โพชฌาสูตร
[๑๓๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล โพชฌา
อุบาสิกาเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรโพชฌา อุโบสถอันประกอบด้วย
องค์ ๘ ประการ บุคคลเข้าอยู่แล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีความ
รุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก ดูกรโพชฌา ก็อุโบสถอันประกอบด้วยองค์
๘ ประการ บุคคลเข้าอยู่แล้วอย่างไร จึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีความ
รุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก ดูกรโพชฌา อริยสาวกในธรรมวินัยนี้
ย่อมตระหนักชัดดังนี้ว่า พระอรหันต์ทั้งหลาย ละปาณาติบาต งดเว้นจากปาณาติบาต
วางท่อนไม้ วางศาตรา มีความละอาย เอื้อเอ็นดู อนุเคราะห์เกื้อกูลต่อสรรพสัตว์
อยู่ตลอดชีวิตในวันนี้ แม้เราก็ละปาณาติบาต งดเว้นจากปาณาติบาต วางท่อนไม้
วางศาตรามีความละอาย เอื้อเอ็นดู อนุเคราะห์เกื้อกูล ต่อสรรพสัตว์อยู่ตลอดคืน
และวันนี้เราชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์ทั้งหลายแม้ด้วยองค์นี้ และอุโบสถจักเป็น
อันชื่อว่าเราเข้าอยู่แล้ว อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๑ นี้ ฯลฯ
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมตระหนักชัดดังนี้ว่า พระอรหันต์ทั้งหลาย
ละการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่ งดเว้นจากการนั่ง การนอนบนที่นั่งที่
นอนสูงใหญ่ สำเร็จการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนต่ำ คือ นอนบนเตียงหรือ
เครื่องลาดด้วยหญ้าอยู่ตลอดชีวิต ในวันนี้ แม้เราก็ละการนั่งการนอนบนที่นั่งที่
นอนสูงใหญ่ เว้นจากการนั่งการนอนบนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่ สำเร็จการนั่งการ
นอนบนที่นั่งที่นอนต่ำ คือ บนเตียงหรือเครื่องลาดด้วยหญ้าตลอดคืนและวันนี้ เรา
ชื่อว่ากระทำตามพระอรหันต์ทั้งหลายแม้ด้วยองค์นี้ และอุโบสถจักเป็นอันชื่อ
ว่าเราเข้าอยู่แล้ว อุโบสถประกอบด้วยองค์ที่ ๘ นี้ ดูกรโพชฌา อุโบสถอัน
ประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ บุคคลเข้าอยู่แล้วอย่างนี้แล จึงมีผลมาก มีอานิสงส์
มาก มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก ฯ
อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ บุคคลเข้าอยู่แล้ว มีผลมาก มี
อานิสงส์มาก มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมากเพียงไร ดูกรโพชฌา
เปรียบเหมือนพระราชาที่เสวยราชย์ดำรงอิสรภาพและอธิปไตยในชนบทใหญ่ ๑๖ รัฐ
มีรัตนะ ๗ ประการ มากมายเหล่านี้ คือ อังคะ มคธะ กาสี โกศล
วัชชี มัลละ เจดีย์ วังสะ กุรุ ปัญจาละ มัจฉะ สุระเสนะ อัสสกะ
อวันตี คันธาระ กัมโพชะ การเสวยราชย์ดำรงอิสรภาพและอธิปไตยของ พระ
ราชานั้น ไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งอุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ ข้อนั้น
เพราะเหตุไร ดูกรโพชฌา เพราะราชสมบัติมนุษย์ เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อ
เทียบกับสุขอันเป็นทิพย์ ดูกรโพชฌา ๕๐ ปีมนุษย์เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดา
ชั้นจาตุมมหาราช ๓๐ ราตรี โดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้น
เป็นปีหนึ่ง ๕๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นจาตุมมหาราช
ดูกรโพชฌา ข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม เข้าอยู่
อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความเป็นสหาย
แห่งเทวดาชั้นจาตุมมหาราช นี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรโพชฌา เราหมายเอาข้อ
นี้จึงกล่าวว่า ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือนของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอัน
เป็นทิพย์ ฯ
ดูกรโพชฌา ๑๐๐ ปีมนุษย์ ฯลฯ
ดูกรโพชฌา ๒๐๐ ปีมนุษย์ ฯลฯ
ดูกรโพชฌา ๔๐๐ ปีมนุษย์ ฯลฯ
ดูกรโพชฌา ๘๐๐ ปีมนุษย์ ฯลฯ
ดูกรโพชฌา ๑,๖๐๐ ปีมนุษย์ เป็นคืนวันหนึ่งของเทวดาชั้นปรนิม-
*มิตวสวัตตี ๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง
๑๖,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ดูกร
โพชฌา ข้อที่บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม เข้าอยู่อุโบสถอัน
ประกอบด้วยองค์ ๘ ประการแล้ว เมื่อตายไป พึงเข้าถึงความเป็นสหาย แห่ง
เทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี นี้เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรโพชฌา เราหมายเอาข้อนี้
จึงกล่าวว่า ราชสมบัติมนุษย์เป็นเหมือน ของคนกำพร้า เมื่อเทียบกับสุขอัน
เป็นทิพย์ ฯ
บุคคลไม่พึงฆ่าสัตว์ ไม่พึงถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ให้ พึง
เว้นจากเมถุนธรรม อันมิใช่ความประพฤติของพรหม ไม่พึง
พูดเท็จ ไม่พึงดื่มน้ำเมา ไม่พึงบริโภคอาหารในเวลาวิกาล
ในราตรี ไม่พึงทัดทรงดอกไม้และของหอม พึงนอนบนเตียง
บนแผ่นดิน หรือบนเครื่องลาดด้วยหญ้า บัณฑิตทั้งหลายกล่าว
อุโบสถ ๘ ประการนี้แลที่พระพุทธเจ้าผู้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ทรง
ประกาศแล้ว พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสองส่องแสง
สว่างไสว ย่อมโคจรไปตามวิถีเพียงไร ลอยอยู่บนอากาศ
ส่องแสงสว่างทั่วทุกทิศในท้องฟ้า ทรัพย์ใดอันมีอยู่ใน
ระหว่างนี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์
อย่างดี หรือทองมีสีสุกใส ที่เรียกกันว่า หตกะ พระ
จันทร์พระอาทิตย์และทรัพย์นั้นๆ ก็ยังไม่ถึงแม้เสี้ยวที่ ๑๖
แห่งอุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ เปรียบเหมือน
รัศมีพระจันทร์ข่มหมู่ดวงดาวทั้งหมด ฉะนั้น เพราะฉะนั้น
แหละ หญิงหรือชายผู้มีศีล เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วย
องค์ ๘ ประการแล้ว กระทำบุญมีสุขเป็นกำไร ไม่มีใคร
ติเตียนย่อมเข้าถึงสวรรค์ ฯ
จบสูตรที่ ๕
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ บรรทัดที่ ๕๔๓๓-๕๕๐๓ หน้าที่ ๒๓๕-๒๓๘.
https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=23&A=5433&Z=5503&pagebreak=0
https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=23&A=5433&pagebreak=0
ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [คลิกเพื่อฟัง]
อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :-
https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=23&siri=118
ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :-
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=135
พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :-
https://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=23&A=5671
The Pali Tipitaka in Roman :-
https://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=23&A=5671
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓
https://84000.org/tipitaka/read/?index_23
อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :-
https://84000.org/tipitaka/english/metta.lk/23i131-e.php#sutta5
https://suttacentral.net/an8.45/en/sujato
https://suttacentral.net/an8.45/en/bodhi
บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖.
บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙.
บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐.
การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง.
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]
