อธิกรณปัจจยวาร ที่ ๕
[๘๗๘] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ วิวาทาธิกรณ์ ต้องอาบัติเท่าไร?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือวิวาทาธิกรณ์ ต้องอาบัติ ๒ คือ
๑. ด่าอุปสัมบัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
๒. ด่าอนุปสัมบัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
เพราะปัจจัย คือ วิวาทาธิกรณ์ ต้องอาบัติ ๒ เหล่านี้.
ถามว่า อาบัติเหล่านั้นจัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดาวิบัติ ๔? ... ระงับด้วยสมถะเท่าไร
บรรดาสมถะ ๗?
ตอบว่า อาบัติเหล่านั้นจัดเป็นวิบัติหนึ่ง บรรดาวิบัติ ๔ คืออาจารวิบัติ.
สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติ ๒ บรรดากองอาบัติ ๗ คือ บางทีด้วยกองอาบัติปาจิตตีย์
บางทีด้วยกองอาบัติทุกกฏ.
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ บรรดาสมุฏฐานอาบัติ ๖ คือ บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ๑
บางทีเกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย ๑ บางทีเกิดแต่กาย วาจา และจิต ๑.
จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ ๔
ระงับด้วยสมถะ ๓ บรรดาสมถะ ๗ คือ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย ๑ ด้วยปฏิญญาตกรณะ ๑
บางทีด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ ๑.
[๘๗๙] ถามว่า พระปัจจัย คือ อนุวาทาธิกรณ์ ต้องอาบัติเท่าไร?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ อนุวาทาธิกรณ์ ต้องอาบัติ ๓ คือ
๑. ภิกษุโจทภิกษุด้วยปาราชิกธรรมอันไม่มีมูล ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
๒. โจทด้วยอาบัติสังฆาทิเสสอันไม่มีมูล ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
๓. โจทด้วยอาจารวิบัติอันไม่มีมูล ต้องอาบัติทุกกฏ.
เพราะปัจจัย คือ อนุวาทาธิกรณ์ ต้องอาบัติ ๓ เหล่านี้.
ถามว่า อาบัติเหล่านั้น จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดาวิบัติ ๔? ... ระงับด้วยสมถะเท่าไร
บรรดาสมถะ ๗?
ตอบว่า อาบัติเหล่านั้นจัดเป็นวิบัติ ๒ บรรดาวิบัติ ๔ คือ บางทีเป็นศีลวิบัติ
บางทีเป็นอาจารวิบัติ.
สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติ ๓ บรรดากองอาบัติ ๗ คือ บางทีด้วยกองอาบัติสังฆาทิเสส
บางทีด้วยกองอาบัติปาจิตตีย์ บางทีด้วยกองอาบัติทุกกฏ.
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ บรรดาสมุฏฐานอาบัติ ๖ คือ บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ๑
บางทีเกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย ๑ บางทีเกิดแต่กาย วาจาและจิต ๑
จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ ๔.
ระงับด้วยสมถะ ๓ บรรดาสมถะ ๗ คือ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย ๑ ด้วยปฏิญญาต-
*กรณะ ๑ บางทีด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ ๑.
[๘๘๐] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ อาปัตตาธิกรณ์ ต้องอาบัติเท่าไร?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ อาปัตตาธิกรณ์ ต้องอาบัติ ๔ คือ
๑. ภิกษุณีรู้อยู่ปกปิดปาราชิกธรรม ต้องอาบัติปาราชิก.
๒. สงสัยปกปิด ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
๓. ภิกษุปกปิดอาบัติสังฆาทิเสส ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
๔. ปกปิดอาจารวิบัติ ต้องอาบัติทุกกฏ.
เพราะปัจจัย คือ อาปัตตาธิกรณ์ ต้องอาบัติ ๔ เหล่านี้.
ถามว่า อาบัติเหล่านั้นจัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดาวิบัติ ๔? ... ระงับด้วยสมถะเท่าไร
บรรดาสมถะ ๗?
ตอบว่า อาบัติเหล่านั้นจัดเป็นวิบัติ ๒ บรรดาวิบัติ ๔ คือ บางทีเป็นศีลวิบัติ บางที
เป็นอาจารวิบัติ.
สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติ ๔ บรรดากองอาบัติ ๗ คือ บางทีด้วยกองอาบัติปาราชิก
บางทีด้วยกองอาบัติถุลลัจจัย บางทีด้วยกองอาบัติปาจิตตีย์ บางทีด้วยกองอาบัติทุกกฏ.
เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง บรรดาสมุฏฐานอาบัติ ๖ คือ เกิดแต่กายวาจาและจิต.
จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ ๔.
ระงับด้วยสมถะ ๓ บรรดาสมถะ ๗ คือ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย ๑ ด้วย
ปฏิญญาตกรณะ ๑ บางทีด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ ๑
[๘๘๑] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ กิจจาธิกรณ์ ต้องอาบัติเท่าไร?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ กิจจาธิกรณ์ ต้องอาบัติ ๕ คือ
๑. ภิกษุณีประพฤติตามภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกวัตร ไม่สละกรรมเพราะสวดประกาศห้ามครบ
๓ จบ จบญัตติ เป็นทุกกฏ.
๒. จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง เป็นถุลลัจจัย.
๓. จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ต้องอาบัติปาราชิก
๔. ภิกษุประพฤติตามภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ไม่สละกรรมเพราะสวดประกาศห้ามครบ ๓ จบ
ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
๕. ไม่สละทิฏฐิลามก เพราะสวดประกาศห้ามครบ ๓ จบ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
เพราะปัจจัย คือ กิจจาธิกรณ์ ต้องอาบัติ ๕ เหล่านี้.
ถามว่า อาบัติเหล่านั้น จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดาวิบัติ ๔? ... ระงับด้วยสมถะเท่าไร
บรรดาสมถะ ๗?
ตอบว่า อาบัติเหล่านั้นจัดเป็นวิบัติ ๒ บรรดาวิบัติ ๔ คือ บางทีเป็นศีลวิบัติ บางที
เป็นอาจารวิบัติ.
สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติ ๕ บรรดากองอาบัติ ๗ คือ บางทีด้วยกองอาบัติปาราชิก
บางทีด้วยกองอาบัติสังฆาทิเสส บางทีด้วยกองอาบัติถุลลัจจัย บางทีด้วยกองอาบัติปาจิตตีย์
บางทีด้วยกองอาบัติทุกกฏ.
เกิดด้วยสมุฏฐานหนึ่ง บรรดาสมุฏฐานอาบัติ ๖ คือ เกิดแต่กายวาจา และจิต
จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ ๔.
ระงับด้วยสมถะ ๓ บรรดาสมถะ ๗ คือ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย ๑ ด้วยปฏิญญตกรณะ ๑
บางทีด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ ๑
[๘๘๒] ถามว่า เว้นอาบัติ ๗ และเว้นกองอาบัติ ๗ เสีย อาบัตินอกนั้นจัดเป็น
วิบัติเท่าไร บรรดาวิบัติ ๔? สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติเท่าไร บรรดากองอาบัติ ๗? เกิดด้วย
สมุฏฐานเท่าไร บรรดาสมุฏฐานอาบัติ ๖? จัดเป็นอธิกรณ์อะไร บรรดาอธิกรณ์ ๔? ระงับด้วย
สมถะเท่าไร บรรดาสมถะ ๗?
ตอบว่า เว้นอาบัติ ๗ และเว้นกองอาบัติ ๗ เสีย อาบัตินอกนั้นไม่จัดเป็นวิบัติข้อไหน
บรรดาวิบัติ ๔ ไม่สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติไหน บรรดากองอาบัติ ๗ ไม่เกิดด้วยสมุฏฐานไหน
บรรดาสมุฏฐานอาบัติ ๖ ไม่จัดเป็นอธิกรณ์ข้อไหน บรรดาอธิกรณ์ ๔ ไม่ระงับด้วยสมถะข้อไหน
บรรดาสมถะ ๗ ข้อนั้น เป็นเพราะเหตุไร? เพราะเว้นอาบัติ ๗ และเว้นกองอาบัติ ๗ เสีย
ไม่มีอาบัติอย่างอื่นอีก.
อธิกรณปัจจยวาร ที่ ๕ จบ
อนันตรเปยยาล จบ
-----------------------------------------------------
หัวข้อบอกวาร
[๘๘๓] กติปุจฉาวาร ๑ สมุฏฐานวาร ๑ กตาปัตติวาร ๑ อาปัตติสมุฏฐานวาร ๑
วิปัตติวาร ๑ กับอธิกรณวาร ๑ฯ
เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๘ บรรทัดที่ ๖๖๖๓-๖๗๔๘ หน้าที่ ๒๕๔-๒๕๗.
https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=8&A=6663&Z=6748&pagebreak=0
https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=8&item=878&items=6
อ่านโดยใช้เครื่องหมาย [เลขข้อ] เป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :-
https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=8&item=878&items=6&mode=bracket
อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :-
https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=8&item=878&items=6
อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :-
https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=8&item=878&items=6
ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :-
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=8&i=878
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๘
https://84000.org/tipitaka/read/?index_8
https://84000.org/tipitaka/english/?index_8
บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖.
บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙.
การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง.
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]