บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |||||
พระไตรปิฏกเล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต หน้าที่ ๒๓๔.
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต [๓. ตติยปัณณาสก์]
๕. ติกัณฑกีวรรค ๒. อารภติสูตร
บุคคลผู้เขลา หลงงมงาย เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่รู้กุศลธรรมและอกุศลธรรม ไม่รู้ธรรมที่มีโทษ และธรรมที่ไม่มีโทษ ไม่รู้ธรรมที่เลวและธรรมที่ประณีต ไม่รู้ธรรมดำและธรรมขาว๑- บุคคลผู้เขลาหลงงมงาย เป็นอย่างนี้แล ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๕ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลกอวชานาติสูตรที่ ๑ จบ ๒. อารภติสูตร ว่าด้วยบุคคลผู้ต้องอาบัติ [๑๔๒] ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๕ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก บุคคล ๕ จำพวกไหนบ้าง คือ ๑. บุคคลบางคนในธรรมวินัยนี้ต้องอาบัติ๒- มีวิปปฏิสาร (ความร้อนใจ) และไม่รู้ชัดเจโตวิมุตติ๓- ปัญญาวิมุตติอันเป็นที่ดับไม่เหลือแห่งบาป อกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วตามความเป็นจริง @เชิงอรรถ : @๑ ธรรมดำ หมายถึงกายทุจริตเป็นต้น ธรรมขาว หมายถึงกายสุจริตเป็นต้น (สํ.ม.อ. ๓/๓๑-๓๔/๑๙๖, @ขุ.ธ.อ. ๔/๕๑-๕๒) @๒ ต้องอาบัติ (อารภติ) ฎีกาอธิบายว่า อารมฺภ ศัพท์ มีความหมายหลายนัยดังนี้ คือ (๑) มีความหมายว่า @กรรม เช่น ประโยคว่า ยํ กิญฺจิ ทุกฺขํ สมฺโภติ สพฺพํ อารมฺภปจฺจยา แปลว่า ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่ง @เกิดขึ้น ทุกข์นั้นทั้งหมดย่อมเกิดขึ้นเพราะกรรมเป็นปัจจัย (ขุ.สุ. ๒๕/๗๕๐/๔๘๑) (๒) มีความหมายว่า @กิริยา เช่น ประโยคว่า มหารมฺภา มหายญฺญา น เต โหนฺติ มหปฺผลา แปลว่า มหายัญที่มีกิริยา @มากเหล่านั้น ย่อมไม่มีผลมาก (สํ.ส. ๑๕/๑๒๐/๙๒, องฺ.จตุกฺก. (แปล) ๒๑/๓๙/๖๔) (๓) มีความหมายว่า @เบียดเบียน เช่น ประโยคว่า สมณํ โคตมํ อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภนฺติ แปลว่า ย่อมเบียดเบียนสัตว์อุทิศ @พระสมณโคดม (ม.ม. ๑๓/๕๒/๓๔) (๔) มีความหมายว่า เพียร เช่น ประโยคว่า อารมฺภถ นิกฺขมถ, ยุญฺชถ @พุทฺธสาสเน แปลว่า ท่านทั้งหลายจงเพียร จงออก จงประกอบในพระพุทธศาสนา (สํ.ส. ๑๕/๑๘๕/๑๘๘) @(๕) มีความหมายว่า พราก เช่น ประโยคว่า พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฏิวิรโต โหติ แปลว่า เว้นขาด @จากการพรากพืชคาม และภูตคาม (ที.สี. (แปล) ๙/๑๐/๔, ม.มู. ๑๒/๒๙๓/๒๕๗) (๖) มีความหมายว่า @ต้องอาบัติ เช่น ประโยคว่า อารภติ จ วิปฺปฏิสารี จ โหติ แปลว่า บุคคลต้องอาบัติและมีวิปปฏิสาร @(องฺ.ปญฺจก. (แปล) ๒๒/๑๔๒/๒๓๔, อภิ.ปุ. (แปล) ๓๖/๑๙๑/๒๑๘) @เพราะฉะนั้นในที่นี้ จึงแปลว่า ต้องอาบัติ (องฺ.ปญฺจก.ฏีกา ๓/๑๔๒-๑๔๓/๕๙) @๓ เจโตวิมุตติ หมายถึงอรหัตตสมาธิ ปัญญาวิมุตติ หมายถึงอรหัตตผลญาณ (องฺ.ปญฺจก.อ. ๓/๑๔๒/๕๕) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๒ หน้า : ๒๓๔}
เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับ มจร. เล่มที่ ๒๒ หน้าที่ ๒๓๔. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/read_page.php?book=22&page=234&pages=1&edition=mcu ศึกษาพระสูตร (เนื้อความ) นี้แยกตามสารบัญ :- https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_read.php?B=22&A=6622 https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_line.php?B=22&A=6622#p234 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ 22 :- https://84000.org/tipitaka/read/?index_22 https://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu22 https://84000.org/tipitaka/english/?index_22
จบการแสดงผล หน้าที่ ๒๓๔.
บันทึก ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]