บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
|
|
กิงกณิปุปผวรรคที่ ๕๐ ตีณิกิงกณิปุปผิยเถราปทานที่ ๑ ว่าด้วยผลแห่งการถวายดอกกระดึงทอง [๘๑] เราได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีพระนามว่าวิปัสสี ผู้เป็นนายก ของโลก โชติช่วงเหมือนต้นกรรณิการ์ ประทับนั่งที่ซอกเขา เรา เก็บดอกกระดึงทอง ๓ ดอกมาบูชา ครั้นบูชาพระสัมพุทธเจ้าแล้ว เดินบ่ายหน้าไปทางทิศทักษิณ ด้วยกรรมที่ทำไว้ดีแล้วนั้น และด้วย ตั้งเจตน์จำนงไว้ เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ เราได้บูชาพระพุทธเจ้าใด ด้วยพุทธบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา เราเผากิเลสทั้งหลาย แล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระตีณิกิงกณิปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.จบ ตีณิกิงกณิปุปผิยเถราปทาน. ปังสุกูลปูชกเถราปทานที่ ๒ ว่าด้วยผลแห่งการบูชาผ้าบังสุกุล [๘๒] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมวันต์ มีภูเขาลูกหนึ่งชื่ออุทัพพละที่ภูเขานั้น เราได้เห็นผ้าบังสุกุลจีวรห้อยอยู่บนยอดไม้ ครั้งนั้น เราร่าเริง มีจิต ยินดี เลือกเก็บเอาดอกกระดึงทอง ๓ ดอกมาบูชาผ้าบังสุกุลจีวร ด้วยกรรมที่ทำไว้ดีแล้ว และด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้ เราละร่าง มนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ เราได้ ทำกรรมใดในการนั้น เพราะบูชาธงชัยแห่งพระอรหันต์ เราไม่รู้จัก ทุคติเลย เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จ แล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระปังสุกูลปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.จบ ปังสุกูลปูชกเถราปทาน. โกรัณฑปุปผิยเถราปทานที่ ๓ ว่าด้วยผลแห่งการถวายดอกหงอนไก่ [๘๓] เมื่อก่อน เรากับบิดาและปู่ เป็นคนทำงานในป่า เลี้ยงชีพด้วยการ ฆ่าปศุสัตว์ กุศลกรรมของเราไม่มี พระผู้นำชั้นเยี่ยมของโลก พระนามว่าติสสะ ผู้มีพระปัญญาจักษุ ทรงแสดงรอยพระบาท ๓ รอยไว้ใกล้ที่อยู่ของเรา ด้วยทรงพระอนุเคราะห์ เราเห็นรอย พระบาทของพระศาสดาพระนามว่าติสสะที่ทรงเหยียบไว้ เป็นผู้ ร่าเริงมีจิตบันเทิง ยังจิตให้เลื่อมใสในรอยพระบาท เราเห็นต้น หงอนไก่งอกงามอยู่มีดอกบาน จึงเก็บใส่ผะอบมาบูชารอยพระบาท อันประเสริฐสุด ด้วยกรรมที่ทำไว้ดีแล้วนั้น และด้วยการตั้งเจตน์ จำนงไว้เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เราเข้าถึง กำเนิดใดๆ คือ เป็นเทวดาหรือมนุษย์ในกำเนิดนั้นๆ เรามีผิว พรรณเหมือนดอกหงอนไก่ มีรัศมีซ่านออกจากตัว ในกัปที่ ๙๒ แต่กัปนี้ เราได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จัก ทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชารอยพระพุทธบาท เราเผากิเลส ทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระโกรัณฑปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.จบ โกรัณฑปุปผิยเถราปทาน. กิงสุกปุปผิยเถราปทานที่ ๔ ว่าด้วยผลแห่งการถวายดอกทองกวาว [๘๔] เราเห็นต้นทองกวาวมีดอก จึงประนมกรอัญชลี นึกถึงพระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุด แล้วบูชาในอากาศ ด้วยกรรมที่ทำไว้ดีแล้วนั้น และด้วยการสร้างเจตน์จำนงไว้ เราละร่างมนุษย์แล้วได้ไปสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ ในกัปที่ ๓๑ แต่กัปนี้ เราได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา เราเผา กิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระกิงสุกปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.จบ กิงสุกปุปผิยเถราปทาน. อุปัฑฒทุสสทายกเถราปทานที่ ๕ ว่าด้วยผลแห่งการถวายผ้าครึ่งผืน [๘๕] ครั้งนั้น สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตระชื่อสุชาตะ แสวงหาผ้าบังสุกุลอยู่ที่กองอยากเยื่อใกล้ทางรถ เราเป็นลูกจ้างของ คนอื่นอยู่ในพระนครหงสวดี ได้ถวายผ้าครึ่งผืนแล้วอภิวาทด้วย เศียรเกล้า ด้วยกรรมที่ทำไว้ดีแล้วนั้น และด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้ เราละร่างมนุษย์ ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เราเป็นจอมเทวดาเสวย ราชสมบัติในเทวโลก ๓๓ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗๗ ครั้ง และได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์ โดยคณานับมิได้ เพราะ ถวายผ้าครึ่งผืนเป็นทาน เราเป็นผู้ไม่มีภัยแต่ที่ไหน เบิกบานอยู่ทุก วันนี้ เราปรารถนา ก็พึงเอาผ้าเปลือกไม้คลุมแผ่นดินนี้ พร้อมทั้งป่า และภูเขาได้ นี้เป็นผลแห่งผ้าครึ่งผืน ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราได้ ให้ทานใด ในกาลนั้น ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผล แห่งผ้าครึ่งผืน เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระอุปัฑฒทุสสทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.จบ อุปัฑฒทุสสทายกเถราปทาน. ฆตมัณฑทายกเถราปทานที่ ๖ ว่าด้วยผลแห่งการถวายกากเปรียง [๘๖] เราเห็นพระผู้มีพระภาคผู้ทรงดำริดี เชษฐบุรุษของโลกประเสริฐกว่า นรชน เสด็จเข้าป่าใหญ่ประชวรด้วยโรคลม จึงทำจิตให้เลื่อมใส นำกากเปรียงเข้าไปถวาย เพราะกุศลกรรมอันเราได้ทำและสั่งสมไว้ แม่น้ำคงคานี้ และมหาสมุทรทั้ง ๔ ย่อมสำเร็จเปรียบเทียบกับเรา และแผ่นดินอันกว้างใหญ่จะนับประมาณมิได้นี้ ดังจะรู้ความดำริของ เรา ย่อมกลายเป็นน้ำผึ้งและน้ำตาลกรวด พฤกษชาติที่งอกงามอยู่ บนแผ่นดินซึ่งมีอยู่ทั่วทั้งสี่ทิศนี้ ดังจะรู้ความดำริของเรา ย่อมกลาย เป็นต้นกัลปพฤกษ์ไป เราได้เป็นจอมเทวดาเสวยราชสมบัติใน เทวโลก ๕๐ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๑ ครั้ง และได้เป็น พระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์ โดยคณนานับมิได้ ในกัปที่ ๙๔ แต่ กัปนี้ เราได้ให้ทานใดในกาลนั้น ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งกากเปรียง เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนา เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระฆตมัณฑทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.จบ ฆตมัณฑทายกเถราปทาน. อุทกทายกเถราปทานที่ ๗ ว่าด้วยผลแห่งการถวายน้ำดื่ม [๘๗] เรามีจิตเลื่อมใสมีใจโสมนัส ในภิกษุสงฆ์ผู้ยอดเยี่ยมของพระพุทธ เจ้าพระนามว่าปทุมุตระ จึงได้ตักน้ำใส่หม้อน้ำฉันจนเต็ม ในเวลาที่ เราจะต้องการน้ำ จะเป็นยอดภูเขา ยอดไม้ในอากาศ หรือพื้นดิน น้ำย่อมเกิดแก่เราทันที ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราได้ให้ทานใดใน กาลนั้น ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการให้น้ำ เป็นทาน เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จ แล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระอุทกทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.จบ อุทกทายกเถราปทาน. ปุฬินถูปิยเถราปทานที่ ๘ ว่าด้วยผลแห่งการก่อสถูปเจดีย์ [๘๘] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมวันต์ มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อยมกะ เราได้ทำอาศรม สร้างบรรณศาลาไว้ที่ภูเขานั้น เราเป็นชฎิลผู้มีตบะใหญ่มีนามชื่อว่า นารทะ ศิษย์สี่หมื่นคนบำรุงเรา ครั้งนั้น เราเป็นผู้หลีกออก เร้นอยู่ คิดอย่างนี้ว่า มหาชนบูชาเรา เราไม่บูชาอะไรๆ เลย ผู้ที่ จะกล่าวสั่งสอนเราก็ไม่มี ใครๆ ที่จะตักเตือนเราก็ไม่มี เราไม่มี อาจารย์และอุปัชฌาย์ อยู่ในป่า ศิษย์ผู้ภักดีพึงบำรุงใจครูทั้งคู่ได้ อาจารย์เช่นนั้นของเราไม่มี การอยู่ในป่าจึงไม่มีประโยชน์ สิ่งที่ควร บูชาเราควรแสวงหาสิ่งที่ควรเคารพก็ควรแสวงหาเหมือนกัน เราจัก ชื่อว่าเป็นผู้มีที่พึ่งพำนักอยู่ ใครๆ จักไม่ติเราได้ ในที่ไม่ไกลอาศรม ของเรา มีแม่น้ำซึ่งมีชายหาด มีท่าน้ำราบเรียบ น่ารื่นรมย์ใจ เกลื่อนไปด้วยทรายที่ขาวสะอาด ครั้งนั้น เราได้ไปยังแม่น้ำชื่ออมริกา ตะล่อมเอาทรายมาก่อเป็นเจดีย์ทรายพระสถูปของพระสัมพุทธเจ้าผู้ทำที่ สุดภพ เป็นมุนี ที่ได้มีแล้ว เป็นเช่นนี้ เราได้ทำสถูปนั้นให้เป็น นิมิต เราก่อพระสถูปที่หาดทรายแล้วปิดทอง แล้วเอาดอกกระดึง ทอง ๓๐๐ ดอกมา เราเป็นผู้มีความอิ่มใจ ประนมกรอัญชลี นมัสการทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า ไหว้พระเจดีย์ทราย เหมือนถวายบังคม พระสัมพุทธเจ้าในที่เฉพาะพระพักตร์ ฉะนั้น ในเวลาที่กิเลสและ ความตรึกเกี่ยวด้วยกามเกิดขึ้น เราย่อมนึกถึง เพ่งดูพระสถูปที่ได้ ทำไว้ เราอาศัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้นำสัตว์ออกจากที่กันดาร ผู้นำ ชั้นพิเศษ ตักเตือนตนว่าท่านควรระวังกิเลสไว้ แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ การยังกิเลสให้เกิดขึ้นไม่สมควรแก่ท่าน ครั้งนั้น เมื่อเราคำนึงถึง พระสถูปย่อมเกิดความเคารพขึ้นพร้อมกัน เราบรรเทาวิตกที่น่าเกลียด เสียได้เปรียบเหมือนช้างตัวประเสริฐ ถูกเครื่องแทงหูเบียดเบียน ฉะนั้น เราประพฤติอยู่เช่นนี้ได้ถูกพระยามัจจุราชย่ำยี เราทำกาลกิริยา ณ ที่นั้นแล้ว ได้ไปยังพรหมโลก เราอยู่ในพรหมโลกนั้นตราบเท่า หมดอายุ แล้วมาบังเกิดในไตรทิพย์ ได้เป็นจอมเทวดาเสวยราช สมบัติในเทวโลก ๘๐ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๐๐ ครั้ง และได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์ โดยคณนานับมิได้ เราได้ เสวยผลของดอกกระดึงทองเหล่านั้น ดอกกระดึงทอง ๒๒,๐๐๐ ดอก แวดล้อมเราทุกภพ เพราะเราเป็นผู้บำเรอพระสถูป ฝุ่นละอองย่อมไม่ ติดกับตัวที่ตัวเรา เหงื่อไม่ไหล เรามีรัศมีซ่านออกจากตัว โอ พระสถูป เราได้สร้างไว้ดีแล้ว แม่น้ำอมริกาได้เห็นดีแล้ว เราได้ บรรลุบทอันไม่หวั่นไหวก็เพราะได้ก่อพระสถูปทราย อันสัตว์ผู้ ปรารถนาจะกระทำกุศลควรเป็นผู้ยึดเอาสิ่งที่เป็นสาระ ไม่ใช่เป็นด้วย เขตหรือไม่ใช่เขตความปฏิบัตินั่นเองเป็นสาระ บุรุษผู้มีกำลัง มีความ อุตสาหะที่จะข้ามทะเลหลวง พึงถือเอาท่อนไม้เล็ก วิ่งไปสู่ทะเล หลวงด้วยคิดว่า เราอาศัยไม้นี้จักข้ามทะเลหลวงไปได้ นรชนพึงข้าม ทะเลหลวงไปด้วยความเพียรอุตสาหะ แม้ฉันใด เราก็ฉันนั้นเหมือน กัน อาศัยกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้ทำไว้แล้ว จึงข้ามพ้นสงสาร ไปได้ เมื่อถึงภพสุดท้าย เราอันกุศลมูลตักเตือนแล้วเกิดในสกุล พราหมณ์มหาศาลอันมั่งคั่ง ในพระนครสาวัตถี มารดาบิดาของเรา เป็นคนมีศรัทธานับถือพระพุทธเจ้า ท่านทั้งสองนี้เป็นผู้เห็นธรรมฟัง ธรรม ประพฤติตามคำสอน ท่านทั้งสองถือเอาผ้าลาดสีขาว มีเนื้อ อ่อนมากที่ต้นโพธิ์มาทำพระสถูปทองนมัสการในที่เฉพาะพระพักตร์ แห่งพระศากยบุตรทุกเย็นเช้าในวันอุโบสถ ท่านทั้งสองนำเอา พระสถูปทองออก กล่าวสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้า ยับยั้งอยู่ตลอด ๓ ยาม เราได้เห็นพระสถูปเสมอ จึงระลึกถึงเจดีย์ทรายขึ้นได้ นั่งบนอาสนะอันเดียวได้บรรลุอรหัตแล้ว.จบ ภาณวารที่ ๒๒. เราแสวงหาพระพุทธเจ้าผู้เป็นปราชญ์นั้นอยู่ได้เห็นพระธรรมเสนาบดี จึงออกจากเรือนบรรพชาในสำนักของท่าน เราได้บรรลุอรหัตแต่ อายุ ๗ ขวบ พระพุทธเจ้าผู้มีพระปัญญาจักษุทรงทราบคุณวิเศษของ เราจึงให้เราอุปสมบท เรามีการกระทำอันบริบูรณ์ดีแล้ว แต่ยังเป็น ทารกอยู่ทีเดียว ทุกวันนี้ กิจที่ควรทำในศาสนาของพระศากยบุตร เราทำเสร็จแล้ว ข้าแต่พระฤาษีผู้มีความเพียรใหญ่ สาวกของ พระองค์เป็นผู้ล่วงพ้นเวรภัยทุกอย่าง ล่วงพ้นความเกี่ยวข้องทั้งปวง นี้เป็นผลแห่งพระสถูปทอง เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธ ศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระปุฬินถูปิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.จบ ปุฬินถูปิยเถราปทาน. นฬกุฏิกทายกเถราปทานที่ ๙ ว่าด้วยผลแห่งการสร้างกุฏิไม้อ้อ [๘๙] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมวันต์ มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อหาริกะ ครั้งนั้น พระสยัมภูพระนามว่านารทะ ประทับอยู่ใกล้ต้นไม้ ทำเรือนไม้อ้อ แล้วมุงด้วยหญ้า เราได้ชำระที่จงกรมถวายพระสยัมภู ด้วยกรรมที่ ได้ทำดีแล้วนั้น และด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้เราละร่างมนุษย์แล้วได้ ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ณ ดาวดึงส์นั้นวิมานของเราสูง ๖๐ โยชน์ กว้าง ๓๐ โยชน์ อันบุญกรรมเนรมิตขึ้นอย่างสวยงาม เพราะกุฏีไม้ อ้อ เรารื่นรมย์อยู่ในเทวโลก ๑๔ กัป ได้เสวยราชสมบัติในเทวโลก ๗๑ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๔ ครั้ง และได้เป็นพระเจ้า ประเทศราชอันไพบูลย์ โดยคณนานับไม่ถ้วน เราขึ้นปราสาท คือ ธรรมแล้ว เข้าเรือนอันว่างเปล่าอยู่ในศาสนาของพระศากยบุตรตาม ปรารถนาในกัปที่ ๓๑ แต่กัปนี้ เราได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วย กรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งกุฎีไม้อ้อ เราเผา กิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระนฬกุฏิกทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.จบ นฬกุฏิกทายกเถราปทาน. ปิยาลผลทายกเถราปทานที่ ๑๐ ว่าด้วยผลแห่งการถวายลูกมะหาด [๙๐] เมื่อก่อนเราเป็นพรานเนื้อ ครั้งนั้น เราเที่ยวอยู่ในป่าใหญ่ได้เห็น พระพุทธเจ้าผู้ปราศจากกิเลสธุลี ทรงรู้จบธรรมทั้งปวง เราเลื่อมใส ได้เอาผลมะหาดมาถวายพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด เป็นเขตแห่ง บุญ ผู้แกล้วกล้า ด้วยมือทั้งสองของตนในกัปที่ ๓๑ แต่กัปนี้ เรา ได้ถวายผลไม้ใดในกาลนั้น ด้วยการถวายผลไม้นั้น เราไม่รู้จักทุคติ เลย นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้ เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระปิยาลผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.จบ ปิยาลผลทายกเถราปทาน. รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ ๑. ตีณิกิงกณิปุปผิยเถราปทาน ๖. ฆตมัณฑทายกเถราปทาน ๒. ปังสุกูลปูชกเถราปทาน ๗. อุทกทายกเถราปทาน ๓. โกรัณฑปุปผิยเถราปทาน ๘. ปุฬินถูปิยเถราปทาน ๔. กิงสุกปุปผิยเถราปทาน ๙. นฬกุฏิกทายกเถราปทาน ๕. อุปัฑฒทุสสทายกเถราปทาน ๑๐. ปิยาลผลทายกเถราปทานบัณฑิตคำนวณคาถาได้ ๑๐๙ คาถา. จบ กิงกณิปุปผวรรคที่ ๕๐. ----------------------------------------------------- รวมวรรคมี ๑๐ วรรค คือ ๑. เมตเตยยวรรค ๖. ชคติวรรค ๒. ภัททาลิวรรค ๗. สาลปุปผวรรค ๓. สกิงสัมมัชชกวรรค ๘. นฬมาลิวรรค ๔. เอกวิหาริวรรค ๙. ปังสุกูลวรรค ๕. วิเภทกิวรรค ๑๐. กิงกณิปุปผวรรคมีคาถา ๑,๕๘๒ คาถา. จบ เมตเตยยวัคคทสกะที่ ๕๐. ----------------------------------------------------- เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๑๙๐๙-๒๑๑๔ หน้าที่ ๘๔-๙๓. https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=33&A=1909&Z=2114&pagebreak=0 ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4] อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/attha/m_siri.php?B=33&siri=81 ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33&i=81 ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- [81-90] https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=33&item=81&items=10 อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=50&A=5597 The Pali Tipitaka in Roman :- [81-90] https://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=33&item=81&items=10 The Pali Atthakatha in Roman :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=50&A=5597 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ https://84000.org/tipitaka/read/?index_33 อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/tha-ap493/en/walters
บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]