ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
 ฉบับหลวง   บาลีอักษรไทย    PaliRoman 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๔ กถาวัตถุปกรณ์
             [๗๕๔] สกวาที จิตที่หลุดพ้นแล้ว ยังหลุดพ้นอยู่ หรือ?
             ปรวาที ถูกแล้ว
             ส. ส่วนหนึ่งหลุดพ้นแล้ว อีกส่วนหนึ่งยังไม่หลุดพ้น หรือ?
             ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             [๗๕๕] ส. ส่วนหนึ่งหลุดพ้นแล้ว อีกส่วนหนึ่งยังไม่หลุดพ้น หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. ส่วนหนึ่ง เป็นพระโสดาบัน อีกส่วนหนึ่ง ไม่เป็นพระโสดาบัน ส่วน
หนึ่ง ถึงแล้ว ได้เฉพาะแล้ว บรรลุแล้ว ทำให้แจ้งแล้ว เข้าถึงอยู่-
ถูกต้องด้วยกายอยู่ ซึ่งโสดาปัตติผล อีกส่วนหนึ่ง ไม่ถูกต้องด้วยการอยู่
ซึ่งโสดาปัตติผล ส่วนหนึ่ง เป็นพระโสดาบัน ผู้สัตตขัตตุปรมะ ผู้โกลัง-
โกละ ผู้เอกพีชี ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธ-
เจ้า ฯลฯ ในพระธรรม ฯลฯ ในพระสงฆ์ ฯลฯ ประกอบด้วยอริยกันตศีล
อีกส่วนหนึ่งไม่ประกอบด้วยอริยกันตศีล หรือ?
             ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             [๗๕๖] ส. ส่วนหนึ่ง หลุดพ้นแล้ว อีกส่วนหนึ่ง ยังไม่หลุดพ้น หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. ส่วนหนึ่ง เป็นพระสกทาคามี อีกส่วนหนึ่ง ไม่เป็นพระสกทาคามี ส่วน
หนึ่ง ถึงแล้ว ได้เฉพาะแล้ว บรรลุแล้ว ทำให้แจ้งแล้ว เข้าถึงอยู่-
ถูกต้องด้วยกายอยู่ ซึ่งสกทาคามิผล อีกส่วนหนึ่ง ไม่ถูกต้องด้วยกาย
อยู่ซึ่งสกทาคามิผล หรือ?
             ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             [๗๕๗] ส. ส่วนหนึ่ง หลุดพ้นแล้ว อีกส่วนหนึ่ง ยังไม่หลุดพ้น หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. ส่วนหนึ่งเป็นพระอนาคามี ส่วนหนึ่งไม่เป็นพระอนาคามี ส่วนหนึ่งถึง
แล้ว ได้เฉพาะแล้ว บรรลุแล้ว ทำให้แจ้งแล้ว เข้าถึงอยู่ ถูกต้องด้วย
กายอยู่ ซึ่งอนาคามิผล อีกส่วนหนึ่ง ไม่ถูกต้องด้วยกายอยู่ซึ่งอนาคามิ
ผล ส่วนหนึ่งเป็นพระอนาคามีผู้อันตราปรินิพาพายี ผู้อุปหัจจปรินิพพายี
ผู้อสังขารปรินิพพายี ผู้สสังขารปรินิพพายี ผู้อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี
อีกส่วนหนึ่งไม่เป็นพระอนาคามีผู้อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี หรือ?
             ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             [๗๕๘] ส. ส่วนหนึ่งหลุดพ้นแล้ว อีกส่วนหนึ่งยังไม่หลุดพ้น หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. ส่วนหนึ่งเป็นพระอรหันต์ อีกส่วนหนึ่งไม่เป็นพระอรหันต์ ส่วนหนึ่ง
ถึงแล้ว ได้เฉพาะแล้ว บรรลุแล้ว ทำให้แจ้งแล้ว เข้าถึงอยู่ ถูกต้อง
ด้วยกายอยู่ ซึ่งอรหัตผล อีกส่วนหนึ่งไม่ถูกต้องด้วยกายอยู่ซึ่งอรหัต-
ผล ส่วนหนึ่งปราศจากราคะ โทสะ โมหะแล้ว ฯลฯ ส่วนหนึ่งทำให้แจ้ง
แล้วซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้ง อีกส่วนหนึ่งไม่ทำให้แจ้งแล้วซึ่งธรรมที่ควร
ทำให้แจ้ง หรือ?
             ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             [๗๕๙] ส. จิตที่หลุดพ้นแล้ว ยังหลุดพ้นอยู่ หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. จิตหลุดพ้นแล้วในขณะเกิดขึ้น ยังหลุดพ้นอยู่ในขณะดับไป หรือ?
             ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             [๗๖๐] ป. ไม่พึงกล่าวว่า จิตที่หลุดพ้นแล้ว ยังหลุดพ้นอยู่ หรือ?
             ส. ถูกแล้ว
             ป. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า เมื่อบุคคลนั้น รู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
จิตย่อมหลุดพ้นแม้จากกามาสวะ จิตย่อมหลุดพ้นแม้จากอาสวะ
จิตย่อมหลุดพ้นแม้จากอวิชชาสวะ ดังนี้ ๑- เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่
หรือ?
             ส. ถูกแล้ว
             ป. ถ้าอย่างนั้น จิตที่หลุดพ้นแล้ว ก็ยังหลุดพ้นอยู่น่ะสิ
             [๗๖๑] ส. จิตที่หลุดพ้นแล้ว ยังหลุดพ้นอยู่ หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า บุคคลนั้น เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว เป็นจิต
บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน ปราศจากอุปกิเลส เป็นจิต-
อ่อน ควรแก่การงาน ถึงความเป็นจิตไม่หวั่นไหวตั้งอยู่แล้วอย่างนี้
ย่อมน้อมจิตไปเพื่อญาณเป็นเครื่องสิ้นไปแห่งอาสวะ ดังนี้ ๒- เป็นสูตร
มีอยู่จริง มิใช่หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า จิตที่หลุดพ้นแล้ว ยังหลุดพ้นอยู่
             [๗๖๒] ส. จิตที่หลุดพ้นอยู่ มีอยู่ หรือ?
             ป. ถูกแล้ว
             ส. จิตที่กำหนัดอยู่ ขัดเคืองอยู่ หลงอยู่ เศร้าหมองอยู่ มีอยู่ หรือ?
             ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
             ส. จิตมีแต่กำหนัดแล้วและไม่กำหนัดแล้ว ขัดเคืองแล้วและไม่ขัดเคืองแล้ว
หลงแล้วและไม่หลงแล้ว ขาดแล้วและไม่ขาดแล้ว ตกแล้วและไม่แตก
แล้ว อันปัจจัยทำแล้วและอันปัจจัยไม่ทำแล้ว เท่านั้น มิใช่หรือ?
@๑. ม. อุ. ข้อ ๒๖ หน้า ๒๔  ๒. ม. อุ. ข้อ ๒๖ หน้า ๒๔
             ป. ถูกแล้ว
             ส. ถ้าจิตมีแต่กำหนัดแล้วและไม่กำหนัดแล้ว ขัดเคืองแล้วละไม่ขัดเคืองแล้ว
หลงแล้วและไม่หลงแล้ว ขาดแล้วและไม่ขาดแล้ว แตกแล้วและไม่
แตกแล้ว อันปัจจัยทำแล้วและอันปัจจัยไม่ทำแล้ว เท่านั้น ก็ต้องไม่กล่าว
ว่า จิตหลุดพ้นอยู่ มีอยู่
วิมุจจมานกถา
-----------------------------------------------------
อัฏฐมกกถา


             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ บรรทัดที่ ๗๘๗๑-๗๙๔๖ หน้าที่ ๓๒๕-๓๒๘. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=37&A=7871&Z=7946&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/read/byitem_s.php?book=37&item=754&items=9&mode=bracket              อ่านโดยใช้เนื้อความเป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- http://84000.org/tipitaka/read/byitem_s.php?book=37&item=754&items=9              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลี อักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=37&item=754&items=9&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลีอักษรโรมัน :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_item_s.php?book=37&item=754&items=9&mode=bracket              ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=37&i=754              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ http://84000.org/tipitaka/read/?index_37

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :