ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๑๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๔
๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๘๙] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ระคน กับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย (ย่อ) มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า : ๑๖๒}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร

สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่ระคนกับ จิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูป ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงมหาภูตรูป) (๑) สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิต และมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์ทำ จิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำหทัยวัตถุให้เป็น ปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) มี ๓ วาระ (๓) [๒๙๐] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัย เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็น สมุฏฐานและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๑) สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ระคนกับจิต มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ เหตุปัจจัย ได้แก่ รูปที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำขันธ์ที่ระคนกับจิตมี จิตเป็นสมุฏฐานและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น รูปที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็น สมุฏฐานทำขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๓ วาระ) (๒) สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน ทำสภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และรูปที่ระคนกับจิต มีจิตเป็นสมุฏฐานทำขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและทำจิตให้เป็นปัจจัย เกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ และจิตทำขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็น สมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๓) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า : ๑๖๓}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร

อารัมมณปัจจัย
[๒๙๑] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ระคน กับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่ระคน กับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ จิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑) สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิต และมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคต ด้วยจักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ สัมปยุตตขันธ์ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐาน ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๒) สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน ทำสภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ อารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์ทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัย เกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ จิตและสัมปยุตตขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็น ปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๑ วาระ) (๓) [๒๙๒] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัย เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ จักขายตนะและทำจักขุวิญญาณให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็น สมุฏฐานและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๑) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า : ๑๖๔}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร

สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ระคนกับจิต มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ อารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและทำ จักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ จิตทำขันธ์ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๑ วาระ) (๒) สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน ทำสภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตทำขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๑ วาระ ย่อ) (๓)
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
[๒๙๓] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ (ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ) อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
[๒๙๔] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ระคน กับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย (โดยนัยนี้ พึง เพิ่มเป็น ๙ วาระ ในปัจจยวารพึงเพิ่มปัญจวิญญาณ เฉพาะ ๓ วาระ มีโมหะ) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า : ๑๖๕}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย
[๒๙๕] นเหตุปัจจั มี ๙ วาระ นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ นฌานปัจจัย มี ๙ วาระ นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และนิสสยวารพึงทำอย่างนี้)
{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า : ๑๖๖}


                  เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๔๓ หน้าที่ ๑๖๒-๑๖๖. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=43&siri=27              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2].                   อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=43&A=3717&Z=3811                   ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=43&i=0              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=43&item=231&items=5              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=43&item=231&items=5                   สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu43



บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :