223 วิธีเรียนหนังสือเก่ง
ปัญหา ในการเรียนวิชาต่างๆ ทำไม บางที่จึงเข้าใจง่ายจำได้ดี
ทำไมบางทีจึงเข้าใจยาก จำได้ยาก ทั้งๆ ที่เรื่องที่เรียนนั้นมีความยากง่ายพอๆ กัน?
พุทธดำรัสตอบ ....เมื่อใด บุคคลมีจิตอันกามราคะครอบงำแล้ว
และไม่รู้ธรรมเป็นเครื่องสลัดกามราคะที่บังเกิดขึ้นแล้ว
เมื่อนั้น.... มนต์ทั้งหลายแม้ที่เขาได้ท่องสาธยายไว้แล้วตลอดกาลนาน
ก็ไม่แจ่มแจ้งอยู่ได้...เหมือนพื้นน้ำที่ระคนด้วยครั่งก็ดี
ด้วยขมิ้นก็ดี ด้วยครามก็ดี ด้วยฝางก็ดี บุรุษผู้มีจักษุพิจารณาดูเงาหน้าของตนในน้ำนั้น
ก็ไม่พึงรู้ไม่พึงเห็นเงาหน้าของตนตามความเป็นจริงได้
เมื่อใดบุคคลมีจิตอันพยาบาท (ความมุ่งร้าย) รุมครอบงำอยู่
แลไม่รู้ธรรมเป็นเครื่องสลัดพยาบาทที่เกิดขึ้นแล้ว เมื่อนั้น
.... มนต์ทั้งหลายแม้ที่เขาได้ท่องสาธยายไว้แล้วตลอดกาลนาน
ก็ไม่แจ่มแจ้งอยู่ได้เหมือนพื้นน้ำที่ร้อนจัดด้วยไฟเดือดพล่านแล้ว
บุรุษผู้มีจักษุพิจารณาดูเงาหน้าของตนในน้ำนั้น ก็ไม่พึงรู้ไม่พึงเห็นเงาหน้าของตนตามความเป็นจริงได้
เมื่อใดบุคคลมีจิตอันถีนมิทธะ (ความง่วงเหงาเคลิบเคลิ้ม)
รุมครอบงำอยู่ แลไม่รู้ธรรมเป็นเครื่องสลัดถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้ว
เมื่อนั้น .... มนต์ทั้งหลายแม้ที่เขาได้ท่องสาธยายไว้แล้วตลอดกาลนาน
ก็ไม่แจ่มแจ้งอยู่ได้เหมือนพื้นน้ำสาหร่ายแลแหนปกคลุม แล้วบุรุษผู้มีจักษุพิจารณาดูเงาหน้าของตนในน้ำนั้น
ก็ไม่พึงรู้ไม่พึงเห็นเงาหน้าของตนตามความเป็นจริงได้
เมื่อใดบุคคลมีจิตอันอุทธัจจกุกกุจจะ (ความฟุ้งซ่านรำคาญ)
รุมครอบงำอยู่ แลไม่รู้ธรรมเป็นเครื่องสลัดอุทธัจจกุกกุจจะ
ที่เกิดขึ้นแล้ว เมื่อนั้น .... มนต์ทั้งหลายแม้ที่เขาได้ท่องสาธยายไว้แล้วตลอดกาลนาน
ก็ไม่แจ่มแจ้งอยู่ได้เหมือนพื้นน้ำที่ลมพัดไหวกระเพื่อมเป็นระลอกแล้ว
บุรุษผู้มีจักษุพิจารณาดูเงาหน้าของตนในน้ำนั้น ก็ไม่พึงรู้ไม่พึงเห็นเงาหน้าของตนตามความเป็นจริงได้
เมื่อใดบุคคลมีจิตอันวิจิกิจฉา (ความเคลือบแคลงสงสัย)
รุมครอบงำอยู่ แลไม่รู้ธรรมเป็นเครื่องสลัดวิจิกิจฉาที่เกิดขึ้นแล้ว
เมื่อนั้น .... มนต์ทั้งหลายแม้ที่เขาได้ท่องสาธยายไว้แล้วตลอดกาลนาน
ก็ไม่แจ่มแจ้งอยู่ได้เหมือนพื้นน้ำที่ขุ่นมัวเป็นตม อันเขาตั้งไว้แล้วในที่มืด
บุรุษผู้มีจักษุพิจารณาดูเงาหน้าของตนในน้ำนั้น ก็ไม่พึงรู้ไม่พึงเห็นเงาหน้าของตนตามความเป็นจริงได้
เมื่อใดบุคคลมีจิตอันกามราคะไม่รุมครอบงำแล้ว แลรู้ธรรมเป็นเครื่องสลัดกามราคะที่เกิดขึ้นแล้ว
มีจิตอันพยาบาทไม่รุมครอบงำแล้ว แลย่อมรู้ธรรมเป็นเครื่องสลัดพยาบาทที่เกิดขึ้นแล้ว
มีจิตอันถีนมิทธะไม่รุมครอบงำ รู้ธรรมเป็นเครื่องสลัดถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้ว
มีจิตอันอุทธัจจกุกกุจจะไม่รุมครอบงำแล้ว แลรู้ธรรมเป็นเครื่องสลัดอุทธัจจกุกกุจจะ
ที่เกิดขึ้นแล้ว มีจิตอันวิจิกิจฉาไม่รุมครอบงำแล้ว แลรู้ธรรมเป็นเครื่องสลัดวิจิกิจฉาที่เกิดขึ้นแล้ว
เมื่อนั้น มนต์ทั้งหลายแม้ที่เขาไม่ได้ท่องสาธยายไว้ตลอดกาลนาน
ก็แจ่มแจ้งอยู่ได้ จะกล่าวอะไรถึงมนต์ทั้งหลายที่เขาได้ท่องสาธยายไว้เล่า...
เหมือนพื้นน้ำที่ไม่ระคนด้วยครั้งก็ดี ด้วยขมิ้นก็ดี ด้วยครามก็ดี
ด้วยฝางก็ดี เหมือนพื้นน้ำที่ไม่ร้อนจัดด้วยไฟ ไม่เดือนพล่านแล้ว....เหมือนพื้นน้ำที่ไม่มีสาหร่ายและแหนปกคลุมแล้ว....
เหมือนพื้นน้ำที่ลมพัดไหวกระเพื่อมไม่เป็นระลอกแล้ว.....
เหมือนพื้นน้ำที่ใสสะอาดไม่ขุ่นมัว อันเขาตั้งไว้ในที่ส่งว่า
บุรุษผู้มีจักษุพิจารณาดูเงาหน้าของตนในน้ำนั้น ก็พึงรู้พึงเห็นเงาหน้าของตนตามความเป็นจริงได้
สังคารวสูตร ป. อํ. (๑๙๓)
ตบ. ๒๑ : ๒๕๗-๒๖๒ ตท. ๒๑ : ๒๓๕-๒๔๐
ตอ. G.S. III : ๑๖๘-๑๗๑
<หน้าก่อน<<<
สารบัญ >>>หน้าถัดไป>
::
อธิบายอักษรย่อแหล่งอ้างอิง ::
:: ค้นหาความหมายของศัพท์ จากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ::