ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
 ฉบับหลวง   บาลีอักษรไทย    PaliRoman 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
             [๒๔๐๖] 	ดูกรนางผู้มีลำขาอันอวบอิ่ม เธอเป็นใครมายืนสั่นอยู่ผู้เดียวที่ลำธารเขา
                          ดูกรนางผู้มีกลางตัวอันน่าลูบคลำด้วยฝ่ามือ เราถามท่านแล้ว จงบอกชื่อ
                          และเผ่าพันธุ์แก่เรา. ดูกรนางผู้มีเอวอันกลมกลึง ท่านเป็นใคร หรือว่า
                          เป็นลูกเมียของใคร เป็นผู้งดงามทำให้ป่าน่ารื่นรมย์ เป็นที่อยู่อาศัยแห่ง
                          สีหะและเสือโคร่ง สว่างไสวอยู่ ดูกรนางผู้เจริญ เราคืออสูรตนหนึ่ง
                          ขอไหว้ท่าน ขอความนอบน้อมจงมีแก่ท่าน.
             [๒๔๐๗] 	คนทั้งหลายรู้จักโอรสของพระเจ้ากาสีว่า มีนามโสตถิเสนกุมาร เราชื่อ
                          สัมพุลาเป็นชายาของโสตถิเสนกุมารนั้น ข้าแต่อสูร ท่านจงรู้อย่างนี้
                          ดูกรท่านผู้เจริญ เราชื่อสัมพุลาขอไหว้ท่าน ขอความนอบน้อมจงมีแก่ท่าน
                          ดูกรท่านผู้เจริญ พระโอรสของพระเจ้าวิเทหราชเดือดร้อนอยู่ในป่า เรามา
                          พยาบาลเธอผู้ถูกโรคเบียดเบียนอยู่ตัวต่อตัว เราเที่ยวแสวงหารวงผึ้งและ
                          เนื้อมฤค เราหาอาหารอย่างใดไป พระสวามีของเราก็ได้เสวยอาหาร
                          อย่างนั้น วันนี้ เธอคงจะหิวเป็นแน่.
             [๒๔๐๘] 	ดูกรนางสัมพุลา เธอจักทำประโยชน์อะไรด้วยราชบุตรผู้เดือดร้อนที่เธอ
                          บำเรออยู่ในป่า เราจะเป็นผัวของเธอ.
                          ดูกรท่านผู้เจริญ รูปของเราผู้อาดูรด้วยความโศก เป็นอัตภาพยากไร้
                          จะงดงามอะไร ขอท่านจงแสวงหาหญิงอื่นที่มีรูปร่างงามกว่าเราเถิด.
                          มาเถิดเธอ เชิญขึ้นยังภูเขานี้ เธอจงเป็นใหญ่กว่าภรรยา ๔๐๐ คนของเรา
                          จะสำเร็จความประสงค์ทุกอย่าง ดูกรนางผู้มีผิวพรรณเปล่งปลั่งดังดวงดาว
                          เธอปรารถนาสิ่งใดสิ่งหนึ่งในใจมิใช่หรือ สิ่งนั้นของเรามีทุกอย่างมากมาย
                          เชิญมารื่นรมย์กับเราในวันนี้เถิด ดูกรนางสัมพุลา ถ้าเธอจักไม่ยอมเป็น
                          ภรรยาเรา เธอก็จักต้องเป็นภักษาหารของเราในเวลาเช้าพรุ่งนี้เป็น
                          แม่นมั่น
                          ครั้นอสูรผู้มีชฎา ๗ ชั้น หยาบช้า เขี้ยวออกนอกปาก กินคนเป็นอาหาร
                          ได้จับแขนนางสัมพุลาผู้มองไม่เห็นที่พึ่งในป่า. นางสัมพุลาถูกปีศาจ
                          ผู้หยาบช้ามุ่งอามิสครอบงำแล้ว ต้องตกอยู่ในอำนาจของศัตรู เศร้าโศก
                          ถึงพระสวามีเท่านั้น. รำพันว่า แม้ยักษ์จะพึงกินเราเสีย เราก็ไม่มีความ-
                          ทุกข์ ทุกข์อยู่แต่ว่าพระหฤทัยของทูลกระหม่อม ของเราจักทรงเคลือบ-
                          แคลงเป็นอย่างอื่นไป. เทพเจ้าทั้งหลายคงจะไม่มีอยู่แน่นอน ท้าวโลกบาล
                          ก็คงไม่มีในโลกนี้เป็นแน่ เมื่อยักษ์ผู้ไม่สำรวมทำด้วยอาการหยาบช้า
                          จะหาผู้ช่วยห้ามกันไม่มีเลย.
             [๒๔๐๙] 	หญิงนี้ประเสริฐกว่าหญิงทั้งหลาย สงบเสงี่ยมเรียบร้อยมีเดชฟุ้งเฟื่อง
                          ดุจไฟ แน่ะรากษส ถ้าเจ้าจะกินนางนี้ ศีรษะของเจ้าจะแตกออก ๗ เสี่ยง
                          เจ้าอย่าทำให้นางเดือดร้อน จงปล่อยไปเสีย เพราะนางเป็นหญิงปฏิบัติ
                          สามี.
             [๒๔๑๐] 	พระนางสัมพุลานั้นหลุดพ้นแล้วจากยักษ์กินคน กลับมาสู่อาศรม ดุจแม่
                          นกซึ่งมีลูกอ่อนเป็นอันตรายบินมายังรัง หรือดังแม่โคนมมายังที่อยู่อันว่าง
                          เปล่าจากลูกน้อย ฉะนั้นพระนางสัมพุลาราชบุตรผู้มียศ เมื่อไม่เห็นพระ
                          สวามีผู้เป็นที่พึ่งในป่า ก็มีพระเนตรพร่าเพราะความร้อน ร่ำไห้อยู่ ณ ที่นั้น
                          เมื่อไม่พบพระราชสวามี พระนางก็วอนไหว้สมณพราหมณ์และฤาษี
                          ทั้งหลายผู้สมบูรณ์ด้วยจรณะว่า ดิฉันขอถึงท่านทั้งหลายเป็นที่พึ่ง. เมื่อไม่
                          พบพระราชสวามี พระนางก็วอนไหว้ราชสีห์ เสือโคร่ง และหมู่มฤค
                          เหล่าอื่นในป่าว่า ดิฉันขอถึงท่านทั้งหลายว่าเป็นที่พึ่ง. เมื่อไม่พบพระราช
                          สวามี พระนางก็วอนไหว้เทพเจ้า อันเนาสถิตอยู่ที่กอหญ้าลดาชาติและที่
                          เนาอยู่ ณ ภูเขาราวไพร ตลอดถึงดวงดาวในอากาศว่า ดิฉันขอถึงท่าน
                          ทั้งหลายเป็นที่พึ่ง. เมื่อไม่พบพระราชสวามี พระนางก็วอนไหว้เทพเจ้าผู้มี
                          วรรณะเสมอดอกราชพฤกษ์ ผู้ยังดวงดาวให้รุ่งเรืองงามในราตรีว่า ดิฉัน
                          ขอถึงท่านเป็นที่พึ่ง.
                          เมื่อไม่พบพระราชสวามี พระนางก็วอนไหว้เทพเจ้าอันเนาสถิตอยู่ ณ แม่-
                          น้ำคงคาชื่อภคีรสี อันเป็นที่รับรองแม่น้ำอื่นว่า ดิฉันขอถึงท่านเป็นที่พึ่ง.
                          เมื่อไม่พบพระราชสวามี ดิฉันขอวอนไหว้เทพเจ้าซึ่งสถิตอยู่ ณ ขุนเขา
                          หิมวันต์ อันล้วนแล้วไปด้วยหินว่า ดิฉันขอถึงท่านเป็นที่พึ่ง.
             [๒๔๑๑] 	ดูกรพระราชบุตรีผู้มียศ เธอมาเสียจนค่ำทีเดียวหนอ วันนี้เธอมากับใคร
                          เล่า ใครเป็นที่รักของเจ้ายิ่งกว่าเรา.
             [๒๔๑๒] 	หม่อมฉันถูกศัตรูมันจับไว้ ได้กล่าวคำนี้ว่า ถึงยักษ์จะกินเราเสีย เราก็
                          ไม่มีความทุกข์ ทุกข์แต่ว่าพระหฤทัยของทูลกระหม่อมของเราจะเคลือบ
                          แคลงเป็นอย่างอื่นไป.
             [๒๔๑๓] 	ความสัตย์ยากที่จะหาได้ในหญิงโจรผู้มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย ความเป็นไป
                          ของหญิงทั้งหลายรู้ได้ยาก เหมือนความเป็นไปของปลาในน้ำฉะนั้น.
             [๒๔๑๔] 	ถ้าความสัตย์ที่หม่อมฉันไม่รู้สึกว่า รักชายอื่นยิ่งกว่าทูลกระหม่อม เป็น
                          ความจริง ขอจงช่วยพิทักษ์รักษาหม่อมฉัน ด้วยสัจวาจานี้ ขอพยาธิของ
                          ทูลกระหม่อมจงระงับหาย.
             [๒๔๑๕] 	แน่ะนางผู้เจริญ กุญชรสูงใหญ่มีมากมายถึง ๗๐๐ มีพลโยธาถืออาวุธขี่
                          ประจำ คอยพิทักษ์รักษาอยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน และพลโยธาที่ถือ
                          ธนูก็มีถึง ๑,๖๐๐ พิทักษ์รักษาอยู่ เธอเห็นศัตรูชนิดไหน?
             [๒๔๑๖] 	ข้าแต่พระราชบิดา เมื่อก่อนพระลูกเจ้าทรงประพฤติแก่หม่อมฉันอย่างไร
                          เดี๋ยวนี้หาเป็นอย่างนั้นไม่ เพราะได้ทรงเห็นสนมนารีผู้ประดับตบแต่งมี
                          ผิวพรรณดุจเกสรบัว มีร่างกายอันอ้อนแอ้น เสียงเพราะดังหงส์ และ
                          เพราะได้ทรงฟังเสียงแย้มหัวและขับกล่อมประโคมของสนมนารีเหล่านั้น.
                          ข้าแต่พระราชบิดา สนมนารีเหล่านั้น ทรงเครื่องประดับล้วนทองคำ
                          มีร่างกายเฉิดโฉม ประดับด้วยเครื่องอลังการนานาชนิดดังสาวสวรรค์ใน
                          มนุษย์ เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าโสตถิเสนะ มีทรวดทรงหาที่ติมิได้
                          ล้วนเป็นขัตติยกัญญา มาประเล้าประโลมพระเจ้าโสตถิเสนะนั้นอยู่.
                          ข้าแต่พระราชบิดา ถ้าพระเจ้าโสตถิเสนะยกย่องหม่อมฉัน ดังที่หม่อม-
                          ฉันเคยเที่ยวแสวงหาผลาผลในป่า มาเลี้ยงดูพระราชสวามีในกาลก่อนอีก
                          ไม่ทรงดูหมิ่นหม่อมฉันไซร้ จะประเสริฐกว่าราชสมบัติในพระนคร
                          พาราณสีนี้. หญิงใดอยู่ในเรือนอันมีข้าวน้ำไพบูลย์ ตกแต่งไว้เรียบร้อย
                          มีเครื่องอาภรณ์อันวิจิตรประดับประดา แม้จะเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติ
                          ทุกอย่าง แต่ไม่เป็นที่รักของสามี คอยแต่ประหัตประหาร ความตาย
                          ของหญิงนั้นประเสริฐกว่าการอยู่ครองเรือน. ถ้าแม้หญิงใดเป็นหญิง
                          เข็ญใจไร้เครื่องประดับ มีเสื่อลำแพนเป็นที่นอน แต่เป็นที่รักของสามี
                          หญิงนั้นประเสริฐเสียกว่าหญิงผู้เพรียบพร้อมด้วยคุณสมบัติทุกอย่าง แต่
                          ไม่เป็นที่รักของสามี.
             [๒๔๑๗] 	ภรรยาผู้เกื้อกูลต่อสามี เป็นหญิงหาได้แสนยาก สามีผู้เกื้อกูลต่อภรรยา
                          ก็หาได้แสนยาก ดูกรเจ้าผู้จอมชน มเหสีของเจ้าเป็นผู้เกื้อกูลเจ้าด้วย
                          มีศีลด้วย เพราะฉะนั้น เจ้าจงประพฤติธรรมต่อนางสัมพุลา.
             [๒๔๑๘] 	ดูกรแม่สัมพุลาผู้เจริญ ถ้าเจ้าได้โภคสมบัติอันไพบูลย์แล้ว แต่มีความหึง
                          หวงครอบงำจนจะถึงมรณะไซร้ พี่และนางราชกัญญาทั้งหมดนี้ จะทำตาม
                          คำของเจ้า.
จบ สัมพุลาชาดกที่ ๙.
๑๐. ภัณฑุติณฑุกชาดก
พระราชาทรงออกสดับฟังข่าวชาวเมือง


             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ บรรทัดที่ ๙๘๙๔-๙๙๘๕ หน้าที่ ๔๓๐-๔๓๓. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=27&A=9894&Z=9985&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/read/byitem_s.php?book=27&item=2406&items=13&mode=bracket              อ่านโดยใช้เนื้อความเป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- http://84000.org/tipitaka/read/byitem_s.php?book=27&item=2406&items=13              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลี อักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=27&item=2406&items=13&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลีอักษรโรมัน :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_item_s.php?book=27&item=2406&items=13&mode=bracket              ศึกษาอรรถกถาชาดกนี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=2406              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ http://84000.org/tipitaka/read/?index_27

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :