ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก  หนังสือธรรมะ
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
มิลินทปัญหา
โลมกัสสปปัญหา ที่ ๔
             ราช อาห สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทรมหากษัตริย์มีพระราชโองการตรัสถามปัญหา อื่นสืบไปเล่าว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้าอันประกอบด้วยวรปรีชา สมเด็จ พระบรมโลกนาถศาสดาจารย์ มีพระพุทธฎีกาว่าดังนี้ ภิกฺขเว ดูรานะภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย เมื่อ ตถาคตยังขวนขวายสร้างพระบารมี พระบารมียังอ่อนอยู่นั้น ได้เสวยพระชาติเป็นมนุษย์เป็นอวิ- เหธกชาติ มิได้เบียดเบียนฆ่าตีซึ่งสัตว์ทั้งหลาย ตกว่าพระพุทธฎีกาตรัสประภาษเป็นคำขาดฉะนี้ ก็เมื่อชาติเป็นดาบสมีนามปรากฏว่าพระโลมกัสสปดาบสนั้น ทำไมจึงฆ่าเสียซึ่งสัตว์เป็นอันมาก ครั้งเมื่อได้นางจันทวดีนั้น ใช้คนทั้งหลายให้ฆ่าสัตว์เป็นอันมากบูชายัญ นี่แหละพระพุทธฎีกา ของสมเด็จพระสัพพัญญูเจ้ามิเป็นสองหรือ จะเชื่อเอาคำเดิม คำภายหลังก็จะผิด ครั้นจะเชื่อคำ ภายหลัง คำเดิมก็จะผิด อยํ ปญฺโห ปริศนานี้ อุภโต โกฏิโก ประกอบความเป็นสองเงื่อนลึกล้ำ คัมภีรภาพนักหนา นิมนต์ผู้เป็นเจ้าวิสัชนาให้สิ้นสงสัย ณ กาลบัดนี้.              พระนาคเสนผู้ปรีชาเฉลิมปราชญ์ จึงสนองพระราชโองการว่า มหาราช ขอถวายพระ พรบพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐ อันพระพุทธฎีกาของสมเด็จพระสัพพัญญูเจ้าจะเป็นสอง หามิได้เลย ที่ว่าพระบรมโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระโลมกัสสปดาบสได้ฆ่าสัตว์บูชายัญนั้น บูชาด้วยอำนาจราคะรักใคร่หลงใหลในนางจันทวดี หาได้มีเจตนาอาฆาตคิดแกล้งฆ่าสัตว์ให้ตายไม่              พระเจ้ามิลินท์ปิ่นนราธิปไตย จึงมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระ นาคเสนผู้ปรีชา อันว่าลักษณะที่บุคคลจะพึงฆ่าสัตว์นั้นมี ๘ ประการ คือฆ่าด้วยสามารถราคะ ประการ ๑ ฆ่าด้วยสามารถโทสะประการ ๑ ฆ่าด้วยสามารถโมหะประการ ๑ ฆ่าด้วยสามารถ มานะประการ ๑ ฆ่าด้วยสามารถแห่งโลภะประการ ๑ ฆ่าด้วยต้องการเลี้ยงชีวิตประการ ๑ ฆ่า ด้วยพาลไม่มีปัญญาพิจารณาเห็นซึ่งบาปบุญคุณและโทษประการ ๑ ฆ่าด้วยสามารถแห่ง วินัยประการ ๑ เป็นลักษณะ ๘ ประการด้วยกันดังนี้ ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชา พระบรมโพธิสัตว์ได้ฆ่าสัตว์กระทำการบูชายัญเป็นปกติอยู่มิใช่หรือ              พระนาคเสนจึงมีเถรวาจาถวายพระพรว่า มหาราช ดูรานะบพิตรผู้ประเสริฐ พระบรม โพธิสัตว์จะได้ฆ่าสัตว์ทำการบูชายัญเป็นปกติอยู่หามิได้ ถ้าพระองค์พึงน้อมใจไป เป็นปกติด้วยไม่มีปัญญาไซร้ พระองค์จะไม่พึงกล่าวคาถานี้ไว้ว่า                           สสมุทฺทปริยายํ มหึ สาครกุณฺฑลํ                           น อิจฺเฉ สห นินฺทาย เอวํ เสยฺห วิชานาหิ ดังนี้              กระแสความในคาถานี้ว่า บุคคลไม่พึงปรารถนาแผ่นดินมีสมุทรเป็นขอบเขต มีสาคร เป็นกุณฑล พร้อมด้วยนินทา ดูกรท่านเสยหะท่านพึงรู้ตามที่ได้กล่าวมานี้ มหาราช ดูรานะ บพิตรผู้ประเสริฐ พระบรมโพธิสัตว์เมื่อเสวยพระชาติเป็นพระโลมกัสสปได้มีวาทะกล่าวไว้ดังนี้ แต่พอเห็นนางจันทวดีก็มีราคะบังเกิดร้อนรนป่วนปั่น มีความเข้าใจหมายผิดจิตฟุ้งซ่าน รีบร้อนจัดการฆ่าสัตว์บูชายัญ เปรียบปานดังคนบ้า ยถา มหาราช ขอถวายพระพร ธรรม ดาว่าคนเป็นบ้า ถึงมาตรว่ากองอัคคีจะลุกเป็นถ่านโพลงอยู่ก็ดี ก็อาจสามารถที่จะลุยย่ำเหยียบ เข้าไปได้โดยไม่มีจิตจะคิดกลัว กุปฺปิตํ อาสีวิสํ ถึงแม้หากว่า ชาติอสรพิษจะกำเริบร้าย ก็ไม่รู้กลัว จะรู้ว่าตัวจะตายวายชีวิตก็หามิได้ อาจจับตัวอสรพิษนั้นได้ไม่สะทกสะท้าน หตฺถึปิ มตฺตกํ คชสารที่เมามัน บุคคลเป็นบ้าเสียอารมณ์นั้นก็อาจเข้าไปจับขับขี่ได้ สมุทฺทํ อตีรทสฺสึ ถึง มหาสมุทรใหญ่แลไม่เห็นฝั่ง คนคลั่งเป็นบ้าก็อาจสามารถที่จะวิ่งลงไป จณฺฑานิกํป ถึงว่าสัตว์ที่ ร้ายเป็นต้นว่ากระบือเถื่อนเสือช้างแรดร้ายราวีเป็นต้น บุคคลเป็นบ้านั้น อาจสามารถที่จะเข้า ไปจับได้ถึงตัว จะรู้จักกลัวหามิได้เป็นอันขาด อาจบุกรุกไม่รอรั้ง กณฺฑกํ อภิรูหติ ถึงมาตร ว่าต้นไม้อันประกอบด้วยหนามก็บุกเข้าไปได้ ไม่นึกคร้ามว่าหนามจะยอก ปพฺพตาปิ ปตฺนติ ภูเขาอันสูงเทียมเมฆา คนบ้าก็อาจสามารถที่จะโจนได้ อสุจึ ภกฺเขติ ไม่เกลียดอสุจิ อาจ สามารถจะเอามาบริโภคได้ นคฺโค ไม่มีอายกายเปลือย รฏฺฐิยา จรติ เดินเที่ยวอยู่ตาม ถนนในพระนคร ขอถวายพระพร อุมฺมตฺตโก ธรรมดาว่าบ้าแล้วย่อมกระทำเสียกิริยามากกว่า ร้อย ความนี้แหละเปรียบฉันใดก็ดี พระโลมกัสสปฤๅษีนี้ เมื่อเห็นรูปโฉมนางจันทวดีคราวนั้นก็ ป่วนปั่น เป็นบ้าไป จึงฆ่าสัตว์บูชายัญเพราะเป็นบ้า มีครุวนาเหมือนว่ามานั้น มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร อุมฺมตฺตโก ธรรมดาว่าคนบ้าพิกลจริตจะกระทำความผิด เป็นโทษหลวง ควรที่ผู้พิพากษาทั้งปวงจะปรึกษาให้มีอาญาโดยมากน้อยประการใด              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระ นาคเสนผู้ประกอบด้วยปรีชาญาณ คนบ้าพิกลจริตกระทำผิดเป็นโทษหลวง โทษจะถึงฆ่าเสียก็ มิให้ฆ่า ให้ตีบ้านั้นให้เข็ดแล้วให้ปล่อยไป              พระนาคเสนผู้เฉลิมปราชญ์จึงถวายพระพรว่า คนบ้ามิได้ปรึกษาลงอาญาโทษหลวงให้ มาก ยถา ฉันใด พระบรมโพธิสัตว์เสียจริตฆ่าชีวิตสัตว์ครั้งนั้น จะมีโทษมากหามิได้ สเตกิจฺโฉ พอเยียวยาได้ ครั้นพระโพธิสัตว์เจ้าหายบ้า มีใจเป็นปกติได้สติคืนมา ปุนเทว ปพฺพชิตฺวา กลับบวชใหม่จำเริญฌานสมาบัติไปก็ได้ซึ่งอภิญญา ๕ ประการ พฺรหฺมโลกูปโค ครั้นสิ้นสังขาร ถึงกาลกิริยาแล้วก็ได้ไปบังเกิดในพรหมโลก นี่แหละบพิตรพระราชสมภาร พึงทราบพระญาณ เถิดว่า ชาติที่พระบรมโพธิสัตว์เจ้าเกิดในโลกนั้น เป็นอวิเหธกชาติ มิได้กระทำปาณาติบาต เบียดเบียนสัตว์ทุกๆ ชาติ ตราบเท่าได้ตรัสสำเร็จแก่ปรมัตถะมิ่งมงกุฎเป็นองค์สัมมาสัมพุทธ- เจ้า ก็มีในกาลนั้น              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีได้ทรงพระสวนาการพระนาคเสนแก้ปัญหาก็ ซ้องสาธุการ ทรงรับตามที่พระนาคเสนถวายวิสัชนานั้นทุกประการ
โลมกัสสปปัญหา คำรบ ๔ จบเพียงนี้

             เนื้อความมิลินทปัญหา หน้าที่ ๓๕๑ - ๓๕๓. http://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=148              สารบัญมิลินทปัญหา http://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=0#item_148

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙ หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]