ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๐ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๒ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
๖. อุปสีวมาณวปัญหา๑-
ว่าด้วยปัญหาของอุปสีวมาณพ
[๙๔] (ท่านอุปสีวะทูลถาม ดังนี้) ข้าแต่พระองค์ผู้สักกะ ข้าพระองค์ผู้เดียว ไม่ได้อาศัย (ใครๆ หรือสิ่งใดๆ) จึงไม่สามารถข้ามห้วงกิเลสอันยิ่งใหญ่ได้ ข้าแต่พระองค์ผู้มีสมันตจักขุ ขอพระองค์โปรดตรัสบอกอารมณ์ ที่ข้าพระองค์ได้อาศัยแล้ว พึงข้ามห้วงกิเลสนี้ได้ (๑) @เชิงอรรถ : @ ดูคำอธิบายในหน้า ๑๗๗-๑๙๔ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๐ หน้า : ๒๐}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส [ปารายนวรรค]

๒. มาณวปัญหา ๖. อุปสีวมาณวปัญหา

[๙๕] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อุปสีวะ) เธอจงมีสติ เพ่งพิจารณาอากิญจัญญายตนสมาบัติ ยึดเอาเป็นอารมณ์ว่า ไม่มีอะไรดังนี้แล้ว ก็จะข้ามห้วงกิเลสได้ เธอจงละกามทั้งหลาย เป็นผู้งดเว้นจากความสงสัยทั้งหลาย พิจารณาความสิ้นตัณหา ทั้งคืนทั้งวัน (๒) [๙๖] (ท่านอุปสีวะทูลถาม ดังนี้) บุคคลใดคลายราคะในกามทั้งปวง ละสมาบัติอื่น อาศัยแต่อากิญจัญญายตนสมาบัติ น้อมใจไปในสัญญาวิโมกข์ชั้นสูง บุคคลนั้นไม่หวั่นไหว ดำรงอยู่ในพรหมโลก ชั้นอากิญจัญญายตนะนั้นได้หรือ (๓) [๙๗] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อุปสีวะ) บุคคลใดคลายราคะในกามทั้งปวง ละสมาบัติอื่น อาศัยแต่อากิญจัญญายตนสมาบัติ น้อมใจไปในสัญญาวิโมกข์ชั้นสูง บุคคลนั้นไม่หวั่นไหว ดำรงอยู่ในพรหมโลก ชั้นอากิญจัญญายตนะนั้นได้ (๔) [๙๘] (ท่านอุปสีวะทูลถามว่า) ข้าแต่พระองค์ผู้มีสมันตจักขุ ถ้าบุคคลนั้นไม่หวั่นไหว ดำรงอยู่ในพรหมโลกนั้นนานปีไซร้ บุคคลนั้นเป็นผู้หลุดพ้นแล้ว มีความสงบเย็นอยู่ในพรหมโลกนั้นนั่นแลหรือ หรือว่าวิญญาณของบุคคลนั้นจะพึงจุติอีก (๕) [๙๙] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อุปสีวะ) เปลวไฟถูกกำลังลมพัดไป ย่อมดับ กำหนดไม่ได้ ฉันใด มุนีพ้นแล้วจากนามกาย ย่อมดับไป กำหนดไม่ได้ ฉันนั้น (๖) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๐ หน้า : ๒๑}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส [ปารายนวรรค]

๒. มาณวปัญหา ๗. นันทมาณวปัญหา

[๑๐๐] (ท่านอุปสีวะทูลถามว่า) มุนีนั้นถึงความสลายไป หรือว่าไม่มี หรือว่าไม่แตกทำลายเพราะมีความแน่แท้ พระองค์ผู้เป็นพระมุนี โปรดพยากรณ์ปัญหานั้น แก่ข้าพระองค์ให้แจ่มแจ้งด้วยเถิด เพราะธรรมนั้นพระองค์ทรงทราบชัดแล้ว (๗) [๑๐๑] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อุปสีวะ) มุนีผู้ถึงความสลายไป ย่อมไม่มี(อะไร)เป็นประมาณ ชนทั้งหลายพึงว่ากล่าวมุนีนั้นด้วยกิเลสใด กิเลสนั้นย่อมไม่มีแก่มุนีนั้น (เพราะ) เมื่อมุนีนั้นถอนธรรมทั้งปวงได้เด็ดขาดแล้ว แม้ครรลองแห่งวาทะทั้งปวง ท่านก็ถอนได้เด็ดขาดแล้ว(เหมือนกัน) (๘)
อุปสีวมาณวปัญหาที่ ๖ จบ


                  เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๓๐ หน้าที่ ๒๐-๒๒. http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=30&siri=7              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [คลิกเพื่อฟัง]              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=46&A=725              The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=46&A=725                   สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๐ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu30              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://www.ancient-buddhist-texts.net/Texts-and-Translations/Parayanavagga/Parayanavaggo-06.htm



บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :