บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า เยเม ปุพฺเพ วิยากํสุ ในกาลก่อนพวกอาจารย์เหล่านี้พยากรณ์แล้ว คือในกาลก่อนพาวรีพราหมณ์เป็นต้นพยากรณ์ลัทธิของตนแก่ข้าพระองค์. บทว่า หุรํ โคตมสาสนา คือ ก่อนแต่ศาสนาของพระโคดม. บทว่า สพฺพนฺตํ ตกฺกวฑฺฒนํ คือ คำทั้งหมดนั้นเป็นเครื่องยังความวิตกมีกามวิตกเป็นต้นให้เจริญ. บทว่า เย จญฺเญ ตสฺส อาจริยา พราหมณ์พวกอื่นและอาจารย์ของพาวรีพราหมณ์ คือพราหมณ์พวกอื่นและอาจารย์ผู้ให้พาวรีพราหมณ์นั้นศึกษาถึงมารยาท. บทว่า เต สกํ ทิฏฺฐึ คือ อาจารย์เหล่านั้นบอกถึงทิฏฐิของตนๆ. บทว่า สกํ ขนฺตึ คือ ความอดทนของตน. บทว่า สกํ รุจึ คือ ความชอบใจของตน. บทว่า วิตกฺกวฑฺฒนํ ยังความตรึกให้เจริญ คือยังวิตกมีกามวิตกเป็นต้นให้เกิดขึ้น คือให้เป็นไปบ่อยๆ . บทว่า สงฺกปฺปวฑฺฒนํ คือ ยังความดำริมีความดำริถึงกามเป็นต้นให้เจริญ. สองบทเหล่านี้ ท่านกล่าวรวมวิตกทั้งหมด. บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงแสดงถึงกามวิตกเป็นต้นโดยสรุป จึงทรงแสดงวิตกทั้งหลาย ๙ อย่างโดยนัยมีอาทิว่า กามวิตกฺก วฑฺฒนํ ยังกามวิตกให้เจริญ ดังนี้. บทว่า ตณฺหานิคฺฆาตนํ เป็นเครื่องกำจัดตัณหา คือยังตัณหาให้พินาศ. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงบอกธรรมนั้นแก่เหมกมาณพนั้น จึงตรัสสองคาถาว่า อิธ ดังนี้เป็นต้น. ในบทเหล่านั้น บทว่า เอตทญฺญาย เย สตา พระขีณาสพเหล่าใดรู้ทั่วถึงบทนิพพานนั้นแล้วเป็นผู้มีสติ คือพระขีณาสพเหล่าใดรู้เห็นแจ้งถึงบทนิพพานนั้น อันไม่จุติแล้วโดยนัยมีอาทิว่า สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยงดังนี้โดยลำดับ เป็นผู้มีสติด้วยกายานุปัสสนาสติปัฏฐานเป็นต้น. บทว่า ทิฏฺฐธมฺมาภินิพฺพุตา มีธรรมอันเห็นแล้วดับแล้ว คือ ชื่อว่ามีธรรมอันเห็นแล้ว เพราะเป็นผู้รู้แจ้งธรรม และชื่อว่าดับแล้ว เพราะดับกิเลสมีราคะเป็นต้น. บทที่เหลือในบททั้งปวงชัดดีแล้ว. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงพระสูตรแม้นี้ด้วยธรรมเป็นยอดคือพระอรหัตด้วยประการฉะนี้. อนึ่ง เมื่อจบเทศนา ได้มีผู้บรรลุธรรมเช่นกับที่กล่าวแล้วในก่อนนั่นแล. จบอรรถกถาเหมกมาณวกปัญหานิทเทสที่ ๘ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส ปารายนวรรค เหมกมาณวกปัญหานิทเทส จบ. |