บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ได้ยินว่า ในกรุงราชคฤห์ มาณพชื่อว่ามาควิกะคนหนึ่ง แม้เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยสมบัติ ก็ละโภคสุข ออกเที่ยวล่าเนื้อตลอดทั้งคืนและวัน. อุบาสกคนหนึ่งผู้เป็นสหายของเธอ อาศัยความเอ็นดูจึงให้โอวาทว่า ดีละสหาย เธอจงงดเว้นจากปาณาติบาต เธออย่าได้มี เพื่อสิ่งอันมิใช่ประโยชน์ เพื่อทุกข์ตลอดกาลนานเลย. เธอหาได้เอื้อเฟื้อโอวาทนั้นไม่. ลำดับนั้น อุบาสกนั้นจึงขอร้องพระขีณาสพเถระซึ่งเป็นที่เจริญใจแห่งตนรูปหนึ่งว่า ดีละ พระผู้เป็นเจ้า ขอท่านจงแสดงธรรมแก่บุรุษชื่อโน้น โดยประการที่เธอจะพึงงดเว้นจากปาณาติบาต. ภายหลังวันหนึ่ง พระเถระนั้นเที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ ได้หยุดยืนที่ประตูเรือนของเธอ. มาควิกะนั้นเห็นท่านแล้ว เกิดมีความนับถือมาก ต้อนรับให้เข้าไปสู่เรือน ได้ตกแต่งอาสนะถวาย. พระเถระนั่งบนอาสนะที่ตกแต่งไว้แล้ว. ฝ่ายมาณพนั้นก็เข้าไปหาพระเถระนั่งแล้ว. พระเถระประกาศโทษในปาณาติบาต และอานิสงส์ในการงดเว้นจากปาณาติบาตนั้นแก่เธอ. เธอแม้ฟังดังนั้นแล้ว ก็ไม่ปรารถนาจะงดเว้นจากปาณาติบาตนั้น. ลำดับนั้น พระเถระจึงกล่าวกะเธอว่า คุณ ถ้าคุณไม่สามารถจะงดเว้นโดยประการทั้งปวงได้ไซร้ อันดับแรก เธอก็จงงดเว้นแม้ในกลางคืนเถอะ. เธอรับคำแล้วว่าจะงดเว้นในเวลากลางคืน แล้วจึงงดเว้นจากปาณาติบาตนั้น. คำที่เหลือ เช่นกับเรื่องที่ติดกันนั่นแล. ก็ในบรรดาคาถา พระนารทเถระได้สอบถามเธอด้วยคาถา ๓ คาถาว่า :- ท่านรื่นรมย์อยู่ในเรือนยอดและปราสาท บนบัลลังก์อันปูลาดด้วยผ้าขนสัตว์ ด้วยดนตรีเครื่อง ๕ อันบุคคลประโคมแล้ว ภายหลังเมื่อสิ้นราตรี พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ท่านเข้าไปเสวยทุกข์เป็นอันมากอยู่ในป่าช้า ท่านทำกรรมชั่วอะไรไว้ด้วยกายวาจาใจ หรือเพราะวิบากแห่งกรรมอะไร ท่านจึงได้เสวยทุกข์เช่นนี้. ลำดับนั้น เปรตจึงบอกเนื้อความนั้นแก่ท่านด้วยคาถาว่า :- เมื่อก่อนกระผมเป็นพรานเนื้อ อยู่ที่กรุงราชคฤห์อันน่ารื่นรมย์มีภูเขาล้อมรอบ (เบญจคีรีนคร) เป็นคนหยาบช้าทารุณ ไม่สำรวมกายวาจาใจ. อุบาสกคนหนึ่งผู้เป็นสหายของผม เป็นคนใจดี มีศรัทธา มีภิกษุผู้คุ้นเคยของเขาเป็นสาวกของพระโคดม แม้อุบาสกนั้นเอ็นดูกระผม ห้ามกระผมเนืองๆ ว่า อย่าทำบาปกรรมเลย พ่อเอ๋ย อย่าไปทุคคติเลย ถ้าสหายปรารถนาความสุขในโลกหน้าจงงดเว้นจากการฆ่าสัตว์อันเป็นการไม่สำรวมเสียเถิด. กระผมฟังคำของสหายผู้หวังดี มีความอนุเคราะห์ด้วยประโยชน์นั้นแล้ว ไม่ทำตามคำสั่งสอนทั้งสิ้น เพราะกระผมเป็นคนไม่มีปัญญา ยินดียิ่งแล้วในบาปตลอดกาลนาน สหายผู้ กระผมจึงฆ่าสัตว์แต่เฉพาะกลางวัน กลางคืนเป็นผู้สำรวมงดเว้น เพราะฉะนั้น กลางคืนกระผมจึงได้รับความสุข กลางวันได้เสวยทุกข์ถูกสุนัขรุมกัดกิน คือกลางคืนได้เสวยทิพยสมบัติด้วยผลแห่งกุศลกรรมนั้น ส่วนกลางวันฝูงสุนัขมีจิตเดือดดาล พากันห้อมล้อมกัดกินกระผมรอบด้าน. ก็ชนเหล่าใดผู้มีความเพียรเนืองๆ บากบั่นมั่นในพระศาสนาของพระสุคตเจ้า กระผมเข้าใจว่า ชนเหล่านั้นจักได้บรรลุอมตบทอันปัจจัยอะไรๆ ปรุงแต่งไม่ได้อย่างแน่นอน. เนื้อความแห่งคาถานั้นมีนัยดังกล่าวแล้วในหนหลังแล. จบอรรถกถาทุติยมิคลุททกเปตวัตถุที่ ๘ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เปตวัตถุ จูฬวรรคที่ ๓ ๘. มิคลุททกเปตวัตถุที่ ๒ จบ. |