บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
|
|
๖. อุปสีวมาณวปัญหา๑- ว่าด้วยปัญหาของอุปสีวมาณพ [๙๔] (ท่านอุปสีวะทูลถาม ดังนี้) ข้าแต่พระองค์ผู้สักกะ ข้าพระองค์ผู้เดียว ไม่ได้อาศัย (ใครๆ หรือสิ่งใดๆ) จึงไม่สามารถข้ามห้วงกิเลสอันยิ่งใหญ่ได้ ข้าแต่พระองค์ผู้มีสมันตจักขุ ขอพระองค์โปรดตรัสบอกอารมณ์ ที่ข้าพระองค์ได้อาศัยแล้ว พึงข้ามห้วงกิเลสนี้ได้ (๑) @เชิงอรรถ : @๑ ดูคำอธิบายในหน้า ๑๗๗-๑๙๔ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๐ หน้า : ๒๐}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส [ปารายนวรรค]
๒. มาณวปัญหา ๖. อุปสีวมาณวปัญหา
[๙๕] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อุปสีวะ) เธอจงมีสติ เพ่งพิจารณาอากิญจัญญายตนสมาบัติ ยึดเอาเป็นอารมณ์ว่า ไม่มีอะไรดังนี้แล้ว ก็จะข้ามห้วงกิเลสได้ เธอจงละกามทั้งหลาย เป็นผู้งดเว้นจากความสงสัยทั้งหลาย พิจารณาความสิ้นตัณหา ทั้งคืนทั้งวัน (๒) [๙๖] (ท่านอุปสีวะทูลถาม ดังนี้) บุคคลใดคลายราคะในกามทั้งปวง ละสมาบัติอื่น อาศัยแต่อากิญจัญญายตนสมาบัติ น้อมใจไปในสัญญาวิโมกข์ชั้นสูง บุคคลนั้นไม่หวั่นไหว ดำรงอยู่ในพรหมโลก ชั้นอากิญจัญญายตนะนั้นได้หรือ (๓) [๙๗] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อุปสีวะ) บุคคลใดคลายราคะในกามทั้งปวง ละสมาบัติอื่น อาศัยแต่อากิญจัญญายตนสมาบัติ น้อมใจไปในสัญญาวิโมกข์ชั้นสูง บุคคลนั้นไม่หวั่นไหว ดำรงอยู่ในพรหมโลก ชั้นอากิญจัญญายตนะนั้นได้ (๔) [๙๘] (ท่านอุปสีวะทูลถามว่า) ข้าแต่พระองค์ผู้มีสมันตจักขุ ถ้าบุคคลนั้นไม่หวั่นไหว ดำรงอยู่ในพรหมโลกนั้นนานปีไซร้ บุคคลนั้นเป็นผู้หลุดพ้นแล้ว มีความสงบเย็นอยู่ในพรหมโลกนั้นนั่นแลหรือ หรือว่าวิญญาณของบุคคลนั้นจะพึงจุติอีก (๕) [๙๙] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อุปสีวะ) เปลวไฟถูกกำลังลมพัดไป ย่อมดับ กำหนดไม่ได้ ฉันใด มุนีพ้นแล้วจากนามกาย ย่อมดับไป กำหนดไม่ได้ ฉันนั้น (๖) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๐ หน้า : ๒๑}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส [ปารายนวรรค]
๒. มาณวปัญหา ๗. นันทมาณวปัญหา
[๑๐๐] (ท่านอุปสีวะทูลถามว่า) มุนีนั้นถึงความสลายไป หรือว่าไม่มี หรือว่าไม่แตกทำลายเพราะมีความแน่แท้ พระองค์ผู้เป็นพระมุนี โปรดพยากรณ์ปัญหานั้น แก่ข้าพระองค์ให้แจ่มแจ้งด้วยเถิด เพราะธรรมนั้นพระองค์ทรงทราบชัดแล้ว (๗) [๑๐๑] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อุปสีวะ) มุนีผู้ถึงความสลายไป ย่อมไม่มี(อะไร)เป็นประมาณ ชนทั้งหลายพึงว่ากล่าวมุนีนั้นด้วยกิเลสใด กิเลสนั้นย่อมไม่มีแก่มุนีนั้น (เพราะ) เมื่อมุนีนั้นถอนธรรมทั้งปวงได้เด็ดขาดแล้ว แม้ครรลองแห่งวาทะทั้งปวง ท่านก็ถอนได้เด็ดขาดแล้ว(เหมือนกัน) (๘)อุปสีวมาณวปัญหาที่ ๖ จบ เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๓๐ หน้าที่ ๒๐-๒๒. http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=30&siri=7 ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [คลิกเพื่อฟัง] อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=46&A=725 The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=46&A=725 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๐ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu30 อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://www.ancient-buddhist-texts.net/Texts-and-Translations/Parayanavagga/Parayanavaggo-06.htm
บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]