บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า จกฺขุนฺทฺริยํ แปลว่า อินทรีย์คือจักษุ. บทว่า อินฺทฺริยปจฺจเยน ความว่า จักขุนทรีย์เป็นต้นนั้น ตัวเองเกิดก่อนแล้วเป็นปัจจัยแก่อรูปธรรม ตั้งแต่เกิดไปจนถึงดับ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย. แม้ในโสตินทรีย์เป็นต้น ก็นัยนี้เหมือนกัน. แม้อรูปชีวิตินทรีย์ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงสงเคราะห์เข้าในคำนี้ว่า อินทรีย์ที่ไม่มีรูป. ในคำว่า ตํสมุฏฐานานํ นี้ ทรงสงเคราะห์แม้กัมมชรูปโดยนัยที่กล่าวแล้วในหนหลัง. สมจริงดังที่พระองค์ตรัสไว้ในปัญหาวาระดังนี้ว่า อินทรีย์ที่เป็นวิปากกาพยากตะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สัมปยุตและกัมมชรูป ในขณะปฏิสนธิ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย. พรรณนาบาลีในนิทเทสแห่งอินทริยปัจจัยนี้เพียงเท่านี้. ก็อินทริยปัจจัยนี้ คืออินทรีย์ ๒๐ ถ้วนเว้นอิตถินทรีย์และปุริสินทรีย์. จริงอยู่ อิตถินทรีย์ และปุริสินทรีย์ เป็นกำเนิดแห่งเพศหญิงและเพศชาย แม้ก็จริง แต่ในกาลที่เป็นกลละเป็นต้น แม้เมื่ออิตถินทรีย์และปุริสินทรีย์เหล่านั้นจะมีอยู่ ก็ยังไม่สำเร็จความเป็นอินทริยปัจจัยแก่เพศหญิงและเพศชายเหล่านั้น เพราะเพศชายและเพศหญิงยังไม่มี ทั้งไม่เป็นอินทริยปัจจัยแก่ธรรมเหล่าอื่นด้วย. จริงอยู่ ธรรมที่เป็นอินทริยปัจจัย จะชื่อว่าไม่สำเร็จความเป็นอินทริยปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่แยกกัน ในขณะที่ตนมีอยู่ย่อมไม่มี เพราะฉะนั้น อิตถินทรีย์และปุริสินทรีย์เหล่านั้น จึงไม่เป็นอินทริยปัจจัย. ก็อิตถินทรีย์และปุริสินทรีย์ เหล่านี้เป็นพืชแห่งเพศหญิงและเพศชายเหล่าใด โดยบรรยายที่มาในพระสูตร อิตถินทรีย์และปุริสินทรีย์เหล่านั้นนับว่าเป็นปกตูปนิสสยปัจจัย แก่เพศหญิงและเพศชายเหล่านั้นด้วย. อินทริยปัจจัย ผู้ศึกษาพึงทราบว่า ได้แก่ อินทรีย์ ๒๐ ถ้วน. อินทริยปัจจัยนั้นโดยชาติจำแนกออกเป็น ๕ ชาติ คือกุศล อกุศล วิบาก กิริยาและรูป. ใน ๕ ชาตินั้น กุศลว่าด้วยอำนาจแห่งภูมิมี ๔ ภูมิ อกุศลเป็นกามาวจรอย่างเดียว วิบากมี ๔ ภูมิ กิริยามี ๓ ภูมิ รูปเป็นกามาวจรภูมิเท่านั้น. ผู้ศึกษาพึงทราบวินิจฉัยโดยการจำแนกด้วยประการต่างๆ ในอินทริยปัจจัยนี้ อย่างนี้ก่อน. ก็ในอินทริยปัจจัยซึ่งจำแนกแล้วอย่างนี้ ปัจจัยคืออินทรีย์ที่เป็นกุศลทั้ง ๔ ภูมิ เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่สัมปยุต และแก่รูปที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัญจโวการภพ ด้วยอำนาจของอินทริย อินทรีย์ที่เป็นวิบากทั้ง ๔ ภูมิ เป็นอินทริยปัจจัยแก่ธรรมที่สัมปยุตโดยส่วนเดียว. ก็บรรดาอินทรีย์ที่เป็นวิบากเหล่านี้ อินทรีย์ที่เป็นกามาวจรวิบากและรูปาวจรวิบาก เมื่อเกิดในปัญจโวการภพ เป็นปัจจัยแก่จิตตชรูปในปวัตติกาล และกัมมชรูปในปฏิสนธิกาล ด้วยอำนาจของอินทริย อินทรีย์ที่เป็นกิริยาทั้ง ๓ ภูมิ เป็นอินทริยปัจจัยแก่ธรรมที่สัมปยุตและจิตตชรูปในปัญจโวการภพ. ส่วนอินทรีย์ที่เป็นกามาวจรกิริยาและอรูปาวจรกิริยา ย่อมสำเร็จความเป็นอินทริยปัจจัยเฉพาะแก่ธรรมที่สัมปยุตเท่านั้น ในอรูปภพ. ในรูปอินทรีย์ทั้ง ๖ มีจักขุนทรีย์เป็นต้น จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณจิต ๒ พร้อมทั้งธรรมที่สัมปยุตในฝ่ายกุศลวิบากและอกุศลวิบาก ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย. โสตินทรีย์เป็นต้นก็เป็นอินทริยปัจจัยแก่โสตวิญญาณเป็นต้น อย่างนั้นเหมือนกัน. รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่รูปที่เกิดร่วมกับตนในฐิติขณะ ด้วยอำนาจของอินทริยปัจจัย. ความเป็นสหชาตปัจจัย ย่อมไม่มีแก่รูปชีวิตินทรีย์นั้น. ผู้ศึกษาพึงทราบวินิจฉัย โดยธรรมที่เป็นปัจจยุบบันในอินทริยปัจจัย อย่างนี้แล. วรรณนานิทเทสแห่งอินทริยปัจจัย จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา มหาปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๑ มาติกานิกเขปวาร ปัจจยวิภังควาร อินทริยปัจจัย จบ. |