ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับภาษาไทย   บาลีอักษรไทย   บาลีอักษรโรมัน 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๙ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๖ ยมกปกรณ์ ภาค ๒
นิทเทสวาร
นิทเทสแห่งปุคคลวาร
[๔๔] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น ยังไม่ดับ จิตของบุคคลนั้น จักดับ จักไม่เกิดขึ้นหรือ ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้น ยังไม่ดับ จักดับจักไม่เกิดขึ้น ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลนอกนี้ จิตของบุคคล เหล่านั้นเกิดขึ้น ยังไม่ดับ จักดับด้วยนั่นเทียว จักเกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักดับ จักไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น ไม่ดับไป ถูกแล้ว จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น ดับ จิตของบุคคลนั้น จักไม่ดับ จักเกิดขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตของบุคคลใด จักไม่ดับ จักเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้น ดับ ไม่มี [๔๕] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคล เหล่านั้นเกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้ว ด้วย นั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคล เหล่านั้นไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น ถูกแล้ว [๔๖] จิตของบุคคลใดดับ จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้ว จิตของ บุคคลเหล่านั้น ดับ ก็หาไม่ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้น แล้วด้วยนั่นเทียว ดับด้วย จิตของบุคคลใดไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ? ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ไม่ดับ จิตของบุคคล- *เหล่านั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็น- *อสัญญสัตว์ ไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่ดับ? ถูกแล้ว [๔๗] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้น แล้วหรือ ถูกแล้ว จิตของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ เคยเกิดแล้ว แต่จิตของบุคคลเหล่านั้น เกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว หรือ เคยเกิดขึ้นแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้น ไม่มี จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้น จักเกิดขึ้นหรือ ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้น แต่จิตของ บุคคลเหล่านั้น จักเกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต ของบุคคลนอกนี้ จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว จักเกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักเกิดขึ้น แต่จิตของบุคคลเหล่านั้น เกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น จักเกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ไม่เกิดขึ้น แต่จิตของบุคคลเหล่านั้น จักไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ ในภังคขณะแห่ง ปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว จักไม่เกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นจักไม่เกิดขึ้น แต่ จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคล เหล่านั้น จักไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นด้วย จิตของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักเกิดขึ้นหรือ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว แต่ จิตของบุคคลเหล่านั้น จักเกิดขึ้นก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้นนอกนี้ เคย เกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว จักเกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้น แล้ว ถูกแล้ว จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้น หรือ ไม่มี หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เคย เกิดขึ้นแล้ว เคยเกิดขึ้นแล้ว [๔๘] จิตของบุคคลใดดับ จิตของบุคคลนั้นเคยดับแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดเคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็น อสัญญสัตว์ เคยดับแล้ว แต่จิตของบุคคลเหล่านั้นดับก็หาไม่ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับแล้วด้วยนั่นเทียว ย่อมดับด้วย จิตของบุคคลใดไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นไม่เคยดับแล้วหรือ เคยดับแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่ดับ ไม่มี จิตของบุคคลใดดับ จิตของบุคคลนั้นจักดับหรือ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นดับ แต่จิตของบุคคล เหล่านั้นจักดับก็หาไม่ ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลนอกนี้ จิตของบุคคลเหล่า นั้น ดับด้วยนั่นเทียว จักดับด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็น อสัญญสัตว์ จักดับ แต่จิตของบุคคลเหล่านั้นดับก็หาไม่ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นจักดับด้วยนั่นเทียว ดับด้วย จิตของบุคคลใดไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นจักไม่ดับหรือ จักดับ หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นไม่ดับ ดับ จิตของบุคคลใดเคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักดับหรือ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับแล้ว แต่จิต ของบุคคลเหล่านั้นจักดับก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้นนอกนี้ เคยดับแล้วด้วย นั่นเทียว จักดับด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นเคยดับแล้ว ถูกแล้ว จิตของบุคคลใดไม่เคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักไม่ดับหรือ ไม่มี หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นไม่เคยดับแล้ว เคยดับแล้ว [๔๙] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเคยดับแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดเคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ เคยดับแล้ว แต่จิตของบุคคลเหล่านั้น เกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยดับแล้วด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เคยดับแล้วหรือ เคยดับแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เคยดับแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น ไม่มี จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นจักดับหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักดับ แต่จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของ บุคคลเหล่านั้นจักดับด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นจักไม่ดับหรือ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ไม่เกิดขึ้น แต่จิตของบุคคลเหล่านั้น จักไม่ดับก็หาไม่ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว จักไม่ดับด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น ถูกแล้ว จิตของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักดับหรือ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว แต่ จิตของบุคคลเหล่านั้น จักดับก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้นนอกนี้ เคยเกิดขึ้น แล้วด้วยนั่นเทียว จักดับด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักดับ จิตของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว ถูกแล้ว จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักไม่ดับ ไปหรือ ไม่มี หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้น แล้ว เคยเกิดขึ้นแล้ว [๕๐] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่ดับหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่ดับ จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ไม่ดับ แต่จิตของบุคคลเหล่านั้น เกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคล เหล่านั้นไม่ดับด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นดับหรือ จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ไม่เกิดขึ้น แต่จิตของบุคคลเหล่านั้นดับก็หาไม่ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น ไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ดับด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดดับ จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น ถูกแล้ว [๕๑] จิตของบุคคลใดกำลังเกิดขึ้นอยู่ จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น แล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นกำลัง เกิดขึ้นอยู่ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตของบุคคล เหล่านั้นกำลังเกิดขึ้นอยู่ก็หาไม่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น เกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว กำลังเกิดขึ้นอยู่ด้วย จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นอยู่ จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่เกิดขึ้นอยู่ แต่จิตของ บุคคลเหล่านั้น ไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ไม่เกิดขึ้นอยู่ด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้นอยู่ ถูกแล้ว [๕๒] จิตของบุคคลใดดับอยู่ จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นดับอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตของ บุคคลเหล่านั้นดับอยู่ก็หาไม่ ในภังคขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้น เกิดขึ้น แล้วด้วยนั่นเทียว ดับอยู่ด้วย จิตของบุคคลใดไม่ดับอยู่ จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในอุปปาทขณะแห่งจิต จิตของบุคคลเหล่านั้นไม่ดับอยู่ แต่จิตของบุคคล เหล่านั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ไม่ดับอยู่ด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่ดับอยู่ ถูกแล้ว [๕๓] จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้น แล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น แล้ว จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้มีความ พร้อมเพรียงด้วยจิต เคยเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นแล้วด้วย จิตของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักเกิดขึ้นหรือ จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต เกิดขึ้นแล้ว แต่จิตของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดขึ้นก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้นนอกนี้ ผู้มีความ พร้อมเพรียงด้วยจิต เกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว จักเกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักเกิดขึ้น แต่จิตของบุคคลเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลเหล่านั้น ผู้มีความ พร้อมเพรียงด้วยจิต จักเกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นแล้วด้วย จิตของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้น แล้วหรือ เคยเกิดขึ้นแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นไม่ เกิดขึ้นแล้ว ไม่มี จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้น หรือ จักเกิดขึ้น หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น แล้ว เกิดขึ้นแล้ว [๕๔] จิตของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น แล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลนั้น จักเกิดขึ้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตของบุคคลใดจักเกิดขึ้น แต่จิตของบุคคลนั้นเกิดขึ้น แล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว ถูกแล้ว จิตของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น แล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ ไม่มี หรือว่า จิตของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น แต่จิตของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว เคยเกิดขึ้นแล้ว [๕๕] จิตที่เกิดขึ้นแล้ว กำลังเกิดขึ้นอยู่หรือ ในภังคขณะ เกิดขึ้นแล้ว แต่จะเกิดขึ้นอยู่ก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นอยู่ด้วย จิตเกิดขึ้นอยู่ เกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว จิตที่ไม่เกิดขึ้นแล้ว ไม่เกิดขึ้นอยู่หรือ ถูกแล้ว จิตที่ไม่เกิดขึ้นอยู่ ไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในภังคขณะ ไม่เกิดขึ้นอยู่ แต่ไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็นอดีตและ อนาคต ไม่เกิดขึ้นอยู่ด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย [๕๖] จิตที่ดับแล้ว ดับอยู่หรือ หามิได้ จิตดับอยู่ ดับแล้วหรือ หามิได้ จิตไม่ดับแล้ว ไม่ดับอยู่หรือ ในภังคขณะไม่ดับแล้ว แต่จะไม่ดับอยู่ก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตที่ เป็นอนาคตเท่านั้น ไม่ดับแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่ดับอยู่ด้วย จิตไม่ดับอยู่ ไม่ดับแล้วหรือ จิตเป็นอดีตไม่ดับอยู่ แต่ไม่ดับแล้วก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็น อนาคต ไม่ดับอยู่นั่นเทียว ไม่ดับแล้วด้วย [๕๗] จิตของบุคคลใด เมื่อเกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ มีกาล อันก้าวล่วงแล้ว จิตของบุคคลนั้น เมื่อดับไป ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ มีกาล อันก้าวล่วงแล้วหรือ ในภังคขณะ จิตก้าวล่วงอุปปาทขณะ จิตเป็นอดีตก้าวล่วงอุปปาทขณะ ด้วย ก้าวล่วงภังคขณะด้วย หรือว่า จิตของบุคคลใด เมื่อดับไป ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิต มีกาลอันก้าวล่วงแล้ว จิตของบุคคลนั้น เมื่อเกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วงแล้ว จิตเป็นอดีต จิตของบุคคลใดเมื่อไม่เกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้ว จิตของบุคคลนั้นเมื่อไม่ดับ ก้าวล่วงขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้วหรือ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ในอุปปาทขณะ หรือว่า จิตของบุคคลใด เมื่อไม่ดับ ก้าวล่วงขณะๆ เป็นจิตมี กาลอันก้าวล่วงแล้ว จิตของบุคคลนั้น เมื่อไม่เกิดขึ้น ก้าวล่วงขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วงแล้ว ในภังคขณะ จิตไม่ก้าวล่วงภังคขณะ แต่ไม่ก้าวล่วงอุปปาทขณะก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่ก้าวล่วงภังคขณะด้วย ไม่ก้าวล่วง อุปปาทขณะด้วย
นิทเทสแห่งปุคคลวาร จบ
นิทเทสแห่งธรรมวาร
[๕๘] จิตใดเกิดขึ้น ยังไม่ดับไป จิตนั้นจักดับไป จักไม่เกิดขึ้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดจักดับ จักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นเกิดขึ้น ไม่ดับ ถูกแล้ว จิตใดไม่เกิดขึ้น ดับ จิตนั้นจักไม่ดับ จักเกิดขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดจักไม่ดับ จักเกิดขึ้น จิตนั้นไม่เกิดขึ้น ดับ ไม่มี [๕๙] จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเกิดขึ้น ในภังคขณะ จิตเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นเกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในภังคขณะ จิตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็น อดีตและอนาคต ไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่เกิดขึ้นหรือ ถูกแล้ว [๖๐] จิตใดดับ จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นดับ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นดับก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว ดับด้วย จิตใดไม่ดับ จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในอุปปาทขณะจิตไม่ดับ แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็น อดีตและอนาคต ไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่ดับ ถูกแล้ว [๖๑] จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นเคยเกิดขึ้นแล้วหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเกิดขึ้น หามิได้ จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้วหรือ จิตเป็นอดีตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่เกิดขึ้น ในอุปปาทขณะ จิตไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นด้วย จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นเกิดขึ้น หามิได้ จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ จิตเป็นอนาคตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นจักไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอดีตเท่านั้น ไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว จักไม่เกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เกิดขึ้น ในอุปปาทขณะ จิตจักไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ ใน ภังคขณะ จิตเป็นอดีตเท่านั้น จักไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นด้วย จิตใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว หามิได้ จิตใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ จิตเป็นอนาคตไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นจักไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ จิต เป็นปัจจุบันไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว จักไม่เกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตเป็นอดีตจักไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็น ปัจจุบัน จักไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วย [๖๒] จิตใดดับ จิตนั้นเคยดับแล้วหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดเคยดับแล้ว จิตนั้นไม่ดับ หามิได้ จิตใดไม่ดับ จิตนั้นไม่เคยดับแล้วหรือ จิตที่เป็นอดีตไม่ดับ แต่จิตนั้นไม่เคยดับแล้วก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่เคยดับแล้วด้วย หรือว่า จิตใดไม่เคยดับแล้ว จิตนั้นไม่ดับ ในภังคขณะ จิตไม่เคยดับแล้ว แต่จิตนั้นไม่ดับก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เคยดับแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่ดับด้วย จิตใดดับ จิตนั้นจักดับหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดจักดับ จิตนั้นดับ หามิได้ จิตใดไม่ดับ จิตนั้นจักไม่ดับหรือ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่ดับ แต่จิตนั้นไม่ดับก็หาไม่ จิตเป็นอดีตไม่ดับด้วยนั่นเทียว จักไม่ดับด้วย หรือว่า จิตใดจักไม่ดับ จิตนั้นไม่ดับ ในภังคขณะ จิตจักไม่ดับ แต่จิตนั้นไม่ดับก็หาไม่ จิตเป็นอดีต จักไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่ดับด้วย จิตใดเคยดับแล้ว จิตนั้นจักดับหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดจักดับ จิตนั้นเคยดับแล้ว หามิได้ จิตใดไม่เคยดับแล้ว จิตนั้นจักไม่ดับหรือ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เคยดับแล้ว แต่จิตนั้น จักไม่ดับก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตไม่เคยดับแล้วด้วยนั่นเทียว จักไม่ดับด้วย หรือว่า จิตใดจักไม่ดับ จิตนั้นไม่เคยดับแล้ว จิตเป็นอดีตจักไม่ดับ แต่จิตนั้นไม่เคยดับก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตจัก ไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่เคยดับแล้ว [๖๓] จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นเคยดับแล้วหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดเคยดับแล้ว จิตนั้นเกิดขึ้น หามิได้ จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เคยดับแล้วหรือ จิตเป็นอดีตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นไม่เคยดับแล้วก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้นไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เคยดับแล้วด้วย หรือว่า จิตใดไม่เคยดับแล้ว จิตนั้นไม่เกิดขึ้น ในอุปปาทขณะ จิตไม่เคยดับแล้ว แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ ใน ภังคขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เคยดับแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นด้วย จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นจักดับหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดจักดับ จิตนั้นเกิดขึ้น จิตเป็นอนาคตจักดับ แต่จิตนั้นเกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิต จักดับด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นจักไม่ดับหรือ จิตเป็นอนาคตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นจักไม่ดับก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอดีตเท่านั้น ไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว จักไม่ดับด้วย หรือว่า จิตใดจักไม่ดับ จิตนั้นไม่เกิดขึ้น ถูกแล้ว จิตใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักดับหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดจักดับ จิตนั้นเคยเกิดขึ้นแล้ว หามิได้ จิตใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักไม่ดับหรือ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้น จักไม่ดับก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว จักไม่ดับด้วย หรือว่า จิตใดจักไม่ดับ จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตเป็นอดีตจักไม่ดับ แต่จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตจักไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วย [๖๔] จิตใดเกิดขึ้น จิตนั้นไม่ดับหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดไม่ดับ จิตนั้นเกิดขึ้น จิตเป็นอดีตและอนาคตเท่านั้น ไม่ดับ แต่จิตนั้นเกิดขึ้นก็หาไม่ ใน อุปปาทขณะ จิตนั้นไม่ดับด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นดับหรือ จิตเป็นอดีตและอนาคตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นดับก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ดับด้วย หรือว่า จิตใดดับ จิตนั้นไม่เกิดขึ้น ถูกแล้ว [๖๕] จิตใดเกิดขึ้นอยู่ จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเกิดขึ้นอยู่ ในภังคขณะ จิตเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นเกิดขึ้นอยู่ก็หาไม่ ในอุปปาท ขณะ จิตเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นอยู่ด้วย จิตใดไม่เกิดขึ้นอยู่ จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในภังคขณะ จิตไม่เกิดขึ้นอยู่ แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็นอดีตและอนาคต ไม่เกิดขึ้นอยู่ด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่เกิดขึ้นอยู่ ถูกแล้ว [๖๖] จิตใดดับอยู่ จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นดับอยู่ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นดับอยู่ก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว ดับอยู่ด้วย จิตใดไม่ดับอยู่ จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในอุปปาทขณะ จิตไม่ดับอยู่ แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็น อดีตและอนาคต ไม่ดับอยู่ด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่ดับอยู่ ถูกแล้ว [๖๗] จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเคยเกิดขึ้นแล้วหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเกิดขึ้นแล้ว หามิได้ จิตใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นเกิดขึ้นแล้ว หามิได้ จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเคยเกิดขึ้นแล้วหรือ จิตเป็นอดีตไม่เกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิต เป็นอนาคต ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตเป็นปัจจุบัน ไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็นอนาคต ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย จิตใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ จิตเป็นอนาคตไม่เกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นจักไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ จิตเป็นอดีต ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว จักไม่เกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตเป็นปัจจุบันจักไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นจักไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ จิตเป็นอดีต จักไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย [๖๘] จิตใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตนั้น จักเกิดขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดจักเกิดขึ้น แต่จิตนั้นเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตนั้น เคยเกิดขึ้นแล้ว หามิได้ จิตใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตนั้น จักไม่เกิดขึ้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดจักไม่เกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว ถูกแล้ว [๖๙] จิตที่เกิดขึ้นแล้ว กำลังเกิดขึ้นอยู่หรือ ในภังคขณะ จิตเกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นอยู่ก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นอยู่ด้วย จิตเกิดขึ้นอยู่ เกิดขึ้นแล้วหรือ ถูกแล้ว จิตไม่เกิดขึ้นแล้ว ไม่เกิดขึ้นอยู่หรือ ถูกแล้ว จิตไม่เกิดขึ้นอยู่ ไม่เกิดขึ้นแล้วหรือ ในภังคขณะ จิตไม่เกิดขึ้นอยู่ แต่ไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็นอดีต และอนาคต ไม่เกิดขึ้นอยู่ด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย [๗๐] จิตที่ดับแล้ว ดับอยู่หรือ หามิได้ จิตดับอยู่ ดับแล้วหรือ หามิได้ จิตไม่ดับแล้ว ไม่ดับอยู่หรือ ในภังคขณะ จิตไม่ดับแล้ว แต่ไม่ดับอยู่ก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่ดับแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่ดับอยู่ด้วย จิตไม่ดับอยู่ ไม่ดับแล้วหรือ จิตเป็นอดีตไม่ดับอยู่ แต่ไม่ดับแล้วก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็น- *อนาคตเท่านั้น ไม่ดับอยู่ด้วยนั่นเทียว ไม่ดับแล้วด้วย [๗๑] จิตใด เมื่อเกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้ว จิตนั้นเมื่อดับไป ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้วหรือ ในภังคขณะ จิตก้าวล่วงอุปปาทขณะ ไม่ก้าวล่วงภังคขณะ จิตเป็นอดีต ก้าวล่วงอุปปาทขณะด้วย ก้าวล่วงภังคขณะด้วย หรือว่า จิตใด เมื่อดับไป ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้ว จิตนั้นเมื่อเกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้ว จิตเป็นอดีต จิตใด เมื่อไม่เกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วง แล้ว จิตนั้นเมื่อไม่ดับไป ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาลอันก้าวล่วง แล้วหรือ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ในอุปปาทขณะ หรือว่า จิตใดเมื่อยังไม่ดับไป ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้ว จิตนั้นเมื่อไม่เกิดขึ้น ก้าวล่วงซึ่งขณะๆ เป็นจิตมีกาล อันก้าวล่วงแล้ว ในภังคขณะ จิตไม่ก้าวล่วงภังคขณะ แต่ไม่ก้าวล่วงอุปปาทขณะก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่ก้าวล่วงภังคขณะด้วย ไม่ก้าวล่วง- *อุปปาทขณะด้วย
นิทเทสแห่งธรรมวาร จบ
นิทเทสแห่งปุคคลธรรมวาร
[๗๒] จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้น ยังไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้น จักดับ จักไม่เกิดขึ้นหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่ดับ จักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของ บุคคลนั้นเกิดขึ้น ไม่ดับ ถูกแล้ว จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่ดับ จักเกิดขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่ดับ จักเกิดขึ้น จิตนั้นของ บุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น ดับ ไม่มี [๗๓] จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้น แล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิด ขึ้น ในภังคขณะ จิตเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้นก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว เกิดขึ้นด้วย จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น แล้วหรือ ในภังคขณะ จิตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ จิตเป็นอดีตและอนาคต ไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้น ถูกแล้ว [๗๔] จิตใดของบุคคลใดดับ จิตนั้นของบุคคลนั้น เกิดขึ้น แล้วหรือ ถูกแล้ว หรือว่า จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นดับ ในอุปปาทขณะ จิตเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นของบุคคลนั้นดับก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเกิดแล้วด้วยนั่นเทียว ดับด้วย จิตใดของบุคคลใดไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้น แล้วหรือ ในอุปปาทขณะ จิตไม่ดับ แต่จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้นแล้ว ก็หาไม่ จิตเป็นอดีตและอนาคต ไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่ดับ ถูกแล้ว [๗๕] จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นเคยเกิดขึ้น แล้วหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้น เกิดขึ้น หามิได้ จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เคยเกิดขึ้น แล้วหรือ จิตเป็นอดีตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วย หรือว่า จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคล นั้น ไม่เกิดขึ้น ในอุปปาทขณะ จิตไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้น ก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่เกิดขึ้นด้วย จิตใดของบุคคลใดเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นจักเกิดขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นเกิดขึ้น หามิได้ จิตใดของบุคคลใดไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้นหรือ จิตเป็นอนาคตไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้นก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอดีตเท่านั้นไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว จักไม่เกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เกิดขึ้น ในอุปปาทขณะ จิตจักไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เกิดขึ้น ก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตเป็นอดีตเท่านั้น จักไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เกิด ขึ้นด้วย จิตใดของบุคคลใดเคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นจักเกิด ขึ้นหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักเกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้นเคย เกิดขึ้นแล้ว หามิได้ จิตใดของบุคคลใดไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้น จักไม่ เกิดขึ้นหรือ จิตเป็นอนาคตไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่เกิดขึ้น ก็หาไม่ จิตเป็นปัจจุบัน ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วยนั่นเทียว จักไม่เกิดขึ้นด้วย หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่เกิดขึ้น จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว จิตเป็นอดีต จักไม่เกิดขึ้น แต่จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นแล้ว ก็หาไม่ จิตเป็นปัจจุบัน จักไม่เกิดขึ้นด้วยนั่นเทียว ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วด้วย [๗๖] จิตใดของบุคคลใดดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นเคยดับแล้ว หรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดเคยดับแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นดับ หามิได้ จิตใดของบุคคลใดไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เคยดับแล้วหรือ จิตเป็นอดีตไม่ดับ แต่จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เคยดับแล้วก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่เคยดับแล้วด้วย หรือว่า จิตใดของบุคคลใด ไม่เคยดับแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่ดับ ในภังคขณะ จิตไม่เคยดับแล้ว แต่จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่ดับก็หาไม่ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เคยดับแล้วด้วยนั่นเทียว ไม่ดับด้วย จิตใดของบุคคลใดดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นจักดับหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นดับ หามิได้ จิตใดของบุคคลใดไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่ดับหรือ หามิได้ จิตใดของบุคคลใดไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่ดับหรือ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้นไม่ดับ แต่จิตนั้นของบุคคลนั้น จักไม่ดับก็หาไม่ จิตเป็นอดีตไม่ดับด้วยนั่นเทียว จักไม่ดับด้วย หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่ดับ ในภังคขณะ จิตจักไม่ดับ แต่จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่ดับก็หาไม่ จิต เป็นอดีตจักไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่ดับด้วย จิตใดของบุคคลใดเคยดับแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นจักดับหรือ หามิได้ หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นเคยดับ แล้ว หามิได้ จิตใดของบุคคลใดไม่เคยดับแล้ว จิตนั้นของบุคคลนั้นจักไม่ดับ หรือ ในอุปปาทขณะ จิตเป็นอนาคตเท่านั้น ไม่เคยดับแล้ว แต่จิตนั้นของ บุคคลนั้น จักไม่ดับก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตไม่เคยดับแล้วด้วยนั่นเทียว จักไม่ ดับด้วย หรือว่า จิตใดของบุคคลใดจักไม่ดับ จิตนั้นของบุคคลนั้นไม่เคย ดับแล้ว จิตเป็นอดีตจักไม่ดับ แต่จิตนั้นของบุคคลนั้น ไม่เคยดับแล้วก็หาไม่ ในภังคขณะ จิตจักไม่ดับด้วยนั่นเทียว ไม่เคยดับแล้วด้วย.
นิทเทสแห่งปุคคลธรรมวาร จบ
นิทเทสแห่งมิสสกวาร
[๗๗] ในข้อที่ว่า จิตของบุคคลใด ท่านแสดงไว้โดยภาวะแห่งตน ในข้อที่ว่า ในจิตใดแล ในจิตของบุคคลใด ท่านแสดงไว้โดยอรรถอันเดียวกัน จิตมีราคะของบุคคลใด ฯลฯ กุศลธรรม อกุศลธรรม อัพยากตธรรม สุขายเวทนายสัมปยุตธรรม ทุกขายเวทนายสัมปยุตธรรม อทุกขมสุขายเวทนาย- *สัมปยุตธรรม ฯลฯ สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อนิ- *ทัสสนายปฏิฆธรรม เหตุธรรม นเหตุธรรม ฯลฯ สรณธรรม อรณธรรม ธรรมเหล่านี้ ตลอดจนถึงสรณธรรม และอรณธรรม ย่อมถึงซึ่งความเป็นยมก ๓ คือ มูลยมก จิตตยมก ธรรมยมก.
นิทเทสแห่งมิสสกวาร จบ
จิตตยมก จบ
ธรรมยมก
ปัณณัตติวาร
อุทเทสวาร
[๗๘] กุศลคือกุศลธรรมหรือ กุศลธรรมคือกุศลหรือ อกุศลคืออกุศลธรรมหรือ อกุศลธรรมคืออกุศลหรือ อัพยากตะคืออัพยากตธรรมหรือ อัพยากตธรรมคืออัพยากตะหรือ [๗๙] ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่กุศลธรรมหรือ ไม่ใช่กุศลธรรม ไม่ใช่ อกุศลหรือ ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่อกุศลธรรมหรือ ไม่ใช่อกุศลธรรม ไม่ใช่อกุศล หรือ ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่อัพยากตธรรมหรือ ไม่ใช่อัพยากตธรรม ไม่ใช่อัพยากตะหรือ [๘๐] กุศลคือกุศลธรรมหรือ ธรรมคืออกุศลธรรมหรือ กุศลคือกุศลธรรมหรือ ธรรมคืออัพยากตธรรมหรือ อกุศลคืออกุศลธรรมหรือ ธรรมคือกุศลธรรมหรือ อกุศลคืออกุศลธรรมหรือ ธรรมคืออัพยากตธรรมหรือ อัพยากตะคืออัพยากตธรรมหรือ ธรรมคือกุศลธรรมหรือ อัพยากตะคืออัพยากตธรรมหรือ ธรรมคืออกุศลธรรมหรือ [๘๑] ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่กุศลธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อกุศลธรรม หรือ ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่กุศลธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อัพยากตธรรม หรือ ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่อกุศลธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่กุศลธรรม หรือ ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่อกุศลธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อัพยากตธรรม หรือ ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่อัพยากตธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่ กุศลธรรมหรือ ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่อัพยากตธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่ อกุศลธรรมหรือ [๘๒] กุศลคือธรรมหรือ ธรรมคือกุศลหรือ อกุศลคือธรรมหรือ ธรรมคืออกุศลหรือ อัพยากตะคือธรรมหรือ ธรรมคืออัพยากตะหรือ [๘๓] ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่กุศลหรือ ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อกุศลหรือ ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อัพยากตะหรือ [๘๔] กุศลคือธรรมหรือ ธรรมคืออกุศลหรือ กุศลคือธรรมหรือ ธรรมคืออัพยากตะหรือ อกุศลคือธรรมหรือ ธรรมคือกุศลหรือ อกุศลคือธรรมหรือ ธรรมคืออัพยากตะหรือ อัพยากตะคือธรรมหรือ ธรรมคือกุศลหรือ อัพยากตะคือธรรมหรือ ธรรมคืออกุศลหรือ [๘๕] ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อกุศลหรือ ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อัพยากตะหรือ ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่กุศลหรือ ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อัพยากตะหรือ ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่กุศลหรือ ไม่ใช่อัพยากตะ ไม่ใช่ธรรมหรือ ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่อกุศลหรือ
อุทเทสวาร จบ
นิทเทสวาร
[๘๖] กุศลคือกุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว กุศลธรรมคือกุศลหรือ ถูกแล้ว อกุศลคืออกุศลธรรมหรือ ถูกแล้ว อกุศลธรรมคืออกุศลหรือ ถูกแล้ว อัพยากตะคืออัพยากตธรรมหรือ ถูกแล้ว อัพยากตธรรมคืออัพยากตะหรือ ถูกแล้ว

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๙ บรรทัดที่ ๓๓๒-๑๐๑๓ หน้าที่ ๑๕-๔๒. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=39&A=332&Z=1013&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=39&item=44&items=43              อ่านโดยใช้เครื่องหมาย [เลขข้อ] เป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=39&item=44&items=43&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=39&item=44&items=43              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=39&item=44&items=43              ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=39&i=44              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๙ https://84000.org/tipitaka/read/?index_39 https://84000.org/tipitaka/english/?index_39

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]