บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อปทานของท่านพระทัพพมัลลปุตตเถระ อันมีคำเริ่มต้นว่า ปทุมมุตฺตโร นาม ชิโน ดังนี้. แม้พระเถระรูปนี้ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระพุทธ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ท่านได้เกิดเป็นบุตรเศรษฐี ได้เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยสมบัติ เขาเลื่อมใสในพระศาสดา กำลังฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาอยู่ได้มองเห็นภิกษุรูปหนึ่งผู้ซึ่งพระศาสดาทรงสถาปนาไว้ในตำแหน่งที่เลิศกว่าภิกษุผู้จัดแจงเสนาสนะแล้ว มีใจเลื่อมใส นิมนต์ภิกษุสงฆ์มีพระ แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบถึงความสำเร็จของเขาจึงได้ตรัสพยากรณ์แล้ว. เขาได้บำเพ็ญกุศลกรรมจนตลอดชีวิตแล้วจิตจากอัตภาพนั้น ได้เสวยทิพยสมบัติในหมู่เทวดาชั้นดุสิตเป็นต้น แล้วจุติจากอัตภาพนั้น ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี เขาได้บังเกิดในตระกูลแห่งหนึ่ง เพราะได้คบหา ในกาลแห่งพระกัสสปทศพล เขาได้บังเกิดในเรือนอันมีสกุล ในกาลที่สุดบวชแล้วในพระศาสนา เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว ความโกลาหลอลหม่านก็ได้เกิดขึ้นในสกลโลก. ภิกษุ ๗ รูปเป็นบรรพชิตขึ้นไปยังภูเขาลูกหนึ่งในท่าม หัวหน้าพระเถระผู้ให้โอวาทแก่ภิกษุเหล่านั้น ภายใน ๗ วันก็ได้เป็นพระอรหันต์. พระเถระที่รองลงมาจากพระเถระนั้น ได้เป็นพระอนาคามี. พระเถระอีก ๕ รูปนอกนี้เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ จุติจากอัตภาพนั้นแล้วไปบังเกิด ในพุทธุปบาทกาลนี้ ภิกษุ ๔ รูปเหล่านี้คือ ปุกกุสาติ ๑ สภิยะ ๑ พาหิยะ ๑ กุมารกัสสปะ ๑ ได้บังเกิดแล้วในที่นั้น. ส่วนพระเถระนี้ได้บังเกิดใน มารดาได้กระทำกาละเสีย ในระหว่างที่ทารกนั้นยังมิทันได้ออกจากท้องมารดาแล. ลำดับนั้น บุคคลหนึ่งจึงให้ช่วยกันยกร่างของนางขึ้นวางบนจิตกาธาน เพื่อทำการฌาปนกิจ แล้วได้ช่วยกันรับประคับประคองกุมารซึ่งตกลงมาในระหว่างกองไม้ไว้. ดังนั้น พระเถระนี้จึงได้ปรากฏชื่อว่า ทัพพมัลลบุตร เพราะตกลงมาที่กองไม้. ในกาลต่อมา ด้วยอำนาจบุญสมภารที่ทำไว้ในปางก่อน ท่านจึงได้บวชแล้วประกอบความเพียร ลำดับนั้น พระศาสดาจึงทรงมอบหมายท่านไว้ในตำแหน่งจัดเสนาสนะ และในตำแหน่งจัดแจงเรื่องภัตรแก่ภิกษุทั้งหลาย เพราะว่าท่านวางตนเป็นกลาง และเพราะท่านมีอานุภาพสมบูรณ์ และพระภิกษุสงฆ์ทั้งหมดก็พร้อมกันยกย่องท่าน อันว่าเรื่องนั้นได้มาแล้วในวินัยขันธกะนั่นแล. ในกาลต่อมา พระเถระได้เจาะจงสลากภัตรของท่านผู้ให้สลากอันประเสริฐคนหนึ่ง แก่พวกภิกษุเมตติยภูมชกะ. พวกภิกษุเหล่านั้นร่าเริงดีใจ พูดกันว่า พรุ่งนี้พวกเราจักบริโภคภัตรที่เจือด้วยถั่วเขียวเนยใสและน้ำผึ้งของเรา ดังนี้แล้วจึงได้มีความอุตสาหะ. ฝ่ายอุบาสกนั้นทราบว่าถึงวาระของภิกษุเหล่านั้นจึงสั่งนางทาสีว่า แน่ะแม่ พรุ่งนี้ภิกษุเหล่าใดจักมาถึงในที่นี้ เจ้าจงอังคาสภิกษุเหล่านั้นด้วยข้าวปลายเกรียน มีน้ำผักดองเป็นที่ ๒. แม้ทาสีนั้นก็ได้นิมนต์ให้ภิกษุเหล่านั้นผู้มาถึงแล้วให้นั่ง ณ ที่มุมซุ้มประตู นิมนต์ท่านบริโภคแล้วอย่างที่นายสั่งนั้นแล. ภิกษุเหล่านั้นไม่พอใจ เดือดดาลอยู่ด้วยความโกรธ ผูกอาฆาตในพระเถระพูดติเตียนว่า พระเถระรูปนี้นี่แหละที่ใช้ให้ทายกผู้ให้ ภัตรอันอร่อย สั่งให้ให้ภัตรอันไม่อร่อยแก่พวกเรา จึงมีความทุกข์ เศร้าใจ นั่งแล้ว. ลำดับนั้น นางภิกษุณีชื่อว่าเมตติยาจึงถามภิกษุเหล่านั้นว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ท่านมีความทุกข์ใจเรื่องอะไร? ภิกษุเหล่านั้นพูดว่า น้องหญิง! เรื่องอะไรพวกเราจึงมาถูกพระทัพพมัลลบุตรเบียดเบียน คอยเพ่งโทษ. นางภิกษุณีจึงถามว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ มีเรื่องอะไรที่ดิฉันพอสามารถจะช่วยทำได้ไหม? ภิกษุเหล่านั้นพูดว่า เธอจงยกโทษของพระทัพพมัลลบุตรนั้นขึ้นเถิด. นางภิกษุณีนั้นจึงได้กระทำการกล่าวตู่ยกโทษแก่พระเถระในเรื่องนั้นๆ. ภิกษุทั้งหลายได้สดับเรื่องนั้นแล้ว จึงกราบทูลให้พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงทราบ. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงรับสั่งเรียกหาพระ พระทัพพมัลลบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมทรงทราบว่าข้าพระองค์เป็นอย่างไร. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ทัพพะ พวกทัพพมัลลบุตรทั้งหลายย่อมไม่อธิบายอย่างนั้นแล เธอจงบอกมาว่า เป็นผู้กระทำหรือว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำ. พระทัพพมัลลบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่ได้เป็นผู้กระทำ พระเจ้าข้า. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า พวกเธอจงประกอบภิกษุเหล่านั้นให้เมตติยาภิกษุณีพินาศเสีย. ภิกษุทั้งหลายมีพระอุบาลีเถระเป็นประธาน จึงสั่งให้นางภิกษุณีนั้นสึกเสียแล้ว ซักถามพวกภิกษุ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงบัญญัติอาบัติสังฆาทิเสสในเพราะกล่าวตู่เรื่องอันไม่มีมูลแก่พวก ก็โดยสมัยนั้นแล พระทัพพเถระเมื่อจะจัดแจงเสนาสนะสำหรับพวกภิกษุ คือเมื่อจะส่งพวกภิกษุผู้ที่เสมอกันไปในพระ เมื่อหน้าที่จัดแจงเสนาสนะและหน้าที่จัดแจงเรื่องภัตรของพระเถระเกิดปรากฏแล้วอย่างนั้น พระศาสดาเมื่อจะทรงแต่งตั้งพระทัพพเถระไว้ใน พระเถระระลึกถึงบุรพกรรมของตน เกิดความโสมนัสใจ เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนได้เคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า ปทุ ถ้อยคำนั้นทั้งหมดมีเนื้อความดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังนั่นแล. เชื่อมความว่าในกัปที่ ๙๑ แต่นี้ไป พระผู้นำของชาวโลกพระนามว่าวิปัสสีทรงได้อุบัติขึ้นแล้วในโลกแล. บทว่า ทุฏฺฐจิตฺโต ความว่า ผู้มีจิตอันโทษประทุษร้ายแล้ว คือผู้มีจิตไม่ บทว่า อุปวทึ สาวกํ ตสฺส ความว่า เราได้ให้ร้ายพระสาวกที่เป็นพระขีณาสพ ของ บทว่า ทุนฺทุภิโย ความว่า เภรีท่านเรียกว่าทุนทุภิ กลองมโหระทึกเพราะเปล่งเสียงว่า ทุง ทุง ดังนี้. บทว่า นายึสุ แปลว่า เปล่งเสียงดัง. บทว่า สมนฺตโต อสนิโย เชื่อมความว่า ประกอบลงแล้วในหิน คือให้พินาศไปโดย รวมความว่า สายฟ้าอาชญาของเทวดาอันนำมาซึ่งความหวาดกลัวได้ผ่าแล้ว. บทว่า อุกฺกา ปตึสุ นภสา ความว่า ก็กองไฟได้ตกลงแล้วจากอากาศ. บทว่า ธุมเกตุ จ ทิสฺสติ ความว่า และกองไฟอันประกอบด้วยกลุ่มควัน ย่อมปรากฏชัดเจน. คำที่เหลือมีเนื้อความพอที่จะกำหนดได้โดยง่ายทีเดียวแล. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ ๕๔. กัจจายวรรค ๔. ทัพพมัลลปุตตเถราปทาน จบ. |