๗ เจตนา ๗ จิต ๗ ไม่ใช่ทิฏฐธรรม ไม่ใช่สุต- *ธรรม ไม่ใช่มุตธรรม เป็นวิญญาตธรรม
กุสลติกวาร
[๑๑๑๒] บรรดาขันธ์ ๕ ขันธ์ไหน เป็นกุศล ขันธ์ไหน เป็น อกุศล ขันธ์ไหน เป็นอัพยากฤต ฯลฯ บรรดาจิต ๗ จิตไหน เป็น กุศล จิตไหน เป็นอกุศล จิตไหน เป็นอัพยากฤต รูปขันธ์ เป็นอัพยากฤต ขันธ์ ๔ เป็นกุศลก็มี เป็นอกุศลก็มี เป็น อัพยากฤตก็มี อายตนะ ๑๐ เป็นอัพยากฤต อายตนะ ๒ เป็นกุศลก็มี เป็นอกุศลก็มี เป็นอัพยากฤตก็มี ธาตุ ๑๖ เป็นอัพยากฤต ธาตุ ๒ เป็นกุศลก็มี เป็นอกุศลก็มี เป็น อัพยากฤตก็มี สมุทยสัจ เป็นอกุศล มัคคสัจ เป็นกุศล นิโรธสัจ เป็นอัพยากฤต ทุกขสัจ เป็นกุศลก็มี เป็นอกุศลก็มี เป็นอัพยากฤตก็มี อินทรีย์ ๑๐ เป็นอัพยากฤต โทมนัสสินทรีย์ เป็นอกุศล อนัญญาตัญ- *ญัสสามีตินทรีย์ เป็นกุศล อินทรีย์ ๔ เป็นกุศลก็มี เป็นอัพยากฤตก็มี อินทรีย์ ๖ เป็นกุศลก็มี เป็นอกุศลก็มี เป็นอัพยากฤตก็มี อกุศลเหตุ ๓ เป็นอกุศล กุศลเหตุ ๓ เป็นกุศล อัพยากตเหตุ ๓ เป็น อัพยากฤต กพฬิงการาหาร เป็นอัพยากฤต อาหาร ๓ เป็นกุศลก็มี เป็นอกุศลก็มี เป็นอัพยากฤตก็มี ผัสสะ ๖ เป็นอัพยากฤต มโนวิญญาณธาตุสัมผัส เป็นกุศลก็มี เป็น อกุศลก็มี เป็นอัพยากฤตก็มี เวทนา ๖ สัญญา ๖ เจตนา ๖ จิต ๖ เป็นอัพยากฤต มโนวิญญาณ- *ธาตุ เป็นกุศลก็มี เป็นอกุศลก็มี เป็นอัพยากฤตก็มี
เวทนาติกวาร
[๑๑๑๓] บรรดาขันธ์ ๕ ขันธ์ไหน สัมปยุตด้วยสุขเวทนา ขันธ์ไหน สัมปยุตด้วยทุกขเวทนา ขันธ์ไหน สัมปยุตด้วยอทุกขม- *สุขเวทนา ฯลฯ บรรดาจิต ๗ จิตไหน สัมปยุตด้วยสุขเวทนา จิต ไหน สัมปยุตด้วยทุกขเวทนา จิตไหน สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา ขันธ์ ๒ กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยสุขเวทนา หรือสัมปยุตด้วยทุกข- *เวทนา หรือสัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา ขันธ์ ๓ สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี สัมป- *ยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี อายตนะ ๑๐ กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยสุขเวทนา หรือสัมปยุตด้วย ทุกขเวทนา หรือสัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา มนายตนะ สัมปยุตด้วยสุขเวทนา ก็มี สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี ธัมมายตนะ สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยอทุกขมสุข- *เวทนาก็มี กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยสุขเวทนา หรือสัมปยุตด้วยทุกขเวทนา หรือสัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี ธาตุ ๑๐ กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยสุขเวทนา หรือสัมปยุตด้วยทุกข- *เวทนา หรือสัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา ธาตุ ๕ สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา กายวิญญาณธาตุ สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี มโนวิญ- *ญาณธาตุ สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วย อทุกขมสุขเวทนาก็มี ธัมมธาตุ สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยทุกขเวทนา ก็มี สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยสุขเวทนา หรือสัมปยุตด้วยทุกขเวทนา หรือสัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา ก็มี สัจจะ ๒ สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี นิโรธสัจ กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยสุขเวทนา หรือสัมปยุตด้วยทุกขเวทนา หรือสัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา ทุกขสัจ สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี สัมปยุต ด้วยทุกขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วย สุขเวทนา หรือสัมปยุตด้วยทุกขเวทนา หรือสัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา ก็มี อินทรีย์ ๑๒ กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยสุขเวทนา หรือสัมปยุตด้วย ทุกขเวทนา หรือสัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา อินทรีย์ ๖ สัมปยุตด้วยสุขเวทนา ก็มี สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี อินทรีย์ ๓ สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี ชีวิตินทรีย์ สัมป- *ยุตด้วยสุขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยสุขเวทนาหรือสัมปยุตด้วยทุกขเวทนา หรือสัมปยุต ด้วยอทุกขมสุขเวทนา ก็มี โทสะที่เป็นอกุศลเหตุ สัมปยุตด้วยทุกขเวทนา เหตุ ๗ สัมปยุตด้วย สุขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี โมหะที่เป็นอกุศลเหตุ สัมปยุตด้วย สุขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี กพฬิงการาหาร กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยสุขเวทนา หรือสัมปยุตด้วย ทุกขเวทนา หรือสัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา อาหาร ๓ สัมปยุตด้วยสุขเวทนา ก็มี สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี ผัสสะ ๕ สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา กายสัมผัส สัมปยุตด้วย สุขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี มโนวิญญาณธาตุสัมผัส สัมปยุตด้วย สุขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี เวทนา ๗ กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยสุขเวทนา หรือสัมปยุตด้วยทุกข- *เวทนา หรือสัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา สัญญา ๕ เจตนา ๕ จิต ๕ สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา กายวิญญาณ สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี มโนวิญญาณธาตุ สัมปยุต ด้วยสุขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี
วิปากติกวาร
[๑๑๑๔] บรรดาขันธ์ ๕ ขันธ์ไหน เป็นวิปากธรรม ขันธ์ไหน เป็นวิปากธัมมธรรม ขันธ์ไหน เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรม ฯลฯ บรรดาจิต ๗ จิตไหน เป็นวิปากธรรม จิตไหน เป็นวิปากธัมมธรรม จิตไหน เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรม รูปขันธ์ เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรม ขันธ์ ๔ เป็นวิปากธรรมก็มี เป็นวิปากธัมมธรรมก็มี เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรมก็มี อายตนะ ๑๐ เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรม อายตนะ ๒ เป็นวิปากธรรม ก็มี เป็นวิปากธัมมธรรมก็มี เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรมก็มี ธาตุ ๑๐ เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรม ธาตุ ๕ เป็นวิปากธรรม มโนธาตุ เป็นวิปากธรรมก็มี เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรมก็มี ธาตุ ๒ เป็นวิปากธรรมก็มี เป็นวิปากธัมมธรรมก็มี เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรมก็มี สัจจะ ๒ เป็นวิปากธัมมธรรม นิโรธสัจ เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรม ทุกขสัจ เป็นวิปากธรรมก็มี เป็นวิปากธัมมธรรมก็มี เป็นเนววิปากนวิปากธัมม- *ธรรมก็มี อินทรีย์ ๗ เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรม อินทรีย์ ๓ เป็นวิปากธรรม อินทรีย์ ๒ เป็นวิปากธัมมธรรม อัญญินทรีย์ เป็นวิปากธรรมก็มี เป็นวิปาก- *ธัมมธรรมก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นวิปากธรรมก็มี เป็นวิปากธัมมธรรมก็มี เป็นเนว- *วิปากนวิปากธัมมธรรมก็มี เหตุ ๖ เป็นวิปากธัมมธรรม อัพยากตเหตุ ๓ เป็นวิปากธรรมก็มี เป็น เนววิปากนวิปากธัมมธรรมก็มี กพฬิงการาหาร เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรม อาหาร ๓ เป็นวิปากธรรม ก็มี เป็นวิปากธัมมธรรมก็มี เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรมก็มี ผัสสะ ๕ เป็นวิปากธรรม มโนธาตุสัมผัส เป็นวิปากธรรมก็มี เป็น เนววิปากนวิปากธัมมธรรมก็มี มโนวิญญาณธาตุสัมผัส เป็นวิปากธรรมก็มี เป็น วิปากธัมมธรรมก็มี เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรมก็มี เวทนา ๕ สัญญา ๕ เจตนา ๕ จิต ๕ เป็นวิปากธรรม มโนธาตุ เป็นวิปากธรรมก็มี เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรมก็มี มโนวิญญาณธาตุ เป็น วิปากธรรมก็มี เป็นวิปากธัมมธรรมก็มี เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรมก็มี
อุปาทินนุปาทานิยติกวาร
[๑๑๑๕] ขันธ์ ๕ ขันธ์ไหน เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรม ขันธ์ไหน เป็นอนุปาทินนุปาทานิยธรรม ขันธ์ไหน เป็นอนุปา- *ทินนานุปาทานิยธรรม ฯลฯ บรรดาจิต ๗ จิตไหน เป็นอุปาทินนุ- *ปาทานิยธรรม จิตไหน เป็นอนุปาทินนุปาทานิยธรรม จิตไหน เป็น อนุปาทินนานุปาทานิยธรรม รูปขันธ์ เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี ขันธ์ ๔ เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็น อนุปาทินนานุปาทานิยธรรมก็มี อายตนะ ๕ เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรม สัททายตนะ เป็นอนุปาทินนุ- *ปาทานิยธรรม อายตนะ ๔ เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนุปาทา- *นิยธรรมก็มี อายตนะ ๒ เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนุปาทา- *นิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนานุปาทานิยธรรมก็มี ธาตุ ๑๐ เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรม สัททธาตุ เป็นอนุปาทินนุปาทา- *นิยธรรม ธาตุ ๕ เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี ธาตุ ๒ เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็น อนุปาทินนานุปาทานิยธรรมก็มี สมุทยสัจ เป็นอนุปาทินนุปาทานิยธรรม สัจจะ ๒ เป็นอนุปาทินนานุ- *ปาทานิยธรรม ทุกขสัจ เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนุปาทา- *นิยธรรมก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรม โทมนัสสินทรีย์ เป็นอนุปา- *ทินนุปาทานิยธรรม อินทรีย์ ๓ เป็นอนุปาทินนานุปาทานิยธรรม อินทรีย์ ๙ เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนา- *นุปาทานิยธรรมก็มี อกุศลเหตุ ๓ เป็นอนุปาทินนุปาทานิยธรรม กุศลเหตุ ๓ เป็นอนุปา- *ทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนานุปาทานิยธรรมก็มี อัพยากตเหตุ ๓ เป็น อุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนานุ ปาทานิยธรรมก็มี กพฬิงการาหาร เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนุปาทา- *นิยธรรมก็มี อาหาร ๓ เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนุปาทานิย- *ธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนานุปาทานิยธรรมก็มี ผัสสะ ๕ เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรม มโนธาตุสัมผัส เป็นอุปาทินนุ- *ปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี มโนวิญญาณธาตุสัมผัส เป็น อุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนานุ- *ปาทานิยธรรมก็มี เวทนา ๕ สัญญา ๕ เจตนา ๕ จิต ๕ เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรม มโนธาตุ เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี มโนวิญญาณธาตุ เป็นอุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนุปาทานิยธรรมก็มี เป็นอนุปาทินนานุปาทานิยธรรมก็มี
วิตักกติกวาร
[๑๑๑๖] บรรดาขันธ์ ๕ ขันธ์ไหน เป็นสวิตักกสวิจารธรรม ขันธ์ไหน เป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรม ขันธ์ไหน เป็นอวิตักกาวิจาร- *ธรรม ฯลฯ บรรดาจิต ๗ จิตไหน เป็นสวิตักกสวิจารธรรม จิตไหน เป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรม จิตไหน เป็นอวิตักกาวิจารธรรม รูปขันธ์ เป็นอวิตักกาวิจารธรรม ขันธ์ ๓ เป็นสวิตักกสวิจารธรรมก็มี เป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรมก็มี เป็นอวิตักกาวิจารธรรมก็มี สังขารขันธ์ เป็นสวิ- *ตักกสวิจารธรรมก็มี เป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรมก็มี เป็นอวิตักกาวิจารธรรมก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสวิตักกสวิจารธรรม หรืออวิตักกวิจารมัตตธรรม หรืออวิตักกา- *วิจารธรรมก็มี อายตนะ ๑๐ เป็นอวิตักกาวิจารธรรม มนายตนะ เป็นสวิตักกสวิจารธรรม ก็มี เป็นอวิตักกาวิจารธรรมก็มี ธัมมายตนะ เป็นสวิตักกสวิจารธรรมก็มี เป็น อวิตักกวิจารมัตตธรรมก็มี เป็นอวิตักกาวิจารธรรมก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสวิตักก สวิจารธรรม หรือเป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรม หรือเป็นอวิตักกาวิจารธรรมก็มี ธาตุ ๑๕ เป็นอวิตักกาวิจารธรรม มโนธาตุ เป็นสวิตักกสวิจารธรรม มโนวิญญาณธาตุ เป็นสวิตักกสวิจารธรรมก็มี เป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรมก็มี เป็น อวิตักกาวิจารธรรมก็มี ธัมมธาตุ เป็นสวิตักกสวิจารธรรมก็มี เป็นอวิตักกวิจาร- *มัตตธรรมก็มี เป็นอวิตักกาวิจารธรรมก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสวิตักกสวิจารธรรม หรือเป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรม หรือเป็นอวิตักกาวิจารธรรมก็มี สมุทยสัจ เป็นสวิตักกสวิจารธรรม นิโรธสัจ เป็นอวิตักกาวิจารธรรม มัคคสัจ เป็นสวิตักกสวิจารธรรมก็มี เป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรมก็มี เป็นอวิ- *ตักกาวิจารธรรมก็มี ทุกขสัจ เป็นสวิตักกสวิจารธรรมก็มี เป็นอวิตักกวิจารมัตต- *ธรรมก็มี เป็นอวิตักกาวิจารธรรมก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสวิตักกสวิจารธรรม หรือเป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรม หรือเป็นอวิตักกาวิจารธรรมก็มี อินทรีย์ ๕ เป็นอวิตักกาวิจารธรรม โทมนัสสินทรีย์ เป็นสวิตักกสวิ- *จารธรรม อุเปกขินทรีย์ เป็นสวิตักกสวิจารธรรมก็มี เป็นอวิตักกาวิจารธรรมก็มี อินทรีย์ ๑๑ เป็นสวิตักกสวิจารธรรมก็มี เป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรมก็มี เป็นอวิ- *ตักกาวิจารธรรมก็มี อกุศลเหตุ ๓ เป็นสวิตักกสวิจารธรรม เหตุ ๖ เป็นสวิตักกสวิจารธรรม ก็มี เป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรมก็มี เป็นอวิตักกาวิจารธรรมก็มี กพฬิงการาหาร เป็นอวิตักกาวิจารธรรม อาหาร ๓ เป็นสวิตักกสวิจาร- *ธรรมก็มี เป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรมก็มี เป็นอวิตักกวิจารธรรมก็มี ผัสสะ ๕ เป็นอวิตักกาวิจารธรรม มโนธาตุสัมผัส เป็นสวิตักกสวิจาร- *ธรรม มโนวิญญาณธาตุสัมผัส เป็นสวิตักกสวิจารธรรมก็มี เป็นอวิตักกวิจาร- *มัตตธรรมก็มี เป็นอวิตักกาวิจารธรรมก็มี เวทนา ๕ สัญญา ๕ เจตนา ๕ จิต ๕ เป็นอวิตักกาวิจารธรรม มโนธาตุ เป็นสวิตักกสวิจารธรรม มโนวิญญาณธาตุ เป็นสวิตักกสวิจารธรรมก็มี เป็นอวิตักกวิจารมัตตธรรมก็มี เป็นอวิตักกาวิจารธรรมก็มี
รูปทุกวาร
[๑๑๑๗] บรรดาขันธ์ ๕ ขันธ์ไหน เป็นรูปธรรม ขันธ์ไหน เป็นอรูปธรรม ฯลฯ บรรดาจิต ๗ จิตไหน เป็นรูปธรรม จิตไหน เป็นอรูปธรรม รูปขันธ์ เป็นรูปธรรมขันธ์ ๔ เป็นอรูปธรรม อายตนะ ๑๐ เป็นรูปธรรม มนายตนะ เป็นอรูปธรรม ธัมมายตนะ เป็น รูปธรรมก็มี เป็นอรูปธรรมก็มี ธาตุ ๑๐ เป็นรูปธรรม ธาตุ ๗ เป็นอรูปธรรม ธัมมธาตุ เป็นรูปธรรม ก็มี เป็นอรูปธรรมก็มี สัจจะ ๓ เป็นอรูปธรรม ทุกขสัจ เป็นรูปธรรมก็มี เป็นอรูปธรรมก็มี อินทรีย์ ๗ เป็นรูปธรรม อินทรีย์ ๑๔ เป็นอรูปธรรม ชีวิตินทรีย์ เป็น รูปธรรมก็มี เป็นอรูปธรรมก็มี เหตุ ๙ เป็นอรูปธรรม กวฬิงการาหาร เป็นรูปธรรม อาหาร ๓ เป็นอรูปธรรม ผัสสะ ๗ เป็นอรูปธรรม เวทนา ๗ สัญญา ๗ เจตนา ๗ จิต ๗ เป็นอรูปธรรม
โลกิยทุกวาร
[๑๑๑๘] บรรดาขันธ์ ๕ ขันธ์ไหน เป็นโลกิยธรรม ขันธ์ไหน เป็นโลกุตตรธรรม ฯลฯ บรรดาจิต ๗ จิตไหน เป็นโลกิยธรรม จิตไหน เป็นโลกุตตรธรรม รูปขันธ์ เป็นโลกิยธรรม ขันธ์ ๔ เป็นโลกิยธรรมก็มี เป็นโลกุตตร- *ธรรมก็มี อายตนะ ๑๐ เป็นโลกิยธรรม อายตนะ ๒ เป็นโลกิยธรรมก็มี เป็น โลกุตตรธรรมก็มี ธาตุ ๑๖ เป็นโลกิยธรรม ธาตุ ๒ เป็นโลกิยธรรมก็มี เป็นโลกุตตร- *ธรรมก็มี สัจจะ ๒ เป็นโลกิยธรรม สัจจะ ๒ เป็นโลกุตตรธรรม อินทรีย์ ๑๐ เป็นโลกิยธรรม อินทรีย์ ๓ เป็นโลกุตตรธรรม อินทรีย์ ๙ เป็นโลกิยธรรมก็มี เป็นโลกุตตรธรรมก็มี อกุศลเหตุ ๓ เป็นโลกิยธรรม เหตุ ๖ เป็นโลกิยธรรมก็มี เป็นโลกุตตร- *ธรรมก็มี กพฬิงการาหาร เป็นโลกิยธรรม อาหาร ๓ เป็นโลกิยธรรมก็มี เป็น โลกุตตรธรรมก็มี ผัสสะ ๖ เป็นโลกิยธรรม มโนวิญญาณธาตุสัมผัส เป็นโลกิยธรรมก็มี เป็นโลกุตตรธรรมก็มี เวทนา ๖ สัญญา ๖ เจตนา ๖ จิต ๖ เป็นโลกิยธรรม มโนวิญญาณ- *ธาตุ เป็นโลกิยธรรมก็มี เป็นโลกุตตรธรรมก็มี หัวข้อธรรมที่แสดงมาคือ อภิญญา อารัมมณะ ๒ ทิฏฐะ กุศลเวทนา วิปาก อุปาทินนะ วิตก รูป โลกิยะ ฉะนี้แล
ธัมมหทยวิภังค์ จบบริบูรณ์
วิภังคปกรณ์ จบ

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๕ บรรทัดที่ ๑๔๕๒๕-๑๕๐๑๖ หน้าที่ ๖๒๓-๖๔๔. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=35&A=14525&Z=15016&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=35&item=1105&items=14              อ่านโดยใช้เครื่องหมาย [เลขข้อ] เป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=35&item=1105&items=14&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=35&item=1105&items=14              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=35&item=1105&items=14              ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=35&i=1105              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๕ https://84000.org/tipitaka/read/?index_35 https://84000.org/tipitaka/english/?index_35

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้า

บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]