ปริตตัตติกะ
ปฏิจจวาร
[๑๓๒๑] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒
ฯลฯ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุ มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูต-
*รูป ๑ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูป ๒
มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยหทัยวัตถุ
ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยหทัยวัตถุ กฏัตตรูป อาศัย
มหาภูตรูปทั้งหลาย
[๑๓๒๒] มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ๒ ขันธ์ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปริตตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป อาศัย
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม
ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
[๑๓๒๓] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
ปริตตธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม
ปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
[๑๓๒๔] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม ฯลฯ เพราะเหตุ
ปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นอัปปมาณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
[๑๓๒๕] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะเหตุ
ปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัย
คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม และหทัยวัตถุ
ขันธ์ ๒ ฯลฯ
ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะ
เหตุปัจจัย
คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม และหทัยวัตถุ ขันธ์
๒ ฯลฯ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
[๑๓๒๖] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายอาศัยหทัยวัตถุ
มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย
คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยหทัยวัตถุ
[๑๓๒๗] มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะอารัมมณปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
[๑๓๒๘] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ เพราะอารัมมณปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ขันธ์ ๓ ฯลฯ
[๑๓๒๙] มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะ
อารัมมณปัจจัย
คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
[๑๓๓๐] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย
[๑๓๓๑] มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
ปริตตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม
ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
[๑๓๓๒] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
ปริตตธรรม อาศัยอัปปมาณกรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม
ปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
[๑๓๓๓] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม ฯลฯ เพราะ
อธิปติปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นอัปปมาณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
[๑๓๓๔] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติ-
*ปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
[๑๓๓๕] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น เพราะอนันตรปัจจัย เพราะ
สมนันตรปัจจัย เพราะสหชาตปัจจัย พึงกระทำมหาภูตรูปแม้ทั้งหมด
เพราะ อัญญมัญญปัจจัย เพราะ นิสสยปัจจัย เพราะ อุปนิสสยปัจจัย เพราะ
ปุเรชาตปัจจัย พึงกระทำหัวข้อปัจจัย ๓
เพราะ อาเสวนปัจจัย พึงกระทำหัวข้อปัจจัย ๓
เพราะ กัมมปัจจัย เพราะ วิปากปัจจัย พึงกระทำหัวข้อปัจจัย ๑๓
เพราะ อาหารปัจจัย เพราะ อินทริยปัจจัย เพราะฌานปัจจัย เพราะ มัคค-
*ปัจจัย เพราะ สัมปยุตตปัจจัย เพราะ วิปปยุตตปัจจัย เพราะ อัตถิปัจจัย เพราะ นัตถิ-
*ปัจจัย เพราะ วิคตปัจจัย เพราะ อวิคตปัจจัย
[๑๓๓๖] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๑๓
ในอารัมมณปัจจัย มี " ๕
ในอธิปติปัจจัย มี " ๙
ในอนันตรปัจจัย มี " ๕
ในสมนันตรปัจจัย มี " ๕
ในสหชาตปัจจัย มี " ๑๓
ในอัญญมัญญปัจจัย มี " ๗
ในนิสสยปัจจัย มี " ๑๓
ในอุปนิสสยปัจจัย มี " ๕
ในปุเรชาตปัจจัย มี " ๓
ในอาเสวนปัจจัย มี " ๓
ในกัมมปัจจัย มี " ๑๓
ในวิปากปัจจัย มีวาระ ๑๓
ในอาหารปัจจัย
ในอินทริยปัจจัย
ในฌานปัจจัย
ในมัคคปัจจัย มีวาระ ๑๓
ในสัมปยุตตปัจจัย มี " ๕
ในวิปปยุตตปัจจัย มี " ๑๓
ในอัตถิปัจจัย มี " ๑๓
ในนัตถิปัจจัย มี " ๕
ในวิคตปัจจัย มี " ๕
ในอวิคตปัจจัย มี " ๑๓
อนุโลม จบ
[๑๓๓๗] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะเหตุปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ
ขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุอาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุ
อาศัยมหาภูตรูป ๑ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐาน ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวก
อสัญญสัตว์ทั้งหลาย อาศัยมหาภูตรูป ๑ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
[๑๓๓๘] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอารัมมณปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปริตตธรรม
ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปริตตธรรม หทัยวัตถุ อาศัย
ขันธ์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป
ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ
[๑๓๓๙] ปริตตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอารัมมณปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตา-
*รูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม
[๑๓๔๐] ปริตตธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอารัมมณปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม
[๑๓๔๑] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่
เพราะอารัมมณปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นอัปปมาณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
[๑๓๔๒] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่
เพราะอารัมมณปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นอัปปมาณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
[๑๓๔๓] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอารัมมณปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์
ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายอาศัยหทัยวัตถุ มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ
มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอธิปติปัจจัย
คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยหทัยวัตถุ
ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอธิปติ-
*ปัจจัย
คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยหทัยวัตถุ กฏัตตารูป
อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย
[๑๓๔๔] มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอธิปติปัจจัย
คือ อธิปติธรรมที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยขันธ์ ๑
ที่เป็นมหัคคตธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปริตตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอธิปติปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม ซึ่งเป็นวิบาก
ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม
ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอธิปติ-
*ปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ซึ่งเป็นวิบาก
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
[๑๓๔๕] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอธิปติ
ปัจจัย
คือ อธิปติธรรมที่เป็นอัปปมาณธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม
[๑๓๔๖] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่
เพราะอธิปติปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม ซึ่งเป็นวิบาก และมหาภูตรูป
ทั้งหลาย
ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอธิปติ-
*ปัจจัย
คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม และหทัยวัตถุ
ขันธ์ ๒ ฯลฯ
ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม เกิดขึ้น
ไม่ใช่เพราะอธิปติปัจจัย
คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม และหทัยวัตถุ
ขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
[๑๓๔๗] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอนันตรปัจจัย
ไม่ใช่เพราะสมนันตรปัจจัย ไม่ใช่เพราะอัญญมัญญปัจจัย ไม่ใช่เพราะอุปนิสสยปัจจัย
[๑๓๔๘] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย
คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตต-
*สมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปริตตธรรม
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
พึงกระทำมหาภูตรูปทั้งหมดให้พิสดาร ในปริตตมูลกะ มีหัวข้อปัจจัย ๓
[๑๓๔๙] มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย
คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปริตตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม
ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม
ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะปุเรชาต-
*ปัจจัย
คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม
ขันธ์ ๒ ฯลฯ
[๑๓๕๐] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะปุเรชาต-
*ปัจจัย
คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ฯลฯ
ปริตตธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม
[๑๓๕๑] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่
เพราะปุเรชาตปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
[๑๓๕๒] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะ
ปุเรชาตปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะปุเรชาต-
*ปัจจัย
คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม และหทัยวัตถุ
ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม เกิดขึ้น
ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย
คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม และหทัยวัตถุ
ขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
[๑๓๕๓] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะปัจฉาชาตปัจจัย
ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายอาศัยหทัยวัตถุ มหา-
*ภูตรูป ๑ ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ
[๑๓๕๔] มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย
คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยหทัยวัตถุ
ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาเสวน-
*ปัจจัย
คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยหทัยวัตถุ กฏัตตารูป
อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย
[๑๓๕๕] มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม
ปริตตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาเสวน-
*ปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ซึ่งเป็นวิบาก
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ฯลฯ
[๑๓๕๖] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาเสวน-
*ปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ซึ่งเป็นวิบาก ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒
ปริตตธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นอัปปมาณธรรม
ปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะ
อาเสวนปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ซึ่งเป็นวิบาก
[๑๓๕๗] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่
เพราะอาเสวนปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
[๑๓๕๘] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะ
อาเสวนปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย ใน
ปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
มหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาเสวน-
*ปัจจัย
คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม และหทัยวัตถุ
ขันธ์ ๒ ฯลฯ
ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม เกิดขึ้น
ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย
คือ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรมและหทัยวัตถุ ขันธ์
๒ ฯลฯ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
[๑๓๕๙] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะกัมมปัจจัย
คือ เจตนาที่เป็นปริตตธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นปริตตธรรม พาหิรรูป ฯลฯ
อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ
[๑๓๖๐] มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะกัมมปัจจัย
คือ เจตนาที่เป็นมหัคคตธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม
[๑๓๖๑] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะกัมมปัจจัย
คือ เจตนาที่เป็นอัปปมาณธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม
[๑๓๖๒] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะวิปากปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ จิตตสมุฏฐานรูป ที่เป็นอุปาทารูปอาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย
พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย
มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ
[๑๓๖๓] มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะวิปากปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
ปริตตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ ไม่ใช่เพราะวิปากปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม
ปริตตธรรม และมหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม ฯลฯ เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะ
วิปากปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
[๑๓๖๔] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปากปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม
ปริตตธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปากปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปมาณธรรม
ปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะ
วิปากปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
[๑๓๖๕] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และอัปปมาณธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่
เพราะวิปากปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นอัปปมาณธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
[๑๓๖๖] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม และมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่
เพราะวิปากปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นมหัคคตธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย
[๑๓๖๗] ปริตตธรรม อาศัยปริตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอาหารปัจจัย
คือ พาหิรรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ พึงให้
พิสดาร
ไม่ใช่เพราะอินทริยปัจจัย
คือ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญ-
*สัตว์ทั้งหลาย รูปชีวิตินทรีย์ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย
ไม่ใช่เพราะฌานปัจจัย
คือ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยปัญจวิญญาณ ฯลฯ พาหิรรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์
ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ พึงกระทำมหาภูตรูปทั้งหมด
ไม่ใช่เพราะมัคคปัจจัย
คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ
มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ พึงกระทำมหาภูตรูปทั้งหมด
ไม่ใช่เพราะสัมปยุตตปัจจัย ฯลฯ
[๑๓๖๘] ฯลฯ ไม่ใช่เพราะวิปปยุตตปัจจัย ฯลฯ
คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นปริตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐาน ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ
มหัคคตธรรม อาศัยมหัคคตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปปยุตตปัจจัย
คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๑ ที่เป็นมหัคคตธรรม ฯลฯ
[๑๓๖๙] อัปปมาณธรรม อาศัยอัปปมาณธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปปยุตต-
*ปัจจัย
คือ ในอรูปภูมิ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอัปปมาณธรรม ฯลฯ
ไม่ใช่เพราะนัตถิปัจจัย ไม่ใช่เพราะวิคตปัจจัย
[๑๓๗๐] ในปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๑
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย มี " ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย มี " ๑๐
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อนันตรปัจจัย มี " ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมนันตรปัจจัย มี " ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย มี " ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย มี " ๑๒
ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปัจฉาชาตปัจจัย มีวาระ ๑๓
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาเสวนปัจจัย มี " ๑๓
ในปัจจัยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัย มี " ๓
ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปากปัจจัย มี " ๙
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาหารปัจจัย มี " ๑
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อินทริยปัจจัย
ในปัจจัยที่ไม่ใช่ฌานปัจจัย
ในปัจจัยที่ไม่ใช่มัคคปัจจัย มีวาระ ๑
ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย มี " ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย มี " ๓
ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย มี " ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย มี " ๕
พึงนับอย่างนี้
ปัจจนียะ จบ
[๑๓๗๑] ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มีวาระ ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๐
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย กับ ฯลฯ
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มีวาระ ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๒
ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปัจฉาชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๓
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาเสวนปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๓
ในปัจจัยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปากปัจจัย กับ ฯลฯ มีวาระ ๙
ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕
พึงนับอย่างนี้
อนุโลมปัจจนียะ จบ
[๑๓๗๒] ในอารัมมณปัจจัย กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๑
ในอนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มีวาระ ๑ ฯลฯ
ในวิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑
ในอวิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑
พึงนับอย่างนี้
ปัจจนียานุโลม จบ
ปฏิจจวาร จบ
สหชาตวาร เหมือนกับปฏิจจวาร
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๑ บรรทัดที่ ๙๗๐๗-๑๐๐๕๐ หน้าที่ ๔๑๓-๔๒๗.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=41&A=9707&Z=10050&pagebreak=0
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=41&A=9707&pagebreak=0
ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4], [5]
อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :-
http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=41&siri=26
ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=41&i=1321
พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :-
http://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=41&A=7865
The Pali Tipitaka in Roman :-
http://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=41&A=7865
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๑
http://84000.org/tipitaka/read/?index_41
อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :-
https://suttacentral.net/patthana1.13/en/narada
บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖.
บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙.
บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐.
การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง.
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]
