บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อรรถกถาวรรคที่ ๒ ในบทว่า อนฺตํ เป็นต้น มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ ชื่อว่าอันตะ เพราะไม่มีความยินดีด้วยอำนาจตัณหา. ชื่อว่าอนาสวะ เพราะไม่มีอาสวะ ๔. ชื่อว่าสัจจะ เพราะเป็นปรมัตถสัจจะ. ชื่อว่าปาระ เพราะอรรถว่าเป็นส่วนนอกจากวัฏฏะ คือฝั่งโน้นหมายถึงวิวัฏฏะ. ชื่อว่านิปุณะ เพราะอรรถว่าละเอียด. ชื่อว่าสุทุททสะ เพราะเป็นธรรมที่เห็นได้แสนยาก. ชื่อว่าอชัชชระ เพราะไม่คร่ำคร่าด้วยชรา. ชื่อว่าธุวะ เพราะอรรถว่ามั่นคง. ชื่อว่าอปโลกินะ เพราะเป็นธรรมไม่บุบสลาย. ชื่อว่าอนิทัสสนะ เพราะใครๆ ไม่พึงเห็นได้ด้วยจักษุวิญญาณ. ชื่อว่านิปปปัญจะ เพราะไม่มีกิเลสเครื่องเนิ่นช้าคือตัณหามานะและทิฏฐิ ชื่อว่าสันตะ เพราะอรรถว่าเป็นสภาวะ. ชื่อว่าอมตะ เพราะไม่มีความตาย. ชื่อว่าประณีต เพราะอรรถว่าสูงสุด. ชื่อว่าสิวะ เพราะอรรถว่ามีความเยือกเย็น. ชื่อว่าเขมะ เพราะปราศจากอันตราย. ชื่อว่าตัณหักขยะ เพราะเป็นปัจจัยให้สิ้นตัณหา. ชื่อว่าอัจฉริยะ เพราะควรปรบมือให้ เพราะอรรถว่าตั้งมั่นมาแต่สมาธิ. เรื่องที่ไม่เคยมีเคยเป็นนั่นแหละ ชื่อว่าอัพภูตะ ควรจะกล่าวว่า ไม่เกิดแล้วมีอยู่. ชื่อว่าอนีติกะ เพราะปราศจากทุกข์. ชื่อว่าอนีติกธรรมะ เพราะเป็นธรรมปราศจากทุกข์ เป็นสภาวะ. ชื่อว่านิพพาน เพราะไม่มีตัณหาเครื่องร้อยรัด. ชื่อว่าอัพยาปัชฌะ เพราะไม่มีความเบียดเบียน. ชื่อว่าวิราคะ โดยเป็นปัจจัยแก่การบรรลุธรรมเครื่องคลายกำหนัด. ชื่อว่าสุทธิ เพราะเป็นธรรมบริสุทธิ์โดยปรมัตถ์. ชื่อว่ามุตติ เพราะเป็นธรรมพ้นจากภพ ๓. ชื่อว่าอนาลยะ เพราะไม่มีอาลัย ชื่อว่าทีปะ เพราะอรรถว่าเป็นที่พึ่ง. ชื่อว่าเลณะ เพราะอรรถว่าควรที่จะพัก. ชื่อว่าตาณะ เพราะอรรถว่าเป็นที่ต้านทาน. ชื่อว่าสรณะ เพราะอรรถว่ากำจัดภัย. อธิบายว่า ทำภัยให้พินาศ. ชื่อว่าปรายนะ เพราะเป็นที่ดำเนินไป เป็นที่ไป เป็นที่พึ่งอาศัยเบื้องหน้า. บทที่เหลือในที่นี้ มีนัยดังกล่าวแล้วนั่นเอง ดังนี้แล. จบอรรถกถาวรรคที่ ๒ จบอรรถกถาสังขตสังยุต ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค อสังขตสังยุตต์ วรรคที่ ๒ จบ. |