ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
 ฉบับหลวง   บาลีอักษรไทย    PaliRoman 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
             [๘๐๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับบนเตียงชนิดมีเท้าตรึงติด
กับแม่แคร่ อันเป็นที่ครอบครองของสูจิโลมยักษ์ เขตบ้านคยา ฯ
             สมัยนั้นแล ยักษ์ชื่อขระและยักษ์ชื่อสูจิโลมะเดินผ่านเข้าไปไม่ไกล
พระผู้มีพระภาค ฯ
             ครั้งนั้นแล ยักษ์ชื่อขระได้พูดกับสูจิโลมยักษ์ว่า
             นั่นสมณะ ฯ
             นั่นไม่ใช่สมณะ เป็นสมณะน้อย แต่จะเป็นสมณะหรือสมณะน้อย
เราพอจะรู้ได้ ฯ
             [๘๐๘] ครั้งนั้นแล สูจิโลมยักษ์ได้เข้าไปใกล้พระผู้มีพระภาคยังที่
ประทับ ครั้นแล้วได้เข้าไปเหนี่ยวพระกายของพระองค์ ฯ
             พระผู้มีพระภาคทรงกระเถิบถอยพระกายไปเล็กน้อย ฯ
             ครั้งนั้นแล สูจิโลมยักษ์ได้ถามพระผู้มีพระภาคว่า ท่านกลัวเราไหม
สมณะ ฯ
             อาวุโส เราไม่กลัวท่านเลย แต่สัมผัสของท่านเลวทราม ฯ
             สมณะ เราจักถามปัญหากะท่าน ถ้าท่านไม่กล่าวแก้แก่เรา เราจักทำจิต
ของท่านให้พลุ่งพล่าน หรือจักฉีกหัวใจของท่าน หรือจักจับที่เท้าแล้วเหวี่ยงไป
ฝั่งโน้นแห่งแม่น้ำคงคา ฯ
             อาวุโส เราไม่เห็นใครเลยในโลก ทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก
ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ที่จะพึงทำจิตของเรา
ให้พลุ่งพล่าน หรือฉีกหัวใจเรา หรือจับเราที่เท้าแล้วเหวี่ยงไปฝั่งโน้นแห่งแม่น้ำ
คงคาได้ อาวุโส เอาเถอะ ท่านจงถามตามที่ท่านจำนงเถิด ฯ
             [๘๐๙] 	สูจิโลมยักษ์ จึงถามว่า ราคะแลโทสะ มีอะไรเป็นเหตุ
                          ความไม่ยินดี ความยินดี และความสยดสยอง เกิดแต่อะไร
                          ความตรึกในใจเกิดแต่อะไรแล้วดักจิตไว้ได้ เหมือนพวก
                          เด็กดักกา ฉะนั้น ฯ
             [๘๑๐] 	พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ราคะแลโทสะมีอัตภาพนี้เป็น
                          เหตุ ความไม่ยินดี ความยินดี และความสยดสยองเกิดแต่
                          อัตภาพนี้ ความตรึกในใจเกิดแต่อัตภาพนี้แล้ว ดักจิตไว้ได้
                          เหมือนพวกเด็กดักกา ฉะนั้น ฯ
                          อกุศลวิตกเป็นอันมาก เกิดแต่ความเยื่อใยคือตัณหา เกิด
                          ขึ้นในตนแล้วแผ่ซ่านไปในวัตถุกามทั้งหลาย เหมือนย่านไทร
                          เกิดแต่ลำต้นไทรแล้วแผ่ซ่านไปในป่า ฉะนั้น ฯ
                          ชนเหล่าใดย่อมรู้ อัตภาพนั้นว่าเกิดแต่สิ่งใด ชนเหล่านั้น
                          ย่อมบรรเทาเหตุเกิดนั้นเสียได้ ดูกรยักษ์ ท่านจงฟัง ชน
                          เหล่านั้นย่อมข้ามห้วงกิเลสนี้ ซึ่งข้ามได้ยาก และไม่เคยข้าม
                          เพื่อความไม่มีภพอีกต่อไป ฯ
มณิภัททสูตรที่ ๔


             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ บรรทัดที่ ๖๖๕๖-๖๖๙๒ หน้าที่ ๒๘๗-๒๘๘. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=15&A=6656&Z=6692&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/read/byitem_s.php?book=15&item=807&items=4&mode=bracket              อ่านโดยใช้เนื้อความเป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- http://84000.org/tipitaka/read/byitem_s.php?book=15&item=807&items=4              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลี อักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=15&item=807&items=4&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลีอักษรโรมัน :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_item_s.php?book=15&item=807&items=4&mode=bracket              ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=807              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ http://84000.org/tipitaka/read/?index_15

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :