ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับภาษาไทย   บาลีอักษรไทย   บาลีอักษรโรมัน 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๘ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๕ ยมกปกรณ์ ภาค ๑
นิโรธวาร
[๑๑๑๖] กายสังขารของสัตว์ใด ย่อมดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ย่อมดับไป หรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ เว้นวิตกและวิจาร ย่อมดับไป แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ย่อมดับไปก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ผู้เข้า ปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ย่อมดับไป และ วจีสังขารก็ย่อมดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ย่อมดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ย่อมดับไป? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งวิตกวิจาร เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ย่อม ดับไป แต่กายสังขารของสัตว์เหล่านั้นย่อมดับไปก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์นั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ย่อมดับไป และกายสังขารก็ย่อม ดับไป. [๑๑๑๗] กายสังขารของสัตว์ใด ย่อมดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น ย่อมดับไป หรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ย่อมดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ย่อมดับไป? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ย่อม ดับไป แต่กายสังขารของสัตว์เหล่านั้นย่อมดับไปก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ใน ภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ย่อมดับไป และกายสังขารก็ย่อมดับไป. [๑๑๑๘] วจีสังขารของสัตว์ใด ย่อมดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น ย่อมดับไป หรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ย่อมดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ย่อมดับไป. จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร ย่อมดับไป แต่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นย่อมดับไปก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งวิตก และวิจาร ย่อมดับไป และวจีสังขารก็ย่อมดับไป. [๑๑๑๙] กายสังขารในภูมิใด ย่อมดับไป วจีสังขารในภูมินั้น ย่อมดับไป หรือ? กายสังขารในภูมินั้น คือในทุติยฌาน ในตติยฌาน ย่อมดับไป แต่วจีสังขารในภูมินั้น ย่อมดับไปก็หาไม่ ฯลฯ. [๑๑๒๐] กายสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไปหรือ ฯลฯ คำว่า ยสฺส (แห่งสัตว์ใด) ก็ดี คำว่า ยสฺส ยตฺถ (ของสัตว์ใดในภูมิใด) ก็ดี เป็น เช่นเดียวกัน. [๑๑๒๑] กายสังขารของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ย่อม ไม่ดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ย่อมไม่ดับไป แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะแห่งจิตที่ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้า นิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ย่อมไม่ดับไป และวจีสังขารก็ย่อมไม่ดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ย่อมไม่ดับไป? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ เว้นวิตกและวิจาร ย่อมไม่ดับไป แต่กายสังขารของสัตว์เหล่านั้นย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะแห่งจิต อันไม่มีวิตกไม่มีวิจาร เว้นลมอัสสาสะ- *ปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และกายสังขารก็ย่อมไม่ดับไป. [๑๑๒๒] กายสังขารของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น ย่อม ไม่ดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ย่อมไม่ดับ ไป แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ใน อุปปาทขณะแห่งจิต ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และจิตตสังขารก็ย่อมไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ย่อมไม่ดับ ไป? ถูกแล้ว. [๑๑๒๓] วจีสังขารของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น ย่อมไม่ ดับไปหรือ? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งจิต เว้นวิตกและวิจารย่อมไม่ดับไป แต่จิตต สังขารของสัตว์เหล่านั้นย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในอุปปาทขณะ แห่งจิต ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ย่อมไม่ดับไป และจิตตสังขารก็ย่อมไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ย่อมไม่ ดับไป. ถูกแล้ว. [๑๑๒๔] กายสังขารในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป ฯลฯ. [๑๑๒๕] กายสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป วจีสังขารของสัตว์ นั้น ในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร เว้นลม อัสสาสะปัสสาสะ ย่อมไม่ดับไป แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้นทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะแห่งจิต อัน ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และ วจีสังขารก็ย่อมไม่ดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ฯลฯ. คำว่า ยสฺส (ของสัตว์ใด) ก็ดี คำว่า ยสฺส ยตฺถ (ของสัตว์ใดในภูมิใด) ก็ดี พึงให้พิสดาร เช่นเดียวกัน ไม่พึงกระทำว่าผู้เข้านิโรธ ในคำว่า ยสฺส ยตฺถ. [๑๑๒๖] กายสังขารของสัตว์ใด เคยดับไปแล้ว วจีสังขารของสัตว์นั้น เคยดับ ไปแล้วหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ฯลฯ. การถามที่เป็นอดีต ในอุปปาทวารตลอดถึงคำว่า ยสฺส (ของสัตว์ใด) ก็ดี คำว่า ยสฺส ยตฺถ (ของสัตว์ใดในภูมิใด) ก็ดี อนุโลม ก็ดี ปัจจนียะ ก็ดี ท่านจำแนกไว้แล้ว ฉันใด แม้ ในนิโรธวาร ก็พึงจำแนก ฉันนั้น ไม่มีการทำต่างๆ กัน. [๑๑๒๗] กายสังขารของสัตว์ใด จักดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น จักดับไป หรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด จักดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น จักดับไป? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เกิด ในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิตเกิดขึ้น ในลำดับแห่งจิตใด ผู้เป็นปัจฉิมภวิกสัตว์ ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ และผู้เข้าถึงรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน ซึ่งกำลังจุติอยู่ จักดับ ไป แต่กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น จักดับไปก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น นอกนี้ จักดับไป และกายสังขารก็จักดับไป. [๑๑๒๘] กายสังขารของสัตว์ใด จักดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักดับไป หรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น จักดับไป. จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เกิด ในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิตเกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เป็นปัจฉิมภวิกสัตว์ ในรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และผู้เข้าถึงรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน ที่กำลังจุติอยู่ จักดับไป แต่กายสังขารของสัตว์เหล่านั้นจักดับไปก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์ทั้งหลาย นอกนี้ จักดับไป และกายสังขารก็จักดับไป. จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร ของสัตว์ซึ่งมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกวิจารเกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด จักดับไป แต่วจีสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น จักดับไปก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์ทั้งหลาย นอกนี้ จักดับไป และ วจีสังขารก็จักดับไป. [๑๑๒๙] วจีสังขารของสัตว์ใด จักดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักดับไป หรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น จักดับไป. [๑๑๓๐] กายสังขารในภูมิใด จักดับไป ฯลฯ. [๑๑๓๑] กายสังขารของสัตว์ใดในภูมิใด จักดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้นในภูมิ นั้น จักดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน จักดับไป แต่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักดับไปก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ จักดับไป และวจีสังขารก็จักดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใดในภูมิใด จักดับไป กายสังขารของสัตว์นั้นในภูมินั้น จักดับไป. วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ซึ่งจักมีปัจฉิมจิต เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ จักดับไป แต่กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักดับไปก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ นอกนี้ จักดับไป และกายสังขารก็จักดับไป. [๑๑๓๒] กายสังขารของสัตว์ใดในภูมิใด จักดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใดในภูมิใด จักดับไป กายสังขารของสัตว์นั้นในภูมิ นั้น จักดับไป. จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่ง ปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิตเกิดขึ้น ในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ จักดับไป แต่กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักดับไปก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ นอกนี้ จักดับไป และกายสังขารก็จักดับไป. [๑๑๓๓] วจีสังขารของสัตว์ใดในภูมิใด จักดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใดในภูมิใด จักดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้นในภูมินั้น จักดับไป. จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกไม่มีวิจารเกิดขึ้น ในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน จักดับไป แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักดับไปก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ นอกนี้ จักดับไป และวจีสังขารก็จักดับไป. [๑๑๓๔] กายสังขารของสัตว์ใด จักไม่ดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ ดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เกิด กามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิตเกิดขึ้น ในลำดับแห่งจิตใด ผู้เป็นปัจฉิมภวิกสัตว์ ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ และผู้เข้าถึงรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิแล้ว จักปรินิพพาน ที่กำลังจุติอยู่ จักไม่ ดับไปแต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ใน ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและมีวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตก และไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจารเกิดขึ้น ในลำดับแห่งจิตใด จักไม่ ดับไป และวจีสังขารก็ จักไม่ดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด จักไม่ดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ดับไป. ถูกแล้ว. [๑๑๓๕] กายสังขารของสัตว์ใด จักไม่ดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ ดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เกิด ในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิตเกิดขึ้น ในลำดับแห่งจิตใด ผู้เป็นปัจฉิมภวิกสัตว์ ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ และผู้เข้าถึงรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน ที่กำลังจุติอยู่ จักไม่ ดับไป แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ใน ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จักไม่ดับไป และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักไม่ดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ดับไป. ถูกแล้ว. [๑๑๓๖] วจีสังขารของสัตว์ใด จักไม่ดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ ดับไปหรือ? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกไม่มีวิจาร ผู้ที่ จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด จักไม่ดับไป แต่จิตตสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จักไม่ดับไป และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักไม่ดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ดับไป. ถูกแล้ว. [๑๑๓๗] กายสังขารในภูมิใด จักไม่ดับไป ฯลฯ. [๑๑๓๘] กายสังขารของสัตว์ใดในภูมิใด จักไม่ดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิต เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิด ในอรูปาวจรภูมิ จักไม่ดับไป แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและวิจาร ผู้มีความ พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกไม่มีวิจารเกิดขึ้น ในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักไม่ดับไป และวจีสังขาร ก็จักไม่ ดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใดในภูมิใด จักไม่ดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไป? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน จักไม่ดับไป แต่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิตอันไม่มีวิตกไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักไม่ดับไป และกายสังขารก็จักไม่ดับไป. [๑๑๓๙] กายสังขารของสัตว์ใดในภูมิใด จักไม่ดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่ง ปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิต เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ จักไม่ดับไป แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เป็น อสัญญสัตว์ จักไม่ดับไป และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใดในภูมิใด จักไม่ดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไป? ถูกแล้ว. [๑๑๔๐] วจีสังขารของสัตว์ใดในภูมิใด จักไม่ดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกไม่มี วิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน จักไม่ดับไป แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไป ก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักไม่ดับไป และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักไม่ดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไป? ถูกแล้ว. [๑๑๔๑] กายสังขารของสัตว์ใด ย่อมดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น เคยดับไปแล้ว หรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด เคยดับไปแล้ว กายสังขารของสัตว์นั้น ย่อมดับไป? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ เคยดับไปแล้ว แต่กายสังขารของ สัตว์เหล่านั้นย่อมดับไปก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ เคยดับไปแล้ว และกายสังขารก็ย่อมดับไป. [๑๑๔๒] กายสังขารของสัตว์ใด ย่อมดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น เคยดับไป แล้วหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด เคยดับไปแล้ว กายสังขารของสัตว์นั้น ย่อม ดับไป? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ เคยดับไปแล้ว แต่กายสังขารของ สัตว์เหล่านั้นย่อมดับไปก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะ- *ปัสสาสะ เคยดับไปแล้ว และกายสังขารก็ย่อมดับไป. [๑๑๔๓] วจีสังขารของสัตว์ใด ย่อมดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น เคยดับไป แล้วหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด เคยดับไปแล้ว วจีสังขารของสัตว์นั้น ย่อมดับไป? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะแห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ เคยดับไปแล้ว แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ย่อมดับไปก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร เคยดับไปแล้ว และวจีสังขารก็ย่อมดับไป. [๑๑๔๔] กายสังขารในภูมิใด ย่อมดับไป ฯลฯ? [๑๑๔๕] กายสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น เคยดับไปแล้วหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน ในภังคขณะแห่งลม อัสสาสะปัสสาสะ ย่อมดับไป แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น เคยดับไปแล้วก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในภังคขณะแห่ง ลมอัสสาสะปัสสาสะ ย่อมดับไป และวจีสังขารก็เคยดับไปแล้ว. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด เคยดับไปแล้ว กายสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไป? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ใน อุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ในภังคขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะของ สัตว์เหล่านั้นนั่นแหละ ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ เคยดับไปแล้ว แต่กายสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไปก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้า ปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ เคยดับไปแล้ว และ กายสังขารก็ย่อมไม่ดับไป. [๑๑๔๖] กายสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น เคยดับไปแล้วหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด เคยดับไปแล้ว กายสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไป? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะ- *แห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ เคยดับไปแล้ว แต่กายสังขารของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ย่อมดับไปก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ เคยดับไปแล้ว และกายสังขารก็ย่อมดับไป. [๑๑๔๗] วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น เคยดับไปแล้วหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด เคยดับไปแล้ว วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไป? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตในภังคขณะ- *แห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร เคยดับไปแล้ว แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ย่อมดับไป ก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร เคยดับไปแล้ว และวจีสังขารก็ย่อมดับไป. [๑๑๔๘] กายสังขารของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ไม่เคย ดับไปแล้วหรือ? เคยดับไปแล้ว. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ไม่เคยดับไปแล้ว กายสังขารของสัตว์นั้น ย่อม ไม่ดับไป? ไม่มี. [๑๑๔๙] กายสังขารของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น ไม่เคย ดับไปแล้วหรือ? เคยดับไปแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ไม่เคยดับไปแล้ว กายสังขารของสัตว์นั้น ย่อม ไม่ดับไป? ไม่มี. [๑๑๕๐] วจีสังขารของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น ไม่เคย ดับไปแล้วหรือ? เคยดับไปแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ไม่เคยดับไปแล้ว วจีสังขารของสัตว์นั้น ย่อมไม่ ดับไป? ไม่มี. [๑๑๕๑] กายสังขารในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป ฯลฯ. [๑๑๕๒] กายสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ไม่เคยดับไปแล้วหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ใน อุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ในภังคขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ของ สัตว์เหล่านั้นนั่นแหละ ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ ย่อมไม่ดับไป แต่วจีสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นไม่เคยดับไปแล้วก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ในภังคขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ของสัตว์เหล่านั้นนั่นแหละ ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เกิดในชั้นสุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็นไปอยู่ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และวจีสังขารก็ไม่เคยดับไปแล้ว. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ไม่เคยดับไปแล้ว กายสังขารของ สัตว์นั้น ในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไป? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน ในภังคขณะแห่งลม อัสสาสะปัสสาสะ ไม่เคยดับไปแล้ว แต่กายสังขารของสัตว์เหล่านั้นย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน ในอุปปาทขณะแห่งลม อัสสาสะปัสสาสะ ในภังคขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะของสัตว์เหล่านั้นนั่นแหละ ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เกิดในชั้นสุทธาวาส ในเมื่อทุติยจิตเป็นไปอยู่ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ไม่เคย ดับไปแล้ว และกายสังขารก็ย่อมไม่ดับไป. [๑๑๕๓] กายสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป จิตตสังขารของ สัตว์นั้น ในภูมินั้น ไม่เคยดับไปแล้วหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะ- *แห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ย่อมไม่ดับไป แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ไม่เคยดับไปแล้วก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ผู้เข้าถึงชั้นสุทธาวาส ผู้เป็น อสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และจิตตสังขารก็ไม่เคยดับไปแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ไม่เคยดับไปแล้ว กายสังขารของ สัตว์นั้น ในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไป? ถูกแล้ว. [๑๑๕๔] วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ไม่เคยดับไปแล้วหรือ? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้นวิตกวิจาร ย่อมไม่ดับไป แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ไม่เคยดับไปแล้วก็หาไม่ วจีสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าถึงชั้นสุทธาวาส ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และ จิตตสังขารก็ไม่เคยดับไปแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ไม่เคยดับไปแล้ว วจีสังขารของ สัตว์นั้น ย่อมไม่ดับไป? ถูกแล้ว. [๑๑๕๕] กายสังขารของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น จักดับ ไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด จักดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ย่อมดับไป? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะแห่งจิต เว้น ลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักดับไป แต่กายสังขารของสัตว์ เหล่านั้นย่อมดับไปก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จักดับไป และกายสังขารก็ย่อมดับไป. [๑๑๕๖] กายสังขารของสัตว์ใด ย่อมดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักดับ ไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ย่อมดับไป? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักดับไป แต่กายสังขาร ของสัตว์เหล่านั้นย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งลม อัสสาสะปัสสาสะ จักดับไป และกายสังขารก็ย่อมดับไป. [๑๑๕๗] วจีสังขารของสัตว์ใด ย่อมดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักดับ ไปหรือ? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและมีวิจาร ย่อมดับไป แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นจักดับไปก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น นอกนี้ ใน ภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร ย่อมดับไป และจิตตสังขารก็จักดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ย่อมดับไป? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะแห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักดับไป แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ย่อมดับไปก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร จักดับไป และ วจีสังขารก็ย่อมดับไป. [๑๑๕๘] กายสังขารในภูมิใด ย่อมดับไป ฯลฯ. [๑๑๕๙] กายสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน ในภังคขณะแห่ง ลมอัสสาสะปัสสาสะ ย่อมดับไป แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักดับไปก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในภังคขณะ แห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ย่อมดับไป และวจีสังขารก็จักดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ใน ภูมินั้น ย่อมดับไป? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะ แห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ในภังคขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ของสัตว์เหล่านั้น นั่นแหละ ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ จักดับไป แต่กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไปก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดใน กามาวจรภูมิ ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จักดับไป และกายสังขาร ก็ย่อมดับไป. [๑๑๖๐] กายสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ใน ภูมินั้น ย่อมดับไป? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะ- *แห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ จักดับไป แต่กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไปก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จักดับไป กายสังขารก็ย่อมดับไป. [๑๑๖๑] วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและมีวิจาร ย่อมดับไป แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักดับไปก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์ เหล่านั้น ในภูมินั้น นอกนี้ ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร ย่อมดับไป และจิตตสังขาร ก็จักดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ใน ภูมินั้น ย่อมดับไป? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะ- *แห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร จักดับไป แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ย่อมดับไป ก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งวิตกวิจาร จักดับไป และ วจีสังขารก็ย่อมดับไป. [๑๑๖๒] กายสังขารของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ ดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะแห่งจิต เว้น ลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและมีวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตก ไม่มีวิจารเกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ย่อมไม่ดับไปและวจีสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด จักไม่ดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ย่อมไม่ ดับไป? ถูกแล้ว. [๑๑๖๓] กายสังขารของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ ดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะแห่งจิต เว้น ลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป แต่จิตตสังขารของสัตว์ เหล่านั้นจักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ย่อมไม่ ดับไป และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ฯลฯ? ถูกแล้ว. [๑๑๖๔] วจีสังขารของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ดับ ไปหรือ? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะแห่งจิต เว้น วิตกและวิจาร ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและ ไม่มีวิจารย่อมไม่ดับไป และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักไม่ดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ย่อมไม่ ดับไป? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและมีวิจาร จักไม่ ดับไป แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ใน ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร จักไม่ดับไป และวจีสังขารก็ย่อมไม่ดับไป. [๑๑๖๕] กายสังขารในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป ฯลฯ. [๑๑๖๖] กายสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ใน อุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ในภังคขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ของ สัตว์เหล่านั้นนั่นแหละ ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ ย่อมไม่ดับไป แต่วจีสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่ง ปัจฉิมจิต อันมีวิตกและมีวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจารเกิดขึ้น ในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ในภังคขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะของ สัตว์เหล่านั้นนั่นแหละ ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และวจีสังขารก็จัก ไม่ดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักไม่ดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไป? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน ในภังคขณะแห่ง ลมอัสสาสะปัสสาสะ จักไม่ดับไป แต่กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไป ก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและมีวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตก และไม่มีวิจารเกิดขึ้น ในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน ในอุปปาทขณะแห่ง ลมอัสสาสะปัสสาสะ ในภังคขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะของสัตว์เหล่านั้นนั่นแหละ ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักไม่ดับไป และกายสังขารก็ย่อมไม่ดับไป. [๑๑๖๗] กายสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป จิตตสังขารของสัตว์ นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะแห่งจิต เว้น ลมอัสสาสะปัสสาสะ ย่อมไม่ดับไป แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไป ก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักไม่ดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไป? ถูกแล้ว. [๑๑๖๘] วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ย่อมไม่ดับไป จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งจิต ในภังคขณะแห่ง จิต เว้นวิตกและวิจาร ย่อมไม่ดับไป แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไป ก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มี วิจาร ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักไม่ดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไป? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งจิต อันมีวิตกและมีวิจาร จักไม่ดับไป แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ จิตตสังขารของ สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักไม่ดับไป และวจีสังขารก็ย่อมไม่ดับไป. [๑๑๖๙] กายสังขารของสัตว์ใด เคยดับไปแล้ว วจีสังขารของสัตว์นั้น จักดับไป หรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและมีวิจาร ผู้มี ความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและ ไม่มีวิจารเกิดขึ้น ในลำดับแห่งจิตใด เคยดับไปแล้ว แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นจักดับไป ก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น นอกนี้ เคยดับไปแล้ว และวจีสังขารก็จักดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ฯลฯ? ถูกแล้ว [๑๑๗๐] กายสังขารของสัตว์ใด เคยดับไปแล้ว จิตตสังขารของสัตว์นั้น จัก ดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต เคยดับไปแล้ว แต่จิตตสังขาร ของสัตว์เหล่านั้นจักดับไปก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์ทั้งหลาย นอกนี้ เคยดับไปแล้ว และ จิตตสังขารก็จักดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ฯลฯ? ถูกแล้ว. [๑๑๗๑] กายสังขารในภูมิใด เคยดับไปแล้ว ฯลฯ. [๑๑๗๒] กายสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด เคยดับไปแล้ว วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ในกามาวจรภูมิ ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน เคยดับไปแล้ว แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักดับไป ก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ นอกนี้ เคยดับไปแล้ว และวจีสังขารก็จักดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป กายสังขารของสัตว์นั้นในภูมิ นั้น เคยดับไปแล้ว? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ จักดับไป แต่กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น เคยดับไปแล้วก็หาไม่ วจีสังขารของ สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ จักดับไป และกายสังขารก็เคย ดับไปแล้ว. [๑๑๗๓] กายสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด เคยดับไปแล้ว จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ในกามาวจรภูมิ เคยดับไปแล้ว แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักดับไปก็หาไม่ กายสังขารของ สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ นอกนี้ เคยดับไปแล้ว และจิตตสังขารก็จักดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ใน ภูมินั้น เคยดับไปแล้ว? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดใน อรูปาวจรภูมิ จักดับไป แต่กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น เคยดับไปแล้วก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ จักดับไป และกายสังขารก็เคยดับไปแล้ว. [๑๑๗๔] วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด เคยดับไปแล้ว จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ในภูมิอันมีวิตกและ มีวิจาร เคยดับไปแล้ว แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักดับไปก็หาไม่ วจีสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภูมิอันมีวิตกและมีวิจาร นอกนี้ เคยดับไปแล้ว และจิตตสังขาร ก็จักดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ใน ภูมินั้น เคยดับไปแล้ว? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภูมิอันไม่วิตกและไม่มีวิจาร จักดับไป แต่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น เคยดับไปแล้วก็หาไม่ แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภูมิอันมีวิตกและมีวิจาร จักดับไป และวจีสังขารก็เคยดับไปแล้ว. [๑๑๗๕] กายสังขารของสัตว์ใด ไม่เคยดับไปแล้ว วจีสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ ดับไปหรือ? ไม่มี. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด จักไม่ดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ไม่เคยดับไป แล้ว? เคยดับไปแล้ว. [๑๑๗๖] กายสังขารของสัตว์ใด ไม่เคยดับไปแล้ว จิตตสังขารของสัตว์นั้น จัก ไม่ดับไปหรือ? ไม่มี. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักไม่ดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ไม่เคย ดับไปแล้ว? เคยดับไปแล้ว. [๑๑๗๗] วจีสังขารของสัตว์ใด ไม่เคยดับไปแล้ว จิตตสังขารของสัตว์นั้น จัก ไม่ดับไปหรือ? ไม่มี. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักไม่ดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ไม่เคยดับ ไปแล้ว? เคยดับไปแล้ว. [๑๑๗๘] กายสังขารในภูมิใด ไม่เคยดับไปแล้ว ฯลฯ. [๑๑๗๙] กายสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ไม่เคยดับไปแล้ว วจีสังขารของ สัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ ไม่เคยดับไปแล้ว แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ ในภังคขณะแห่งจิต อัน มีวิตกและมีวิจาร สัตว์ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมี ปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เป็น อสัญญสัตว์ ไม่เคยดับไปแล้ว และวจีสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักไม่ดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ไม่เคยดับไปแล้ว? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ ในกามาวจรภูมิ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน จักไม่ดับไป แต่กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ไม่เคยดับ ไปแล้วก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและมีวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มี วิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิตอันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้า จตุตถฌาน ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักไม่ดับไป และกายสังขารก็ไม่เคยดับไป. [๑๑๘๐] กายสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ไม่เคยดับไปแล้ว จิตตสังขารของ สัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิด ในอรูปาวจรภูมิ ไม่เคยดับไปแล้ว แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไป ก็หาไม่ กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ ในภังคขณะแห่ง ปัจฉิมจิต ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ไม่เคยดับไปแล้ว และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักไม่ดับไป กายสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ไม่เคยดับไปแล้ว? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ ในกามาวจรภูมิ ในภังคขณะแห่ง ปัจฉิมจิต จักไม่ดับไป แต่กายสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ไม่เคยดับไปแล้วก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ ในภังคขณะแห่ง ปัจฉิมจิต ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักไม่ดับไป และกายสังขารก็ไม่เคยดับไปแล้ว. [๑๑๘๑] วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ไม่เคยดับไปแล้ว จิตตสังขารของ สัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ ในภูมิอันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ไม่เคย ดับไปแล้ว แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์ เหล่านั้น ในภูมินั้น คือ ในภูมิอันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เป็น อสัญญสัตว์ไม่เคยดับไปแล้ว และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักไม่ดับไป วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น ไม่เคยดับไปแล้ว. จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภูมิอันมีวิตกและมีวิจาร ในภังคขณะแห่ง ปัจฉิมจิต จักไม่ดับไป แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ไม่เคยดับไปแล้วก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภูมิอันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ในภังคขณะแห่ง ปัจฉิมจิต ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักไม่ดับไป และวจีสังขารก็ไม่เคยดับไปแล้ว.
นิโรธวาร จบ.

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๘ บรรทัดที่ ๙๙๔๗-๑๐๕๐๔ หน้าที่ ๓๙๗-๔๑๘. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=38&A=9947&Z=10504&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=38&item=1116&items=66              อ่านโดยใช้เครื่องหมาย [เลขข้อ] เป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=38&item=1116&items=66&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=38&item=1116&items=66              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=38&item=1116&items=66              ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=38&i=1116              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๘ https://84000.org/tipitaka/read/?index_38 https://84000.org/tipitaka/english/?index_38

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]