บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
|
|
ฉบับหลวง ฉบับมหาจุฬาฯ บาลีอักษรไทย PaliRoman |
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๔. อัฏฐกถากัณฑ์]
ทุกอัตถุทธาระ ปิฏฐิทุกะ
๑๓. ปิฏฐิทุกะ ๑. ทัสสเนนปหาตัพพทุกะ [๑๕๘๑] สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค เป็นไฉน จิตตุปบาทที่สัมปยุตด้วยทิฏฐิ ๔ จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา สภาว- ธรรมเหล่านี้ชื่อว่าต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะ วิปปยุตจากทิฏฐิ ๔ จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโทมนัส ๒ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี [๑๕๘๒] สภาวธรรมที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค เป็นไฉน จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ กุศลในภูมิ ๔ วิบากในภูมิ ๔ อัพยากต- กิริยาในภูมิ ๓ รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าไม่ต้องประหาณด้วย โสดาปัตติมรรค๒. ภาวนายปหาตัพพทุกะ [๑๕๘๓] สภาวธรรมที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ เป็นไฉน จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าต้องประหาณด้วย มรรคเบื้องบน ๓ จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะ วิปปยุตจากทิฏฐิ ๔ จิตตุปบาท ที่สหรคตด้วยโทมนัส ๒ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี ไม่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี [๑๕๘๔] สภาวธรรมที่ไม่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ เป็นไฉน จิตตุปบาทที่สัมปยุตด้วยทิฏฐิ ๔ จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา กุศลใน ภูมิ ๔ วิบากในภูมิ ๔ อัพยากตกิริยาในภูมิ ๓ รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่าไม่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓๓. ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกทุกะ [๑๕๘๕] สภาวธรรมที่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค เป็นไฉน {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า : ๓๘๒}
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๔. อัฏฐกถากัณฑ์]
ทุกอัตถุทธาระ ปิฏฐิทุกะ
จิตตุปบาทที่สัมปยุตด้วยทิฏฐิ ๔ จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา เว้นโมหะ ที่เกิดขึ้นในจิตตุปบาทนี้ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่ามีเหตุต้องประหาณด้วยโสดา- ปัตติมรรค จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะ วิปปยุตจากทิฏฐิ ๔ จิตตุปบาทที่สหรคต ด้วยโทมนัส ๒ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่ามีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี [๑๕๘๖] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค เป็นไฉน โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ กุศลในภูมิ ๔ วิบากในภูมิ ๔ อัพยากตกิริยาในภูมิ ๓ รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค๔. ภาวนายปหาตัพพเหตุกทุกะ [๑๕๘๗] สภาวธรรมที่มีเหตุต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ เป็นไฉน จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ เว้นโมหะที่เกิดขึ้นในจิตตุปบาทนี้ สภาว- ธรรมเหล่านี้ชื่อว่ามีเหตุต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ จิตตุปบาทที่สหรคตด้วย โลภะ วิปปยุตจากทิฏฐิ ๔ จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโทมนัส ๒ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่ามีเหตุต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยมรรค เบื้องบน ๓ ก็มี [๑๕๘๘] สภาวธรรมที่ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ เป็นไฉน จิตตุปบาทที่สัมปยุตด้วยทิฏฐิ ๔ จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา โมหะที่ สหรคตด้วยอุทธัจจะ กุศลในภูมิ ๔ วิบากในภูมิ ๔ อัพยากตกิริยาในภูมิ ๓ รูป และ นิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓๕. สวิตักกทุกะ [๑๕๘๙] สภาวธรรมที่มีวิตก เป็นไฉน กามาวจรกุศล อกุศล จิตตุปบาทฝ่ายวิบากแห่งกามาวจรกุศล ๑๑ ฝ่าย วิบากแห่งอกุศล ๒ ฝ่ายกิริยา ๑๑ รูปาวจรปฐมฌานฝ่ายกุศล วิบาก และกิริยา โลกุตตรปฐมฌานฝ่ายกุศล และวิบาก เว้นวิตกที่เกิดขึ้นในจิตตุปบาทนี้แล้ว สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่ามีวิตก {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า : ๓๘๓}
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๔. อัฏฐกถากัณฑ์]
ทุกอัตถุทธาระ ปิฏฐิทุกะ
[๑๕๙๐] สภาวธรรมที่ไม่มีวิตก เป็นไฉน ทวิปัญจวิญญาณ ฌาน ๓ และฌาน ๔ ที่เป็นรูปาวจรฝ่ายกุศล วิบาก และ กิริยา อรูป ๔ ฝ่ายกุศล วิบาก และกิริยา ฌาน ๓ และฌาน ๔ ที่เป็นโลกุตตระ ฝ่ายกุศล และวิบาก วิตก รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าไม่มีวิตก๖. สวิจารทุกะ [๑๕๙๑] สภาวธรรมที่มีวิจาร เป็นไฉน กามาวจรกุศล อกุศล จิตตุปบาทฝ่ายวิบากแห่งกามาวจรกุศล ๑๑ ฝ่าย วิบากแห่งอกุศล ๒ ฝ่ายกิริยา ๑๑ ฌาน ๑ และฌาน ๒ ที่เป็นรูปาวจรฝ่ายกุศล วิบาก และกิริยา ฌาน ๑ และฌาน ๒ ที่เป็นโลกุตตระฝ่ายกุศลและวิบาก เว้นวิจาร ที่เกิดขึ้นในจิตตุปบาทนี้ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่ามีวิจาร [๑๕๙๒] สภาวธรรมที่ไม่มีวิจาร เป็นไฉน ทวิปัญจวิญญาณ ฌาน ๓ และฌาน ๓ ที่เป็นรูปาวจรฝ่ายกุศล วิบาก และ กิริยา อรูป ๔ ฝ่ายกุศล วิบาก และกิริยา ฌาน ๓ และฌาน ๓ ที่เป็นโลกุตตระ ฝ่ายกุศลและวิบาก วิจาร รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าไม่มีวิจาร๗. สัปปีติกทุกะ [๑๕๙๓] สภาวธรรมที่มีปีติ เป็นไฉน จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโสมนัสฝ่ายกามาวจรกุศล ๔ ฝ่ายอกุศล ๔ ฝ่ายวิบาก แห่งกามาวจรกุศล ๕ ฝ่ายกิริยา ๕ ฌาน ๒ และฌาน ๓ ที่เป็นรูปาวจรฝ่ายกุศล วิบาก และกิริยา ฌาน ๒ และฌาน ๓ ที่เป็นโลกุตตระฝ่ายกุศล และวิบาก เว้นปีติ ที่เกิดขึ้นในจิตตุปบาทนี้ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่ามีปีติ [๑๕๙๔] สภาวธรรมที่ไม่มีปีติ เป็นไฉน จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยอุเบกขาฝ่ายกามาวจรกุศล ๔ ฝ่ายอกุศล ๘ ฝ่าย วิบากแห่งกามาวจรกุศล ๑๑ ฝ่ายวิบากแห่งอกุศล ๗ ฝ่ายกิริยา ๖ ฌาน ๒ และ ฌาน ๒ ที่เป็นรูปาวจรฝ่ายกุศล วิบาก และกิริยา อรูป ๔ ฝ่ายกุศล วิบาก และ กิริยา ฌาน ๒ และฌาน ๒ ที่เป็นโลกุตตระฝ่ายกุศลและวิบาก ปีติ รูป และ นิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าไม่มีปีติ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า : ๓๘๔}
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๔. อัฏฐกถากัณฑ์]
ทุกอัตถุทธาระ ปิฏฐิทุกะ
๘. ปีติสหคตทุกะ [๑๕๙๕] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยปีติ เป็นไฉน จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโสมนัสฝ่ายกามาวจรกุศล ๔ ฝ่ายอกุศล ๔ ฝ่าย วิบากแห่งกามาวจรกุศล ๕ ฝ่ายกิริยา ๕ ฌาน ๒ และฌาน ๓ ที่เป็นรูปาวจร ฝ่ายกุศล วิบาก และกิริยา ฌาน ๒ และฌาน ๓ ที่เป็นโลกุตตระฝ่ายกุศล และ วิบาก เว้นปีติที่เกิดขึ้นในจิตตุปบาทนี้แล้ว สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าสหรคตด้วยปีติ [๑๕๙๖] สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยปีติ เป็นไฉน จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยอุเบกขา ฝ่ายกามาวจรกุศล ๔ ฝ่ายอกุศล ๘ ฝ่าย วิบากแห่งกามาวจรกุศล ๑๑ ฝ่ายวิบากแห่งอกุศล ๗ ฝ่ายกิริยา ๖ ฌาน ๒ และ ฌาน ๒ ที่เป็นรูปาวจรฝ่ายกุศล วิบาก และกิริยา อรูป ๔ ฝ่ายกุศล วิบาก และ กิริยา ฌาน ๒ และฌาน ๒ ที่เป็นโลกุตตระฝ่ายกุศลและวิบาก ปีติ รูป และ นิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าไม่สหรคตด้วยปีติ๙. สุขสหคตทุกะ [๑๕๙๗] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยสุข เป็นไฉน จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโสมนัสฝ่ายกามาวจรกุศล ๔ ฝ่ายอกุศล ๔ ฝ่ายวิบาก แห่งกามาวจรกุศล ๖ ฝ่ายกิริยา ๕ ฌาน ๓ และฌาน ๔ ที่เป็นรูปาวจรฝ่ายกุศล วิบาก และกิริยา ฌาน ๓ และฌาน ๔ ที่เป็นโลกุตตระฝ่ายกุศลและวิบาก เว้นสุขที่ เกิดขึ้นในจิตตุปบาทนี้ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าสหรคตด้วยสุข [๑๕๙๘] สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยสุข เป็นไฉน จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยอุเบกขาฝ่ายกามาวจรกุศล ๔ ฝ่ายอกุศล ๘ ฝ่าย วิบากแห่งกามาวจรกุศล ๑๐ ฝ่ายวิบากแห่งอกุศล ๗ ฝ่ายกิริยา ๖ รูปาวจรจตุตถ- ฌานฝ่ายกุศล วิบาก และกิริยา อรูป ๔ ฝ่ายกุศล วิบาก และกิริยา โลกุตตร- จตุตถฌานฝ่ายกุศลและวิบาก สุข รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ไม่สหรคตด้วยสุข {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า : ๓๘๕}
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๔. อัฏฐกถากัณฑ์]
ทุกอัตถุทธาระ ปิฏฐิทุกะ
๑๐. อุเปกขาสหคตทุกะ [๑๕๙๙] สภาวธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขา เป็นไฉน จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยอุเบกขาฝ่ายกามาวจรกุศล ๔ ฝ่ายอกุศล ๖ ฝ่าย วิบากแห่งกามาวจรกุศล ๑๐ ฝ่ายวิบากแห่งอกุศล ๖ ฝ่ายกิริยา ๖ รูปาวจร- จตุตถฌาน ฝ่ายกุศล วิบาก และกิริยา อรูป ๔ ฝ่ายกุศล วิบาก และกิริยา โลกุตตรจตุตถฌานฝ่ายกุศลและวิบาก เว้นอุเบกขาที่เกิดขึ้นในจิตตุปบาทนี้ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าสหรคตด้วยอุเบกขา [๑๖๐๐] สภาวธรรมที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขา เป็นไฉน จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโสมนัสฝ่ายกามาวจรกุศล ๔ ฝ่ายอกุศล ๖ ฝ่ายวิบาก แห่งกามาวจรกุศล ๖ ฝ่ายวิบากแห่งอกุศล ๑ ฝ่ายกิริยา ๕ ฌาน ๓ และฌาน ๔ ที่เป็นรูปาวจรฝ่ายกุศล วิบาก และกิริยา ฌาน ๓ และฌาน ๔ ที่เป็นโลกุตตระ ฝ่ายกุศลและวิบาก อุเบกขา รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าไม่สหรคต ด้วยอุเบกขา๑๑. กามาวจรทุกะ [๑๖๐๑] สภาวธรรมที่เป็นกามาวจร เป็นไฉน กามาวจรกุศล อกุศล วิบากแห่งกามาวจรทั้งหมด อัพยากตกิริยาที่เป็น กามาวจรและรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นกามาวจร [๑๖๐๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นกามาวจร เป็นไฉน สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจร อรูปาวจร และที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ สภาวธรรม เหล่านี้ชื่อว่าไม่เป็นกามาวจร๑๒. รูปาวจรทุกะ [๑๖๐๓] สภาวธรรมที่เป็นรูปาวจร เป็นไฉน ฌาน ๔ และฌาน ๕ ที่เป็นรูปาวจรฝ่ายกุศล วิบาก และกิริยา สภาวธรรม เหล่านี้ชื่อว่าเป็นรูปาวจร [๑๖๐๔] สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปาวจร เป็นไฉน สภาวธรรมที่เป็นกามาวจร อรูปาวจร และที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าไม่เป็นรูปาวจร {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า : ๓๘๖}
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๔. อัฏฐกถากัณฑ์]
ทุกอัตถุทธาระ ปิฏฐิทุกะ
๑๓. อรูปาวจรทุกะ [๑๖๐๕] สภาวธรรมที่เป็นอรูปาวจร เป็นไฉน อรูป ๔ ฝ่ายกุศล วิบาก และกิริยา สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นอรูปาวจร [๑๖๐๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอรูปาวจร เป็นไฉน สภาวธรรมที่เป็นกามาวจร รูปาวจร และที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ สภาวธรรม เหล่านี้ชื่อว่าไม่เป็นอรูปาวจร๑๔. ปริยาปันนทุกะ [๑๖๐๗] สภาวธรรมที่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ เป็นไฉน กุศลในภูมิ ๓ อกุศล วิบากในภูมิ ๓ อัพยากตกิริยาในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่านับเนื่องในวัฏฏทุกข์ [๑๖๐๘] สภาวธรรมที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ เป็นไฉน มรรค ๔ ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ สามัญญผล ๔ และนิพพาน สภาวธรรม เหล่านี้ชื่อว่าไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์๑๕. นิยยานิกทุกะ [๑๖๐๙] สภาวธรรมที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ เป็นไฉน มรรค ๔ ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นเหตุนำออก จากวัฏฏทุกข์ [๑๖๑๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ เป็นไฉน กุศลในภูมิ ๓ อกุศล วิบากในภูมิ ๔ อัพยากตกิริยาในภูมิ ๓ รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์๑๖. นิยตทุกะ [๑๖๑๑] สภาวธรรมที่ให้ผลแน่นอน เป็นไฉน จิตตุปบาทที่สัมปยุตด้วยทิฏฐิ ๔ จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโทมนัส ๒ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าที่ให้ผลแน่นอนก็มี ที่ให้ผลไม่แน่นอนก็มี มรรค ๔ ที่ไม่นับ เนื่องในวัฏฏทุกข์ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าให้ผลแน่นอน {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า : ๓๘๗}
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๔. อัฏฐกถากัณฑ์]
ทุกอัตถุทธาระ ปิฏฐิทุกะ
[๑๖๑๒] สภาวธรรมที่ให้ผลไม่แน่นอน เป็นไฉน จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะ วิปปยุตจากทิฏฐิ ๔ จิตตุปบาทที่สหรคตด้วย วิจิกิจฉา จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ กุศลในภูมิ ๓ วิบากในภูมิ ๔ อัพยากต- กิริยาในภูมิ ๓ รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าให้ผลไม่แน่นอน๑๗. สอุตตรทุกะ [๑๖๑๓] สภาวธรรมที่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นไฉน กุศลในภูมิ ๓ อกุศล วิบากในภูมิ ๓ อัพยากตกิริยาในภูมิ ๓ และรูปทั้งหมด สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่ามีธรรมอื่นยิ่งกว่า [๑๖๑๔] สภาวธรรมที่ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นไฉน มรรค ๔ ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ สามัญญผล ๔ และนิพพาน สภาวธรรม เหล่านี้ชื่อว่าไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า๑๘. สรณทุกะ [๑๖๑๕] สภาวธรรมที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ เป็นไฉน จิตตุปบาทที่เป็นอกุศล ๑๒ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าเป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ [๑๖๑๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ เป็นไฉน กุศลในภูมิ ๔ วิบากในภูมิ ๔ อัพยากตกิริยาในภูมิ ๓ รูป และนิพพาน สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ปิฏฐิทุกะ จบ ทุกอัตถุทธาระ จบ อัฏฐกถากัณฑ์ จบ ธัมมสังคณีปกรณ์ จบ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า : ๓๘๘}
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๔ อภิธรรมปิฎกที่ ๑ ธัมมสังคณี จบ เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๓๔ หน้าที่ ๓๘๒-๓๘๘. http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=34&siri=77 ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3]. อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=34&A=8388&Z=11161 ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=34&i=970 พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=34&item=970&items=18 The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=34&item=970&items=18 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๔ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu34
บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]