บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
|
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) การค้นหาคำว่า สต ผลการค้นหาพบ 53 ตำแหน่ง ดังนี้ :-
ดู อนุสติ
ดู อภิญญา
(ข้อ ๖ ในอนุสติ ๑๐)
(ข้อ ๒ ในอนุสติ ๑๐) เขียนอย่างรูปเดิมในภาษาบาลีเป็น ธัมมานุสสติ
(ข้อ ๑ ในวิชชา ๓, ข้อ ๔ ในอภิญญา ๖, ข้อ ๖ ในวิชชา ๘, ข้อ ๘ ในทศพลญาณ) เขียนอย่างรูปเดิมในภาษาบาลีเป็น ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ; ใช้ว่า บุพเพนิวาสานุสสติญาณ ก็มี
เขียนอย่างรูปเดิมในภาษาบาลีเป็น พุทธานุสสติ (ข้อ ๑ ในอนุสติ ๑๐)
(ข้อ ๗ ในอนุสติ ๑๐)
(ข้อ ๗ ในมิจฉัตตะ ๑๐)
ดู วรรค
(ศัสตรา = ของมีคมเป็นเครื่องฟันแทง, อาวุธ = เครื่องประหาร)
๑๘ ประการนั้น มีหลายแบบ ยกมาดูแบบหนึ่งจากคัมภีร์โลกนิติ และธรรมนิติ ได้แก่ ๑. สุติ ความรู้ทั่วไป ๒. สัมมุติ ความรู้กฎธรรมเนียม ๓. สังขยา คำนวณ ๔. โยคา การช่างการยนตร์ ๕. นีติ การปกครอง (คือความหมายเดิมของ นิติศาสตร์ ในชมพูทวีป) ๖. วิเสสิกา ความรู้การอันให้เกิดมงคล ๗. คันธัพพา การร้องรำ ๘. คณิกา การบริหารร่างกาย ๙. ธนุพเพธา การยิงธนู (ธนุพเพทา ก็ว่า) ๑๐. ปุราณา การบูรณะ ๑๑. ติกิจฉา การบำบัดโรค (แพทยศาสตร์) ๑๒. อิติหาสา ตำนานหรือประวัติศาสตร์ ๑๓. โชติ ความรู้เรื่องสิ่งส่องสว่างในท้องฟ้า (ดาราศาสตร์) ๑๔. มายา ตำราพิชัยสงคราม ๑๕. ฉันทสา การประพันธ์ ๑๖. เกตุ การพูด ๑๗. มันตา การเวทมนตร์ ๑๘. สัททา หลักภาษาหรือไวยากรณ์, ทั้ง ๑๘ อย่างนี้โบราณเรียกรวมว่า สิปปะ หรือศิลปะ ไทยแปลออกเป็น ศิลปศาสตร์ (ตำราว่าด้วยศิลปะต่างๆ); แต่ในสมัยปัจจุบัน ได้แยกความหมายศิลปะ กับ ศาสตร์ ออกจากกัน คือ ศิลปะ หมายถึง วิทยาการที่มีวัตถุประสงค์ตรง ความงาม เช่น ดุริยางคศิลป์ นาฏศิลป์ และจิตรกรรม เป็นต้น ศาสตร์ หมายถึง วิทยาการที่มีวัตถุประสงค์ตรง ความจริง เช่น คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
ดู วรรค
(ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒, ข้อ ๓ ในพละ ๕, ข้อ ๙ ในนาถกรณธรรม ๑๐, ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗, ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗)
๑. กายานุปัสสนา สติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณากาย, การมีสติกำกับดูรู้เท่าทันกายและเรื่องทางกาย ๒. เวทนานุปัสสนา สติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณาเวทนา, การมีสติกำกับดูรู้เท่าทันเวทนา ๓. จิตตานุปัสสนา สติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณาจิต, การมีสติกำกับดูรู้เท่าทันจิตหรือสภาพและอาการของจิต ๔. ธัมมานุปัสสนา สติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณาธรรม, การมีสติกำกับดูรู้เท่าทันธรรม; เรียกสั้นๆ ว่า กาย เวทนา จิต ธรรม; ดู โพธิปักขิยธรรม
ได้แก่ กิริยาที่สงฆ์สวดประกาศให้สมมติแก่พระอรหันต์ ว่าเป็นผู้มีสติเต็มที่ เพื่อระงับอนุวาทาธิกรณ์ ที่มีผู้โจทท่านด้วยศีลวิบัติ หมายความว่า จำเลยเป็นพระอรหันต์ สงฆ์เห็นว่าไม่เป็นฐานะที่จำเลยจะทำการล่วงละเมิดดังโจทก์กล่าวหา จึงสวดกรรมวาจาประกาศความข้อนี้ไว้ เรียกว่าให้สติวินัย แล้วยกฟ้องของโจทก์เสีย ภายหลังจำเลยจะถูกผู้อื่นโจทด้วยอาบัติอย่างนั้นอีก ก็ไม่ต้องพิจารณา ให้อธิกรณ์ระงับด้วยสติวินัย
นิยมเรียก สถูป
เขียนอย่างรูปเดิมในภาษาบาลีเป็น สังฆานุสสสติ; ดู สังฆคุณ
ทรงเป็นครูของบุคคลทั้งชั้นสูงและชั้นต่ำ, ทรงประกอบด้วยคุณสมบัติของครู และทรงทำหน้าที่ของครูเป็นอย่างดี คือทรงพร่ำสอนด้วยมหากรุณาหวังให้ผู้อื่นได้ความรู้อย่างแท้จริง, ทรงสอนมุ่งความจริงและประโยชน์เป็นที่ตั้ง ทรงแนะนำเวไนยสัตว์ด้วยประโยชน์ทั้งทิฏฐธัมมิกัตถะ สัมปรายิกัตถะ และปรมัตถะ, ทรงรู้จริงและปฏิบัติด้วยพระองค์เองแล้ว จึงทรงสอนผู้อื่นให้รู้และปฏิบัติตาม ทรงทำกับตรัสเหมือนกัน ไม่ใช่ตรัสสอนอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง, ทรงฉลาดในวิธีสอน, และทรงเป็นผู้นำหมู่ดุจนายกองเกวียน (ข้อ ๗ ในพุทธคุณ ๙)
(ข้อ ๗ ในมรรค)
เช่น เห็นว่าคนและสัตว์ตายไปแล้ว ร่างกายเท่านั้นทรุดโทรมไป ส่วนดวงชีพหรือเจตภูตหรือมนัสเป็นธรรมชาติไม่สูญ ย่อมถือปฏิสนธิในกำเนิดอื่นสืบไป เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างหนึ่ง; ตรงข้ามกับ อุจเฉททิฏฐิ (ข้อ ๑ ในทิฏฐิ ๒)
(ข้อ ๔ ในอนุสติ ๑๐)
(ข้อ ๒ ในวิญญาณ ๖)
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเพราะการที่หู เสียง และโสตวิญญาณกระทบกัน
(ข้อ ๔ ในนาถกรณธรรม ๑๐)
๑. พุทธานุสติ ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ๒. ธัมมานุสติ ระลึกถึงคุณของพระธรรม ๓. สังฆานุสติ ระลึกถึงคุณของพระสงฆ์ ๔. สีลานุสติ ระลึกถึงศีลที่ตนรักษา ๕. จาคานุสติ ระลึกถึงทานที่ตนบริจาคแล้ว ๖. เทวตานุสติ ระลึกถึงคุณที่ทำคนให้เป็นเทวดา ๗. มรณัสสติ ระลึกถึงความตายที่จะต้องมีเป็นธรรม ๘. กายคตาสติ ระลึกทั่วไปในกายให้เห็นว่าไม่งาม ๙. อานาปานสติ ตั้งสติกำหนดลมหายใจเข้าออก ๑๐. อุปสมานุสติ ระลึกถึงธรรมเป็นที่สงบระงับกิเลสและความทุกข์ คือ นิพพาน; เขียนอย่างรูปเดิมในภาษาบาลีเป็น อนุสสติ
ได้แก่ การระลึกถึงพระตถาคต และตถาคตสาวก ซึ่งจะเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์ล่วงพ้นทุกข์ได้ (ข้อ ๖ ในอนุตตริยะ ๖)
(ข้อ ๙ ในอนุสติ ๑๐, ข้อ ๑๐ ในสัญญา ๑๐ เป็นต้น) บัดนี้นิยมเขียน อานาปานสติ
(ข้อ ๑๐ ในอนุสติ ๑๐) |
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=สต
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=%CA%B5
บันทึก ๒, ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พิมพ์ครั้งที่ ๑๐. พ.ศ. ๒๕๔๖ หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]