ปาจิตติยกัณฑ์
คำถามและคำตอบในลสุณวรรคที่ ๑
[๖๗๕] ภิกษุณีฉันกระเทียม ต้องอาบัติ ๒ คือ รับประเคนด้วยตั้งใจว่าจักฉัน ต้อง
อาบัติทุกกฏ ๑ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ทุกๆ คำกลืน ๑.
[๖๗๖] ภิกษุณีให้ถอนขนในที่แคบ ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้ถอน เป็นทุกกฏใน
ประโยค ๑ ให้ถอนเสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๖๗๗] ภิกษุณีใช้ของลับกระทบกัน ต้องอาบัติ ๒ คือกำลังทำ เป็นทุกกฏใน
ประโยค ๑ เมื่อทำแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๖๗๘] ภิกษุณีใช้ท่อนยางเกลี้ยง ต้องอาบัติ ๒ คือ กำลังใช้ เป็นทุกกฏในประโยค ๑
เมื่อใช้เสร็จแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๖๗๙] ภิกษุณีใช้น้ำชำระให้สะอาดลึกเกิน ๒ ข้อองคุลีเป็นอย่างยิ่ง ต้องอาบัติ ๒
คือ กำลังใช้ เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อใช้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๖๘๐] ภิกษุณีบำรุงภิกษุผู้กำลังฉัน ด้วยน้ำฉัน ด้วยการพัด ต้องอาบัติ ๒ คือ
ยืนอยู่ในหัตถบาส ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑ ยืนพ้นหัตถบาส ต้องอาบัติทุกกฏ ๑.
[๖๘๑] ภิกษุณีขอข้าวเปลือกสดมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ คือรับประเคนด้วยตั้งใจว่าจักฉัน
ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ทุกคำกลืน ๑.
[๖๘๒] ภิกษุณีเทอุจจาระก็ดี ปัสสาวะก็ดี น้ำลายก็ดี หยากเยื่อก็ดี ของเป็นเดนก็ดี
ที่ภายนอกฝา ต้องอาบัติ ๒ คือกำลังเท เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อเทแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๖๘๓] ภิกษุณีเทอุจจาระก็ดี ปัสสาวะก็ดี น้ำลายก็ดี หยากเยื่อก็ดี ของเป็นเดนก็ดี
บนของเขียวสด ต้องอาบัติ ๒ คือกำลังเทเป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อเทแล้ว ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ ๑.
[๖๘๔] ภิกษุณีไปดูฟ้อนรำก็ดี ขับร้องก็ดี ประโคมก็ดี ต้องอาบัติ ๒ คือ กำลังไป
ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ ยืนอยู่ในที่ใดมองเห็นหรือได้ยิน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
ลสุณวรรคที่ ๑ จบ
-----------------------------------------------------
คำถามและคำตอบในรัตตันธการวรรคที่ ๒
[๖๘๕] ภิกษุณียืนร่วมกับบุรุษในเวลาค่ำคืน ไม่มีประทีปส่องหนึ่งต่อหนึ่งต้องอาบัติ
๒ คือ ยืนอยู่ในหัตถบาส ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑ ยืนพ้นหัตถบาสต้องอาบัติทุกกฏ ๑.
[๖๘๖] ภิกษุณียืนร่วมกับบุรุษในโอกาสอันกำบังหนึ่งต่อหนึ่ง ต้องอาบัติ ๒ คือ ยืน
อยู่ในหัตถบาส ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑ ยืนพ้นหัตถบาส ต้องอาบัติทุกกฏ ๑.
[๖๘๗] ภิกษุณียืนร่วมกับบุรุษในที่แจ้ง หนึ่งต่อหนึ่ง ต้องอาบัติ ๒ คือ ยืนอยู่ใน
หัตถบาส ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑ ยืนพ้นหัตถบาส ต้องอาบัติทุกกฏ ๑.
[๖๘๘] ภิกษุณียืนร่วมกับบุรุษ ในถนนก็ดี ในตรอกตันก็ดี ในทางสามแพร่งก็ดี
หนึ่งต่อหนึ่ง ต้องอาบัติ ๒ คือ ยืนอยู่ในหัตถบาส ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑ ยืนพ้นหัตถบาส
ต้องอาบัติทุกกฏ ๑.
[๖๘๙] ภิกษุณีเข้าไปสู่สกุลในเวลาเช้า นั่งบนอาสนะแล้ว ไม่บอกลาเจ้าของ กลับไป
ต้องอาบัติ ๒ คือ ก้าวเท้าที่ ๑ ล่วงพ้นชายคาไป ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ ก้าวเท้าที่ ๒ ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ ๑.
[๖๙๐] ภิกษุณีเข้าไปสู่สกุลในเวลาหลังภัตตกาล ไม่บอกเจ้าของแล้วนั่งบนอาสนะ
ต้องอาบัติ ๒ คือ กำลังนั่ง เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อนั่งแล้วต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๖๙๑] ภิกษุณีเข้าไปสู่สกุลในเวลาวิกาล ไม่บอกเจ้าของ ลาดเองก็ดี ให้ลาดก็ดี
ซึ่งที่นอน แล้วขึ้นนั่ง ต้องอาบัติ ๒ คือ ขึ้นนั่ง เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อขึ้นนั่งแล้ว
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๖๙๒] ภิกษุณีให้ภิกษุณีรูปอื่นโพนทะนา ด้วยเรื่องที่ถือผิด เข้าใจผิด ต้องอาบัติ ๒
คือ ให้โพนทะนา เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อให้โพนทะนาแล้วต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๖๙๓] ภิกษุณีแช่งตนก็ดี ผู้อื่นก็ดี ด้วยนรกก็ดี ด้วยพรหมจรรย์ก็ดี ต้องอาบัติ ๒
คือ กำลังแช่ง เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อแช่งแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๖๙๔] ภิกษุณีประหัตประหารตนแล้ว ร้องไห้ ต้องอาบัติ ๒ คือประหัตประหาร
แล้วร้องไห้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑ ประหัตประหาร แต่ไม่ร้องไห้ต้องอาบัติทุกกฏ ๑.
รัตตันธการวรรคที่ ๒ จบ
-----------------------------------------------------
คำถามและคำตอบในนหานวรรคที่ ๓
[๖๙๕] ภิกษุณีเปลือยกายอาบน้ำ ต้องอาบัติ ๒ คือ กำลังอาบ เป็นทุกกฏใน
ประโยค ๑ อาบเสร็จ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๖๙๖] ภิกษุณีให้ทำผ้าอาบน้ำฝนเกินประมาณ ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้ทำเป็นทุกกฏ
ในประโยค ๑ เมื่อให้ทำแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๖๙๗] ภิกษุณีเลาะเองก็ดี ให้ผู้อื่นเลาะก็ดี ซึ่งจีวรของภิกษุณี แล้วไม่เย็บ ไม่ทำ
การขวนขวายเพื่อให้เย็บ ต้องอาบัติตัวหนึ่ง คือ ปาจิตตีย์.
[๖๙๘] ภิกษุณีผลัดเปลี่ยนผ้าสังฆาฏิ อันมีกำหนด ๕ วัน ให้เกินไปต้องอาบัติตัวหนึ่ง
คือ ปาจิตตีย์.
[๖๙๙] ภิกษุณีใช้จีวรสับเปลี่ยน ต้องอาบัติ ๒ คือ กำลังใช้ เป็นทุกกฏในประโยค ๑
เมื่อใช้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๐๐] ภิกษุณีทำลาภคือจีวรของหมู่ให้เป็นอันตราย ต้องอาบัติ ๒ คือกำลังทำ เป็น
ทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อทำแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๐๑] ภิกษุณีห้ามการแจกจีวร อันเป็นไปโดยชอบธรรม ต้องอาบัติ ๒ คือ กำลัง
ห้าม เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อห้ามแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๐๒] ภิกษุณีให้สมณจีวรแก่ชาวบ้านก็ดี ปริพาชกก็ดี ปริพาชิกาก็ดี ต้องอาบัติ ๒
คือ กำลังให้ เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อให้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๐๓] ภิกษุณียังสมัยจีวรกาลให้ล่วงไป ด้วยหวังจะได้จีวรอันไม่แน่นอน ต้องอาบัติ
๒ คือ ให้ล่วงไป เป็นทุกกฏในประโยค ๑ ให้ล่วงไปแล้วต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๐๔] ภิกษุณีห้ามการเดาะกฐิน อันเป็นไปโดยชอบธรรม ต้องอาบัติ ๒ คือ
กำลังห้าม เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อห้ามแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
นหานวรรคที่ ๓ จบ
-----------------------------------------------------
คำถามและคำตอบในตุวัฏฏวรรคที่ ๔
[๗๐๕] ภิกษุณีสองรูป นอนบนเตียงเดียวกัน ต้องอาบัติ ๒ คือ กำลังนอน เป็น
ทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อนอนแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๐๖] ภิกษุณี ๒ รูป มีเครื่องลาดและผ้าห่มผืนเดียวกันนอน ต้องอาบัติ ๒ คือ
กำลังนอน เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อนอนแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๐๗] ภิกษุณีแกล้งทำความไม่ผาสุกแก่ภิกษุณี ต้องอาบัติ ๒ คือกำลังทำ เป็น
ทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อทำแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๐๘] ภิกษุณีไม่บำรุงสหชีวินีผู้ได้รับทุกข์ ทั้งไม่ทำการขวนขวายเพื่อให้ผู้อื่นบำรุง
ต้องอาบัติตัวหนึ่ง คือปาจิตตีย์.
[๗๐๙] ภิกษุณีให้ที่อาศัยแก่ภิกษุณีแล้ว โกรธ ขัดใจ ฉุดคร่าออก ต้องอาบัติ ๒
คือ กำลังฉุดคร่า เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อฉุดคร่าออกแล้วต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๑๐] ภิกษุณีผู้คลุกคลีไม่สละกรรมเพราะสวดสมนุภาสน์ครบ ๓ จบ ต้องอาบัติ ๒
คือ จบญัตติ เป็นทุกกฏ ๑ จบกรรมวาจาครั้งสุด ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๑๑] ภิกษุณีไม่มีพวกเกวียนเป็นเพื่อน เที่ยวจาริกภายในแว่นแคว้น ซึ่งรู้กันว่า
เป็นที่มีรังเกียจ มีภัยเฉพาะหน้า ต้องอาบัติ ๒ คือ เดินไป เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อเดิน
ไปแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๑๒] ภิกษุณีไม่มีพวกเกวียนเป็นเพื่อน เที่ยวจาริกภายนอกแว่นแคว้น ซึ่งรู้กันว่า
เป็นที่มีรังเกียจ มีภัยเฉพาะหน้า ต้องอาบัติ ๒ คือ เดินไป เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อเดิน
ไปแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๑๓] ภิกษุณีเที่ยวจาริกภายในพรรษา ต้องอาบัติ ๒ คือ เดินไปเป็นทุกกฏใน
ประโยค ๑ เมื่อเดินไปแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๑๔] ภิกษุณีอยู่จำพรรษาแล้ว ไม่หลีกไปสู่จาริก ต้องอาบัติตัวหนึ่งคือ ปาจิตตีย์.
ตุวัฏฏวรรคที่ ๔ จบ
-----------------------------------------------------
คำถามและคำตอบในจิตตาคารวรรคที่ ๕
[๗๑๕] ภิกษุณีไปชมโรงละครหลวงก็ดี โรงประกวดภาพก็ดี สถานที่หย่อนใจก็ดี
อุทยานก็ดี สระโบกขรณีก็ดี ต้องอาบัติ ๒ คือ กำลังไป เป็นทุกกฏในประโยค ๑ ยืนอยู่ใน
ที่ใดมองเห็น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๑๖] ภิกษุณีใช้สอยอาสันทิก็ดี บัลลังก์ก็ดี ต้องอาบัติ ๒ คือ ใช้สอย เป็นทุก
กฏในประโยค ๑ เมื่อใช้สอยแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๑๗] ภิกษุณีกรอด้าย ต้องอาบัติ ๒ คือ กำลังกรอ เป็นทุกกฏในประโยค ๑
ม้วนไปๆ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๑๘] ภิกษุณีช่วยทำธุระของคฤหัสถ์ ต้องอาบัติ ๒ คือ กำลังทำเป็นทุกกฏใน
ประโยค ๑ เมื่อทำแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๑๙] ภิกษุณีผู้อันภิกษุณีกล่าวว่า มาเถิด แม่เจ้า ขอจงช่วยระงับอธิกรณ์นี้ รับคำ
ว่า ดีละ แล้วไม่ช่วยระงับ ไม่ทำการขวนขวายเพื่อให้ระงับ ต้องอาบัติตัวหนึ่ง คือ ปาจิตตีย์.
[๗๒๐] ภิกษุณีให้ของเคี้ยวก็ดี ของฉันก็ดี แก่ชาวบ้านก็ดี แก่ปริพาชกก็ดี แก่
ปริพาชิกาก็ดี ด้วยมือของตน ต้องอาบัติ ๒ คือ กำลังให้ เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อให้
แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๒๑] ภิกษุณีไม่สละผ้าอาศัยแล้วใช้เสียเอง ต้องอาบัติ ๒ คือใช้สอย เป็นทุกกฏ
ในประโยค ๑ เมื่อใช้สอยแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๒๒] ภิกษุณีไม่มอบหมายที่อยู่แล้วหลีกไปสู่จาริก ต้องอาบัติ ๒ คือเดินล่วงที่
ล้อมก้าวหนึ่ง ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ เดินล่วงที่ล้อมสองก้าว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๒๓] ภิกษุณีเรียนติรัจฉานวิชา ต้องอาบัติ ๒ คือ กำลังเรียนเป็นทุกกฏในประโยค
๑ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ทุกๆ บท ๑.
[๗๒๔] ภิกษุณีบอกติรัจฉานวิชา ต้องอาบัติ ๒ คือ กำลังบอกเป็นทุกกฏในประโยค
๑ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ทุกๆ บท ๑.
จิตตาคารวรรคที่ ๕ จบ
-----------------------------------------------------
คำถามและคำตอบในอารามวรรคที่ ๖
[๗๒๕] ภิกษุณีรู้อยู่ ไม่บอกกล่าวก่อนเข้าไปสู่อารามที่มีภิกษุ ต้องอาบัติ ๒ คือ
เดินล่วงที่ล้อมก้าวหนึ่ง ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ เดินล่วงที่ล้อมสองก้าวต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๒๖] ภิกษุณีด่าบริภาษภิกษุ ต้องอาบัติ ๒ คือ ด่า เป็นทุกกฏในประโยค ๑
เมื่อด่าแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๒๗] ภิกษุณีแค้นเคืองบริภาษคณะ ต้องอาบัติ ๒ คือ บริภาษ เป็นทุกกฏใน
ประโยค ๑ เมื่อบริภาษแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๒๘] ภิกษุณีอันทายกนิมนต์แล้ว หรือห้ามภัตรแล้ว ฉันของเคี้ยวก็ดี ของฉันก็ดี
ต้องอาบัติ ๒ คือ รับประเคนด้วยตั้งใจจักเคี้ยว จักฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ทุกๆ คำกลืน ๑.
[๗๒๙] ภิกษุณีหวงตระกูล ต้องอาบัติ ๒ คือ หวง เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อ
หวงแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๓๐] ภิกษุณีจำพรรษาในอาวาสที่ไม่มีภิกษุ ต้องอาบัติ ๒ คือ จัดแจงเสนาสนะ
จัดตั้งน้ำฉันน้ำใช้ กวาดบริเวณด้วยตั้งใจจะจำพรรษา ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
พร้อมกับอรุณขึ้น ๑.
[๗๓๑] ภิกษุณีจำพรรษาแล้ว ไม่ปวารณาในสงฆ์ ๒ ฝ่าย ด้วยสถาน ๓ ต้องอาบัติ
ตัวหนึ่ง คือ ปาจิตตีย์.
[๗๓๒] ภิกษุณีไม่ไปเพื่อรับโอวาท หรือเพื่อร่วมสังฆกรรม ต้องอาบัติตัวหนึ่ง คือ
ปาจิตตีย์.
[๗๓๓] ภิกษุณีไม่ถามอุโบสถก็ดี ไม่ขอโอวาทก็ดี ต้องอาบัติตัวหนึ่ง คือปาจิตตีย์.
[๗๓๔] ภิกษุณีไม่บอกสงฆ์หรือคณะ ให้บุรุษผ่าฝีก็ดี บาดแผลก็ดี ซึ่งเกิดที่แง้มขา
ตัวต่อตัวร่วมกัน ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้ผ่า เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อผ่าแล้ว ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ ๑.
อารามวรรคที่ ๖ จบ.
-----------------------------------------------------
คำถามและคำตอบในคัพภินีวรรคที่ ๗
[๗๓๕] ภิกษุณียังสตรีมีครรภ์ให้บวช ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้บวช เป็นทุกกฏใน
ประโยค ๑ เมื่อให้บวชแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๓๖] ภิกษุณียังสตรีแม่ลูกอ่อนให้บวช ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้บวชเป็นทุกกฏใน
ประโยค ๑ เมื่อให้บวชแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๓๗] ภิกษุณียังสิกขมานาผู้มีสิกขายังไม่ได้ศึกษาในธรรม ๖ ประการ ตลอด ๒ ปี
ให้บวช ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้บวช เป็นทุกกฏในประโยค ๑ ให้บวชแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๓๘] ภิกษุณียังสิกขมานาผู้มีสิกขาอันได้ศึกษาในธรรม ๖ ประการ ตลอด ๒ ปี
แล้ว แต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ ให้บวช ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้บวชเป็นทุกกฏในประโยค ๑ ให้
บวชแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๓๙] ภิกษุณียังเด็กหญิงมีอายุหย่อน ๑๒ ปี ให้บวช ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้บวช
เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อให้บวชแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๔๐] ภิกษุณียังเด็กหญิงมีอายุครบ ๑๒ ปีแล้ว แต่มีสิกขายังไม่ได้ศึกษาในธรรม ๖
ประการตลอด ๒ ปี ต้องอาบัติ ๒ คือให้บวช เป็นทุกกฏในประโยค ๑ ให้บวชแล้ว ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ ๑.
[๗๔๑] ภิกษุณียังเด็กหญิงมีอายุครบ ๑๒ ปี มีสิกขาอันได้ศึกษาในธรรม ๖ ประการ
ตลอด ๒ ปีแล้ว แต่สงฆ์ยังไม่สมมติให้บวช ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้บวช เป็นทุกกฏในประโยค
๑ ให้บวชแล้วต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๔๒] ภิกษุณียังสหชีวินีให้บวชแล้ว ไม่อนุเคราะห์ ไม่ให้ผู้อื่นอนุเคราะห์ตลอด
๒ ปี ต้องอาบัติตัวหนึ่ง คือ ปาจิตตีย์.
[๗๔๓] ภิกษุณีไม่ติดตามปวัตตินีผู้ให้อุปสมบท ตลอด ๒ ปี ต้องอาบัติตัวหนึ่ง คือ
ปาจิตตีย์.
[๗๔๔] ภิกษุณียังสหชีวินีให้อุปสมบทแล้ว ไม่พาหลีกไปเอง ไม่ยังผู้อื่นให้พาหลีก
ไป ต้องอาบัติตัวหนึ่ง คือ ปาจิตตีย์.
คัพภินีวรรคที่ ๗ จบ.
-----------------------------------------------------
คำถามและคำตอบในกุมารีภูตวรรคที่ ๘
[๗๔๕] ภิกษุณียังสามเณรีที่เป็นเด็กหญิงมีอายุหย่อน ๒๐ ปี ให้อุปสมบท ต้อง
อาบัติ ๒ คือ ให้อุปสมบท เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อให้อุปสมบทแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๔๖] ภิกษุณียังสามเณรีที่เป็นเด็กหญิงมีอายุครบ ๒๐ ปีแล้ว แต่มีสิกขายังไม่ได้
ศึกษาในธรรม ๖ ประการตลอด ๒ ปี ให้อุปสมบท ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้อุปสมบท เป็นทุก
กฏในประโยค ๑ เมื่อให้อุปสมบทแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๔๗] ภิกษุณียังสามเณรีผู้มีอายุครบ ๒๐ ปี มีสิกขาอันได้ศึกษาในธรรม ๖ ประการ
ตลอด ๒ ปีแล้ว แต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติให้อุปสมบท ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้อุปสมบท เป็น
ทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อให้อุปสมบทแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๔๘] ภิกษุณีมีพรรษาหย่อน ๑๒ ให้อุปสมบท ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้อุปสมบท
เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อให้อุปสมบทแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๔๙] ภิกษุณีมีพรรษาครบ ๑๒ แล้ว แต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ ให้อุปสมบท ต้อง
อาบัติ ๒ คือ ให้อุปสมบท เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อให้อุปสมบทแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๕๐] ภิกษุณีผู้อันภิกษุณีกล่าวอยู่ว่า อย่าเพ่อก่อน แม่คุณ ท่านอย่ายังสิกขมานา
ให้อุปสมบท รับคำว่า ดีละ แล้วถึงธรรมคือความบ่นว่าในภายหลังต้องอาบัติ ๒ คือ กำลังบ่น
ว่า เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อบ่นว่าแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๕๑] ภิกษุณีกล่าวกะสิกขมานาว่า แม่เจ้า ถ้าท่านจักให้จีวรแก่เราๆ จะให้ท่าน
อุปสมบทตามปรารถนา แล้วไม่ให้อุปสมบท ไม่ทำการขวนขวายเพื่อให้อุปสมบท ต้องอาบัติ
ตัวหนึ่ง คือ ปาจิตตีย์.
[๗๕๒] ภิกษุณีกล่าวกะสิกขมานาว่า แม่เจ้า ถ้าท่านจักติดตามเราตลอด ๒ ปี เรา
จักให้ท่านอุปสมบทตามปรารถนา แล้วไม่ให้อุปสมบท ไม่ทำการขวนขวายเพื่อให้อุปสมบท ต้อง
อาบัติตัวหนึ่ง คือ ปาจิตตีย์.
[๗๕๓] ภิกษุณียังสิกขมานาผู้เกี่ยวข้องด้วยบุรุษ ผู้คลุกคลีกับเด็กหนุ่ม ผู้ดุร้าย ยัง
ชายให้ระทมโศก ให้อุปสมบท ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้อุปสมบท เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อ
ให้อุปสมบทแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๕๔] ภิกษุณียังสิกขมานาผู้อันมารดาบิดา หรือสามียังไม่อนุญาต ให้อุปสมบท
ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้อุปสมบท เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อให้อุปสมบทแล้ว ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ ๑.
[๗๕๕] ภิกษุณียังสิกขมานาให้บวช ด้วยการให้ฉันทะค้างคราว ต้องอาบัติ ๒ คือ
ให้บวช เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อให้บวชแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๕๖] ภิกษุณียังสิกขมานาให้บวชทุกปี ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้บวชเป็นทุกกฏใน
ประโยค ๑ เมื่อให้บวชแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๕๗] ภิกษุณียังสิกขมานาให้บวชปีละ ๒ รูป ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้บวช เป็น
ทุกกฏในประโยค ๑ ให้บวชแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
กุมารีภูตวรรคที่ ๘ จบ.
-----------------------------------------------------
คำถามและคำตอบในฉัตตุปาหนวรรคที่ ๙
[๗๕๘] ภิกษุณีใช้ร่มและรองเท้า ต้องอาบัติ ๒ คือ ใช้ เป็นทุกกฏในประโยค ๑
เมื่อใช้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๕๙] ภิกษุณีไปด้วยยาน ต้องอาบัติ ๒ คือ ไป เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อ
ไปแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๖๐] ภิกษุณีใช้เครื่องประดับเอว ต้องอาบัติ ๒ คือ ใช้ เป็นทุกกฏในประโยค ๑
เมื่อใช้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๖๑] ภิกษุณีใช้เครื่องประดับสำหรับสตรี ต้องอาบัติ ๒ คือ ใช้ เป็นทุกกฏใน
ประโยค ๑ เมื่อใช้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๖๒] ภิกษุณีอาบน้ำปรุงเครื่องประเทืองผิว ต้องอาบัติ ๒ คือ อาบ เป็นทุกกฏ
ในประโยค ๑ อาบเสร็จ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๖๓] ภิกษุณีอาบน้ำปรุงกำยานเป็นเครื่องอบ ต้องอาบัติ ๒ คือ อาบเป็นทุกกฏใน
ประโยค ๑ อาบเสร็จ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๖๔] ภิกษุณียังภิกษุณีให้นวด ให้ขยำ ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้นวด เป็นทุกกฏ
ในประโยค ๑ เมื่อนวดแล้วต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๖๕] ภิกษุณียังสิกขมานาให้นวด ให้ขยำ ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้นวด เป็น
ทุกกฏ ในประโยค ๑ เมื่อนวดแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๖๖] ภิกษุณียังสามเณรีให้นวด ให้ขยำ ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้นวดเป็นทุกกฏ
ในประโยค ๑ เมื่อนวดแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
ภิกษุณียังหญิงคฤหัสถ์ให้นวด ให้ขยำ ต้องอาบัติ ๒ คือ ให้นวดเป็นทุกกฏใน
ประโยค ๑ เมื่อนวดแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
ภิกษุณีไม่ขอโอกาส นั่งบนอาสนะข้างหน้าภิกษุ ต้องอาบัติ ๒ คือ นั่งเป็นทุกกฏ
ในประโยค ๑ เมื่อนั่งแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๖๗] ภิกษุณีถามปัญหากะภิกษุผู้ที่ตนยังมิได้ขอโอกาส ต้องอาบัติ ๒ คือ ถาม
เป็นทุกกฏในประโยค ๑ เมื่อถามแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
[๗๖๘] ภิกษุณีไม่มีผ้ารัดถันเข้าไปสู่บ้าน ต้องอาบัติ ๒ คือ เดินล่วงที่ล้อมก้าวที่หนึ่ง
ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ เดินล่วงที่ล้อมก้าวที่สอง ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑.
ฉัตตุปาหนวรรคที่ ๙ จบ.
ขุททกสิกขาบท ๙ วรรค จบ
-----------------------------------------------------
เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๘ บรรทัดที่ ๕๑๖๙-๕๔๐๘ หน้าที่ ๑๙๕-๒๐๔.
https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=8&A=5169&Z=5408&pagebreak=0
https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=8&item=675&items=94
อ่านโดยใช้เครื่องหมาย [เลขข้อ] เป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :-
https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=8&item=675&items=94&mode=bracket
อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :-
https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=8&item=675&items=94
อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :-
https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=8&item=675&items=94
ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :-
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=8&i=675
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๘
https://84000.org/tipitaka/read/?index_8
https://84000.org/tipitaka/english/?index_8
บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖.
บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙.
การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง.
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]